เบื่อจัง...


ความเบื่อทั่วไปนั้นไม่เกิดปัญญา (แต่มักทำให้เกิดปัญหา) เช่น เบื่ออาหาร จนต้องหาอาหารใหม่ๆ มาสนองแก้เบื่อ

เมื่อวันก่อนได้เข้าประชุมที่ที่ทำงาน เป็นการประชุมของกรรมการชุดค่อนข้างใหญ่พอสมควร

ระหว่างประชุมก็ได้สังเกตเห็นอะไรหลายๆ อย่าง ส่วนใหญ่จะเห็นกิเลสค่อนข้างชัด

ถ้าพิจารณาดูกิเลสสามประการ โลภะ โทสะ โมหะแล้ว ในวงประชุมวันนั้นได้เห็นโลภะ กับ โมหะ เยอะที่สุด... ส่วนโทสะนั้นเห็นไม่มาก แต่มีหลบซ่อนอยู่ในกรรมการบางท่านบ้าง  

ส่วนใหญ่เรื่องที่พิจารณาในวันนั้น จะมีพื้นฐานจากโลภะ และโมหะของผู้ขอ...  ดูไปๆ กี่เรื่องๆ ยิ่งเห็นกิเลสมากขึ้นๆ

แน่นอนว่าเหตุผลในการขอของแต่ละเรื่องนั้นมีพื้นฐานที่จะขอได้ แต่ได้เห็นชัดเจนจริงๆ ว่า ความอยากของคนนั้นไม่สิ้นสุดจริงๆ สามารถพลิกแพลงแนวทาง และเหตุผลทางโลกมาขออนุมัติอะไรแปลกๆ เพื่อผลประโยชน์ทางการเงินได้เสมอ

ดิฉันก็ได้แต่ให้เหตุผลตามวาระและโอกาสในที่ประชุม แล้วก็ปลงอนิจจัง... วางอุเบกขานั่งฟังเหตุและผลที่ไร้สาระของคนไปเรื่อยๆ

การประชุมใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง เมื่อประชุมเสร็จดิฉันเห็นว่าตัวเองเกิดอาการเบื่อหน่ายในจิตใจเป็นอย่างมาก   

วันนี้ก็เลยมาค้นหาในเว็บเพื่อค้นธรรมะเกี่ยวกับความเบื่อหน่าย ก็เลยมาเจอเรื่อง "นิพพิทา" เข้าที่ http://www.nkgen.com/781.htm


นิพพิทาแตกต่างอย่างไรกับความเบื่อทั่วไป...

ต่างกันตรงปัญญาที่เกิด ค่ะ

ความเบื่อทั่วไปนั้นไม่เกิดปัญญา (แต่มักทำให้เกิดปัญหา ^ ^) เช่น เบื่ออาหาร จนต้องหาอาหารใหม่ๆ มาสนองแก้เบื่อ หรือ เบื่อการการประชุมจนกระทั่งหงุดหงิดโกรธเคือง อิจฉา น้อยใจ จนต้องหาเรื่องมาขออนุมัติแปลกๆ กับเขาบ้าง เดี๋ยวจะไม่เท่าเทียม เสียสิทธิ์ ฯลฯ เป็นต้น

แต่ถ้าเกิดนิพพิทาแล้ว หากท่านเบื่ออาหาร ท่านจะเห็นว่าสังขารที่ท่านแบกอยู่ (ร่างกายของเรา) คือกองทุกข์กองหนึ่ง ที่ต้องป้อนพลังงานใส่เข้าไปตลอดเพื่ออยู่รอด  ทานเสร็จก็ต้องถ่ายทุกข์อีก ^ ^  ทำให้เกิดปัญญารู้ว่า กินเพื่ออะไร... ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน แต่กินเพื่ออยู่(ปฏิบัติ) นั่นเอง

หากเบื่อการประชุม ถ้าเกิดปัญญา ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ประชุมกันนั้นไร้สาระเป็นส่วนใหญ่ เพราะเรื่องต่างๆ ในที่ประชุมมักเกิดจากกิเลสเป็นพื้นฐาน วันนี้ตัดสินอย่าง วันหน้าอาจจะเป็นอีกอย่าง ไม่แน่ไม่นอน เมื่อรู้เช่นนี้ทำให้ไม่เกิดอาการหงุดหงิด อิจฉา น้อยใจ หรืออื่นๆ ตามมา แถมทำให้อยากจะเจริญสติปฏิบัติธรรมมากขึ้นไปเรื่อยๆ อีกต่างหาก ^ ^ จะได้ไม่หลุดเข้าไปในวงจรอุบาทย์เหมือนบางคน (ที่โชคร้าย ไม่เกิดปัญญา)

ตัวดิฉันเองเคยได้ยินคำว่านิพพิทา แต่ไม่เคยรู้ความหมายมาก่อน.. ตอนนี้ก็เข้าใจพอสมควรว่าความเบื่อหน่ายของตนที่เกิดนั้นเกิดจากอะไร..และได้อะไรจากความเบื่อหน่ายนั้นๆ

อย่าลืมนะคะ คราวหน้าเบื่ออะไรขึ้นมา ... ลองมาเจริญปัญญา ทำความเบื่อหน่ายให้เป็นนิพพิทา..รับรองชีวิตจะสุขสงบขึ้นมากเลยค่ะ ^ ^

หมายเลขบันทึก: 108291เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2007 14:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน 2012 10:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (33)

ท่านว่า

  • เมื่ออันตัวเรากับคนอื่นๆ นั้นเหมือนกัน คือเป็นคนเหมือนกัน
  • เมื่อเราตามรู้ตามดู รูปและนามของตัวเองเรื่อยๆ จนชำนาญ จนคล่อง
  • การจะเห็นสิ่งเหล่านี้กับคนอื่นนั้นก็ไม่ยาก
  • ดังครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านสามารถเห็นวาระจิตของคนอื่นได้โดยเห็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
  • เคยอ่านว่าหลวงปู่มั่น ท่านสามารถเห็นจิตของผู้อื่นได้  ท่านสามารถมองที่จิตคนอื่นเห็นเป็นภาพดอกบัวแล้วมีสีต่างๆ เป็นรัศมีออกจากผู้นั้น ท่านเลยรู้ได้ว่าใครเป็นยังไง  อย่าเผลอไปโกหกท่านเชียว
  • ผมคิดว่าจากการที่อาจารย์ได้มองดู(ระลึกรู้)จิตของตัวเองบ่อยๆ เห็นว่าอะไรเป็น โลภะ โทสะ โมหะ  โดยที่ไม่ลงไปเล่นกับมันจนคล่อง
  • ทีนี้เวลาได้เห็นของคนอื่นบ้างเลยเกิดอาการเบื่อหน่าย  ทำให้เห็นธาตุแท้ของใครหลายๆคน
  • คนเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเรียนมาสูงอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะกิเลสตัวเองได้  ยิ่งเรียนเก่งก็ยิ่งสามารถเล่นลิ้น เล่นคำ มีเทคนิคที่แยบยล ที่จะทำทุกอย่างเพื่อสนองอีโก้ สนองกิเลสตนเอง
  • ทำเสียจนชิน เป็นนิสัย จนแยกไม่ออกเสียแล้วว่าอะไรผิดอะไรถูก  กูจะเอาของกูอย่างเดียว!
  • เป็นห่วงก็แต่เยาวชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่  แล้วทำตามพวกเขาเหล่านี้ซึ่งหลายคนคงเป็นผู้ปกครอง  ผู้นำของเขา
  • แต่ก็คงดีสำหรับอาจารย์มั้งครับ  อย่างน้อยก็ทำให้เราเอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติธรรม  เห็นข้อดีของธรรมะ  ได้ชัด และเจริญขึ้น
  • อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวผมเองครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

สวัสดีครับอาจารย์กมลวัลย์

การเจริญวิปัสสนาจนเกิดความเบื่อทั้งเขาทั้งเรา มองดูรอบตัวแล้วไม่เห็นมีสิ่งอะไรที่น่ายินดี เป็นไปได้ที่อาจารย์ได้บรรลุถึง นิพพิทานุปัสสนาญานครับ(คือญานเห็นนามรูปเป็นของน่าเบื่อหน่าย) 

อาการที่เกิดขึ้นอาจจะมีลักษณะรู้สึกเบื่อ รู้สึกเหี่ยวแห้งใจ หรือรู้สึกเศร้าใจ ระยะเวลาที่มีอาการดังกล่าวอาจจะนานเป็นวันหรืออาจจะชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ได้ 

ท่านให้กำหนดรู้ไปเรื่อยๆจนกว่าอารมณ์นั้นจะดับครับ แต่ว่าบางครั้งอารมณ์ที่เกิดขึ้นจะมากขึ้นๆตามลำดับจนอาจรุนแรงถึงขีดสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และอาจจะเป็นอยู่หลายๆชั่วโมงแล้วจึงค่อยๆลดลงและหมดไปในที่สุด  (ถ้าเป็นอย่างที่ว่าก็ไม่ต้องตกใจนะครับ  ให้เจริญสติเอาไว้)

พิจารณาไว้เพื่อการเลื่อนชั้นครับ

 

 

นิพพิทา = เบื่อหน่าย + คลายกำหนัด

สวัสดีค่ะคุณ Pธรรมาวุธ  

จริงค่ะ เห็นมาเยอะเลยที่คนเรียนสูงๆ แล้วเอาชนะกิเลสตัวเองไม่ได้

หนักกว่านั้นคือบางคน "ไม่รู้ตัว" เอาเสียเลยค่ะ เรียนมาตั้งเยอะ แต่ไม่รู้ธรรมชาติของตัวเอง คิดดูก็น่าสงสารค่ะ คนพวกนี้

แต่คนพวกนี้บางครั้งก็ทำตัวไม่น่าสงสารค่ะ เพราะหาประโยชน์จากเทคนิคแยบยล ที่ตัวเองสรรหาขึ้นมา แถมคิดว่าตัวเองเก่งอีกต่างหาก...เฮ้อ.. ดูแล้วถึงได้เกิดเบื่อไงคะ ^ ^

ขอบคุณที่แวะเข้ามาให้ความเห็นดีๆ นะคะ

 

สวัสดีค่ะ P อ.ศิริศักดิ์

ขอบคุณอาจารย์ค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆ  เป็นอยู่หนักๆ ค้างอยู่คืนนึงค่ะ ตื่นเช้าวันต่อมายังค้างๆ อยู่บ้าง ตอนนี้อารมณ์หรืออาการเบื่อนี้ดับไปแล้วค่ะ แต่ตอนนี้เป็นหวัดลงคอแทน 5555  จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่ค่ะ แต่คิดว่าจะต้องติดหวัดมาจากห้องประชุมแน่ๆ เลย ^ ^  นั่งนานไปหน่อย..แถมออกมาเจอฝนอีกค่ะ... ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ เดี๋ยวไปเจริญกายานุปัสสนาดูอาการหวัดต่อค่ะ ^ ^

 

สวัสดีค่ะคุณ Pจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

 แหะๆ เลื่อนชั้น หรือเลื่อนขั้นคะ ^ ^

เลื่อนชั้น อาจได้ย้ายไปอยู่ชั้นสูงขึ้นแบบชั้น ๓ ชั้น ๔ หรือเปล่าคะ 555  อันนี้ขี้เกียจย้ายค่ะ...

แต่ถ้าเป็นเรื่องเลื่อนขั้น ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เลย รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสลักสำคัญเลยล่ะค่ะ  ตอนนี้ทำงานไม่ค่อยได้ดูความเจริญก้าวหน้าของตัวเองสักเท่าไหร่ค่ะ ... ทำดีก็ได้เอง ถึงไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ^ ^

 

สวัสดีค่ะ

 คราวหน้าเบื่ออะไรขึ้นมา ... ลองมาเจริญปัญญา ทำความเบื่อหน่ายให้เป็นนิพพิทา..รับรองชีวิตจะสุขสงบขึ้นมากเลยค่ะ ^

คราวหน้าถ้าเป็นอย่างอาจารย์ จะทำตามนี้ค่ะ เพราะอาจารย์รับรองแล้วว่าได้ผล

สวัสดีค่ะน้อง P ข้ามสีทันดร

 

มาแบบเรียบๆ ง่ายๆ เลยนะคะ

นิพพิทา = เบื่อหน่าย + คลายกำหนัด

ดีจังค่ะ

อ้อ.. ดีใจที่ได้เห็นหน้าน้องนะคะ ^ ^

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ P

รับรองว่าได้ผลจริงๆ ค่ะ ^ ^

ถ้าเกิดเบื่อ...ให้พิจารณาเหตุและผลของการเบื่อค่ะ จะได้ปัญญาจากการพิจารณาจริงๆ บางทีเห็นการเกิดการดับของสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเลยค่ะ เห็นอารมณ์คนที่เกิด-ดับ เห็นความอยากของคน ฯลฯ อย่างที่เขาสรุปไว้เลยค่ะ..ว่าจะเห็นความไม่เที่ยง ไม่คงทนถาวรของสังขาร ของอารมณ์ เห็นการไปยึดในสิ่งที่ไม่มีตัวตน เห็นสิ่งปรุงแต่งไร้สาระ...ฯลฯ

พอเห็นแล้วก็ทำให้บอกตัวเองได้เลยค่ะ ว่าแบบนี้ฉัน "ไม่เอา"  ^ ^  ทำให้เราเจริญสติ และมีสติยิ่งขึ้นไปอีก ไม่หลงไปกับอารมณ์และสิ่งปรุงแต่งต่างๆ ...

ขอบคุณคุณพี่ที่แวะเข้ามาให้ข้อคิดเห็นนะคะ ^ ^

  • การเบื่อหน่าย ในโลกีย์ ดีเหลือหลาย
  • แต่เบื่อหน่าย หน้าที่ ไม่ดีหนอ
  • เบื่อกิเลส โลภรัก รู้จักพอ
  • รู้สานก่อ ปัญญา อย่าหลงทาง
  • นิพพิทา น่าเบื่อ เพื่อหลุดพ้น
  • แต่เบื่อคน เห็นผิด จิตไม่ว่าง
  • ถ้าอยากอยู่ อย่างเจริญ เดินสายกลาง
  • ปล่อยปล่อยวาง สักหน..เถอะกมลวัลย์
แง อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ โมหะ กับโทสะต่างกันยังไงค้า รู้จักแต่โมโหโทโส ^ ^

เคยต้องไปประชุมประเภทน่าเบื่อก็มีวิธีแก้ โดยการนั่งสเก็ตช์รูปคนในห้องประชุมไปเรื่อยๆ ทีละคนๆ พอประชุมเสร็จก็เซ็นลายเซ็นแล้วยกให้เจ้าตัวคนที่ถูกวาดไปเลย ชอบใจกันใหญ่ ยังไม่รู้ตัวอีกว่าประชุมน่าเบื่อและไร้สาระจนเราต้องหาอะไรทำแก้เซ็ง ประชุมกับหน่วยงานราชการนี่แหล่ะตัวดี น้ำท่วมมาก่อนเลย บางทีประชุมจบก็รู้สึกงงๆ ว่าวันนี้ไม่เห็นได้อะไรเพิ่มเติมเลย เป็นพวก NATO เหมือนที่อ.ทิพวัลย์เคยว่าไว้ No Action, Talk Only

เป็นกำลังใจให้นะค้า สู้ๆ ขันติๆ ถ้าขันใกล้แตกก็ลุกไปห้องน้ำแก้เซ็งก็คงพอช่วยได้ ถือว่าเป็นกรรมที่ต้องมานั่งประชุมแบบนี้ ไปปลดทุกข์ก็น่าจะดีขึ้นค่ะ ^ ^
P
พิสูจน์
ขออนุญาตอมยิ้มกับกลอนของคุณครูพิสูจน์
P
และขอขำก๊ากกับ Nato ของคุณ Little Jazz ครับ

5555 ขอบคุณค่ะ อ. พิสูจน์ P

ปล่อยแล้วค่ะ ปล่อยแล้ว... 555

อาการเบื่อนั้นหมดไปนานแล้วค่ะ ตั้งแต่ก่อนเขียนบันทึกค่ะ เพียงแต่อยากนำมาเล่าไว้เป็นประสบการณ์ วันหลังกลับมาอ่านเองจะได้มาทวนความจำ ว่าเคยเบื่อหนักขนาดไหนค่ะ ^ ^

ขอบคุณสำหรับกลอนเตือนใจ(กมลวัลย์)เพราะๆ อีกครั้งนะคะ ^ ^

เทคนิควาดรูปเนี่ย เยี่ยมยอดเลยนะคะ คุณ Little Jazz \(^o^)/ P แต่อันนี้สงสัยจะใช้กันไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าตัวเองวาดรูปคนอื่นๆ แล้วแจกลายเซ็นกลัวเขารับ(ด้วยความเกรงใจ...มาก....) แต่เอาไปทิ้งเพราะฝีมือเราดูไม่ได้เลย 555555 ตอนนี้วาดได้แต่รูปสี่เหลี่ยมๆ เป็นเส้นตรงๆ อ่ะ ^ ^  แถมเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้ sketch เส้นก็ไม่ค่อยตรงอีกต่างหาก.... อิอิ

เรื่องโมโหโทโส เนี่ยเข้าข่ายโทสะ (ความโกรธ) ค่ะ แต่เรื่องโมหะ เนี่ยคือ"ความหลง"ค่ะ ประมาณว่าเห็นว่าตนนั้นล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร หรือหลงผิดคิดว่าตัวเองจะอยู่ค้ำฟ้า ไม่มีวันลงจากตำแหน่งเจ้าจอมยุทธหนึ่งในจักรภพได้ประมาณนั้นน่ะค่ะ 5555  เรื่องความหลงผิดนั้นมีอีกเยอะค่ะ แต่ในที่ประชุมส่วนใหญ่จะหลงติดกับตำแหน่งค่ะ ^ ^

ขอบคุณสำหรับ tips เรื่องห้องน้ำกับการวาดรูปนะคะ สงสัยจะใช้ได้อย่างเดียวคือเรื่องห้องน้ำค่ะ จะเดินออกตอนเขา NATO กัน...ดีไหมคะ 555

ขอขำ+อมยิ้มกับคุณ Pธรรมาวุธ  ด้วยคนค่ะ...  ^ ^

สวัสดีค่ะอาจารย์กมลวัลย์ เขียนเรื่องดีๆมีสมาชิกให้ทั้งข้อคิดและคำถาม ได้เรียนรู้ไปด้วยกันดีค่ะ

อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงสมัยทำงานในองค์กรใหญ่ๆ และตนเองยังไม่รู้จักการปฏิบัติธรรม โอ้โฮ มันใช่เลย จะยิ่งเบื่อการประชุมมากเมื่อ "มันไม่ได้อย่างใจ ตามที่เรามีความคิด หรือมีแผนไว้" เป็นความหลงในความเก่งของตนเองซะไม่มีล่ะ

ที่จริงทุกคนก็รู้ว่าการประชุมแบบที่ทำอยู่นั้น แบบเดิมๆมันน่าเบื่อและไม่สร้างสรรค์ แต่ก็ยังต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นเพราะโครงสร้างของอำนาจ ที่บดบัง และทำลายปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ของคนตั้งใจทำงาน

ดีใจที่ทุกวันนี้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร การเจริญสติทำให้เห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง ช่วยรักษาจิตไม่ให้ตก และโชคดีอีกชั้นที่มีอิสระในชีวิตไม่ต้องผูกอยู่กับองค์กร

เบื่อแบบเกิดปัญญา อย่างอาจารย์ เดี๋ยวก็หมดเบื่อเองค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ คุณนายดอกเตอร์ P

ตอนที่ตัวเองยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรือเจริญสตินะคะ..ทำอะไรมันจะเร่งร้อนไปหมดเลยค่ะ เพราะเป็นคนทำอะไรเร็ว ตัดสินใจเร็ว ทำเลย เพราะฉะนั้นถ้าคนอื่นช้าจะหงุดหงิดมาก 5555 คิดแล้วขำตัวเองค่ะ ไม่รู้จะเร่งรีบไปถึงไหน.. ตอนนั้นไม่มีสติจริงๆ ค่ะ แถมอัตตาสูงมาก โมหะเพียบเลยค่ะ แต่ไม่รู้ตัว...   ^ ^

จริงอย่างที่คุณพี่ว่าไว้ว่า "การเจริญสติทำให้เห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง" ตัวเองคิดว่าโชคดีมากค่ะ ที่ได้มีโอกาสมาปฎิบัติธรรมในรูปแบบนี้ เพราะทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวันสามารถนำมาเป็นแบบฝึกหัดได้ทั้งสิ้น... ผ่านบ้างไม่ผ่านบ้างตามประสาค่ะ ^ ^

ขอบคุณคุณพี่ที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ

 

  • ชอบนั่งสมาธิฝึกจิตครับ
  • แต่นั่งเฉพาะตอนเช้า
  • แต่จิตไม่นิ่งเท่าไร คงต้องฝึกอีกมาก
  • อาจารย์มีอะไรแนะนำไหมครับ
  • วันก่อนอยู่กับพ่อครูบา
  • คิดถึงอาจารย์ครับ
  • อยากให้อาจารย์เห็นกระบวนการว่าทำไม คน จนถึงยิ่งจนๆๆ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะอ.ขจิต ฝอยทอง P

การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่พี่ก็ไม่ค่อยได้นั่งสักเท่าไหร่ค่ะ (ถ้านั่งแสดงว่ากำลังเหนื่อยมากๆ และต้องการพักทั้งกายและใจ) พี่เน้นการเจริญสติระหว่างที่ตื่นอยู่อย่างเดียว... การทำสมาธิเหมือนกับเป็นการออกกำลังกายน่ะค่ะ ยิ่งออกกำลังกายมากยิ่งแข็งแรง (จิตแข็งแรง) แต่จิตจะไม่ค่อยได้ฝึกปรือเหมือนกับการเจริญสติค่ะ การนั่งสมาธิเหมือนกับการไปหาที่สงบๆ ให้จิตได้พักค่ะ

นั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ตามที่ทำอยู่ค่ะ เพราะถ้าถูกจริตอยู่แล้วก็ไม่ควรไปเปลี่ยนอะไร แต่เพิ่มการเจริญสติ เริ่มจากง่ายๆ ก็คือการดูกายก่อนค่ะ พยายามเรียกความคิดเรากลับมาอยู่ที่กิจกรรมที่กายเรากำลังทำอยู่ค่ะ แปรงฟัน ล้างหน้า พิมพ์คอมพ์ ให้จิตอยู่กับสิ่งนั้นๆ ค่ะ อย่างเช่นตอนนี้พี่พิมพ์คอมพ์อยู่ ก็จะเห็น(แบบไม่ได้มองมือ)ว่ามืออยู่ตรงไหนของคีย์บอร์ด กำลังทำอะไรอยู่ค่ะ... ถ้าเดินอยู่ก็ให้จิตไปอยู่ที่เท้าประมาณนี้น่ะค่ะ.. ถ้าทำอย่างนี้บ่อยๆ เราจะเรียกจิตเราเองมาอยู่กับปัจจุบัน(อยู่กับกาย)ได้มากขึ้น (ไม่เที่ยวไปซุกซนคิดโน่นคิดนี่น่ะค่ะ)

แนะเรื่องปฏิบัติธรรมสั้นๆ แค่นี้ก่อนนะคะ ^ ^

อยากไปบ้านครูบาเหมือนกันค่ะ กำหนดการเลี้ยงส่งคงยังเหมือนเดิมนะคะ อันนี้วางแผนกับพ่อแม่ว่าจะขับรถไปบ้านครูบาแล้วล่ะค่ะ จะได้ไปดูอะไรหลายๆ อย่างที่อาจารย์ขจิตอยากให้ดูค่ะ..

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ ^ ^

 

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ ... ได้ข้อคิดและแนวทางปฏิบัติอีกแล้วค่ะจากบันทึกของอาจารย์ จะสอบผ่านรึปล่าวยังไม่ทราบค่ะ แต่จะพยายาม....

ตอนนี้กำลังเบื่อค่ะ ...

อืมมมมมมมมส์....เบื่อ

อ่านที่หนูเขียนแล้วเข้าใจเพราะเคยเป็นโรคเดียวกัน...

เบื่อประชุม เบื่อสิ่งไร้สาระที่คนพูดในที่ประชุม เบื่อความเห็นที่โชว์แต่ความเอาแต่ใจ เอาแต่ได้ของคนบางคนในที่ประชุม

เบื่อท่านประธานไม่รู้จักตัดบทสรุบ

เบื่อตนเองที่ต้องมานั่งเสียเวลาฟังเป็นชม.ๆๆๆ ทุกๆวัน

เคยนั่งวาดรูปคนทุกคนในห้องประชุมแบบหนู little jazz แมวเหมียว มาแล้ว

ตอนอารมณ์ไม่ดีก็วาดคนสวยเป็นยักษ์ขมูขีไปก็มี :) 

หรือวาดลายไทย ตัวพระตัวนางไปเรื่อยๆ...

แล้ววันหนึ่งก็เกิดอาการ "ปิ๊ง!" ขึ้นมาอย่างหนูนี่แหละจึงไม่เบื่อประชุม!

เพราะเกิดการดูแบบดูกิเลสในใจคนขึ้นมา เป็นการศึกษาธรรม โดยเฉพาะเกิดความเข้าใจในอภิธรรมขั้นสูงขึ้นมาเฉยๆ

คือเห็นจิตที่เป็นไปตามลักษณะต่างๆอย่างแท้จริง

เลยประชุมไปสนุก ไม่เบื่อ อมยิ้มไป บางครั้งก็ หัวเราะ เพราะเห็นกิเลสชัด อ้าว! ตัวนี้ตูก็เป็นนี่หว่า

เลยเอาไว้เป็นตัวเจริญสติ เตือนใจตนเองว่าตัวกิเลสมันร้ายเพียงใด

โดยเฉพาะตัวมานะ ความหลงผิดในตน

ส่วนอาการเบื่อนั้น แยกออกมาได้สองอย่าง อย่างที่หนูบอก...

คือ เบื่อ อย่างแรก จัดเป็นกิเลส ที่เป็นไปตามอำนาจของโลภ โกรธและหลง ทำให้เบื่อหน่ายในสิ่งต่างๆ

หากจัดเป็นตัณหา เรียกว่า ระดับกามตัณหา ภวตัณหาและวิภวตัณหา ตามลำดับ

เช่นเบื่ออาหาร เป็นระดับ กามตัณหา

เบื่อประชุม จัดเป็นภวตัณหา คือเบื่อหน่ายในภพที่ตนสิงสถิตย์อยู่ :)

เบื่อหน่ายในฐานะตำแหน่งไม่อยากเป็นตัวแทนคณาจารย์หรือเป็นคณบดี  จัดอยู่ในวิภวตัณหา

คือ ไม่อยากมีไม่อยากเป็น อิอิ!

แต่การเบื่อหน่ายในอาการที่เรียกว่า นิพพิทานั้น เป็นการเบื่อที่ประกอบไปด้วยปัญญา จึงเรียกว่า นิพพิทาญาณ (ญาณปัญญาที่เกิดจากการเบื่อหน่ายในสงสาร)

ขยายความว่า ปัญญาในที่นี้ ที่เรียกว่า ญาณ(อ่านยานนะ) หมายถึงปัญญาที่เกิดขึ้นตามลำดับของการเจริญสติที่เห็นความจริงแท้ของรูปนาม(ขันธ์5) ที่ล้วนแต่ตกอยู่ในทุกขัง อนิจจังและอนัตตา และมีทุกข์โทษต่างๆนานา จนเป็นเหตุให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพใดภพหนึ่งอยู่ร่ำไปไม่มีที่สิ้นสุด

ญาณปัญญาในระดับนิพพิทาญาณ จึงเกิดขึ้น ว่าเบื่อหน่าย ในการเกิด เบื่อหน่ายในสงสาร

จึงก่อให้เกิดปัญญาที่สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง คือหาทางหลุดพ้นครับ

เขียนยาวไปอีกแล้ว :) ...ขออนุญาตจบดื้อๆแค่นี้

สวัสดีค่ะอ.paew P

ขอโทษที่ตอบช้ามากๆ ค่ะ พอดีงานเยอะ เลยได้แต่เข้ามาดู แต่ยังไม่ได้โอกาสเขียนตอบเสียที ^ ^ เพิ่งได้โอกาสเช้านี้เอง

หวังว่าตอนนี้คงหายเบื่อแล้วนะคะ บางทีงานมันก็น่าเบื่อจริงๆ ด้วยแหละค่ะ อ่านข้อคิดเห็นของอ.พิชัยแล้วก็สรุปได้เลยว่าทุกคนต้องผ่านอาการนี้เหมือนกันหมด..

ต้องคอยเจริญสติสังเกตดูดีๆ ค่ะ บางทีเราเห็นอะไร ได้ยินอะไรที่ไม่ค่อยเจริญหูเจริญตาเจริญใจ แต่ถ้าเราเข้าใจว่ามันก็เป็นเช่นนั้นเอง เป็นไปตามกิเลสตัณหาของคน จะทำให้เราคิดได้ว่าอะไรควรกระทำตาม อะไรไม่ควร และบางทีเห็นเลยว่าหลายๆ คนกำลังวิ่งไล่ตามสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีตัวตนอยู่ พยายามจะเอามาเป็นของตัวเองให้ได้.. แถมบางคนก็ยึดติดกับอะไรบางอย่างมากๆ เห็นบ่อยๆ ก็จะทำใจได้

พอดิฉันเห็นอย่างนี้แล้ว ก็รู้เลยว่าอะไรเป็นกับดักทำให้เราเกิดความเบื่อในชีวิตประจำวัน..การเจริญสติ ช่วยได้มากเลยค่ะ ทำให้เราไม่หลงไปกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรา

แต่ตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้ตลอดเวลาหรอกนะคะ ^ ^ มีอารมณ์เกิดบ้างเป็นระยะ แต่ก็เจริญสติตามดูตัวเองไม่ให้บานปลายไปมากกว่าที่เกิดไปแล้ว.. ได้ผลดีทีเดียวค่ะ

เป็นกำลังใจให้อ.แป๋วหายเบื่อเร็วๆ นะคะ ลองเจริญสติดู รับรองค่ะจะมีวันหนึ่งที่ อ.แป๋วมองย้อนกลับไปดู แล้วขำตัวเองว่าตอนนั้นไปเบื่อกับเรื่องนี้ได้ยังไงเนี่ย...อิอิ..

 

สวัสดีค่ะ อ.พิชัย กรรณกุลสุนทร P

^ ^ ฟังอาจารย์เล่าแล้ว แต่ละคนก็ผ่านเหตุการณ์คล้ายๆ กันมาเลยนะคะ แต่อย่างที่อาจารย์บอกแหละค่ะ พอมัน"ปิ๊ง"ขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างก็ดีขึ้นจริงๆ ไม่ค่อยยึดติดกับเรื่องดีหรือไม่ดีที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว.. ทำหน้าที่ไปตามวาระ (ตามกรรม 5555) ต่อไป แต่หนูคิดว่าเวทีเหล่านี้เป็นเวทีฝึกการเจริญสติอย่างดีเลยค่ะ เพราะมีกิเลส ตัณหาให้ตรวจจับได้มาก ^ ^

อาจารย์อธิบายเรื่องเบื่อได้ละเอียดกว่าหนูมากเลย..ขอบคุณมากนะคะสำหรับธรรมทาน..

แล้วพบกันวันเสาร์นี้ค่ะ...ตอนนี้ร่างกายป่วยเล็กน้อย เป็นหวัดค่ะ กำลังพยายามทำให้หาย จะได้มีแรงกินเลี้ยงค่ะ 5555

^ ^ ^ อ่านประโยคสุดท้ายข้างบนแล้วเกิดอาการตาร้อนผ่าว เกิดกิเลสขึ้นมาในจิตใจตุ้บๆ สงสัยต้องไปฝึกนั่งสมาธิตัดกิเลสซะบ้างแล้วค่า ^ ^

โฮะ โฮ่ โฮ่... แล้วจากินเผื่อน๊า.....  คุณ Little Jazz \(^o^)/ P  .....  แค๊ก แค่ก แคก... ยังไออยู่เลยอ่ะ.. จะมีแรงกินเผื่อหรือเปล่าน๊อ... ^ ^  แต่ยังไงก็(กิน)เต็มที่ค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งกะตี ๔ ตะเกียกตะกายไปขึ้นเครื่องให้ทัน แล้วสอนทั้งวันก่อนจะได้กินลี้ยง... ถ้าไม่หิวโซ ให้มันรู้ไป 5555 

ก็อยากไม่มาเองนี่นา .....  อิอิ 

แล้วจะรายงานการสนทนาธรรม(ระหว่างการกิน)และรายการอาหารให้รับทราบในตอนต่อไป.. โปรดติดตาม...  ^ ^

สวัสดีครับอาจารย์

  • อยากเรียนว่า  แอบอ่านอยู่ตลอดนะครับ
  • รู้สึกว่าไม่ค่อกล้า ลปรร  เพราะว่าช่วงนี้มีแต่จอมยุทธ์ ระดับอาจารย์ทั้งนั้นเลยครับ
  • แต่ก็จะเก็บเกี่ยวเสมอๆครับ

สวัสดีค่ะคุณหมอสุพัฒน์ (kmsabai)

^ ^ อ่าฮ่า.. แอบอ่านอยู่นี่เอง เกือบ log off ไปแล้วนะคะเนี่ย ^ ^

คุณหมอชมมากไปแล้วค่ะ เราไม่ต่างกันหรอกค่ะ คิดว่าเดินเส้นทางเดียวกันด้วยซ้ำไป.. ยังเคยพูดกับอ.ศิริศักดิ์เลยค่ะ..

แว่บไปอ่านบันทึกคุณหมอมาแล้วค่ะ แต่ไม่มีเวลาเขียนฝากร่องรอยเอาไว้..พอดีช่วงนี้งานเยอะค่ะ แต่พรุ่งนี้โชคดีจะได้เจอ อ.พิชัยที่เชียงใหม่ค่ะ ถ้ามีโอกาสยังอยากไปเยี่ยมคุณหมอที่ปายเลยค่ะ..เผื่อจะไปซื้อที่อยู่ติดกัน 5555

อ่านจากบันทึกก็รู้ว่าคุณหมอฝึกอยู่เสมอ ดีจังเลยค่ะ น่าจะช่วยผ่อนงานที่หนักมากๆ ให้เป็นเบาได้บ้าง.. ดิฉันจะนึกอยู่เสมอค่ะ หนักกายได้แต่จะไม่ให้มาหนักใจเราค่ะ ^ ^

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร หรือเข้ามาอ่านเสมอนะคะ..

อ่านบทความแล้ว

ทำให้เห็นว่า

เบื่อในแบบ นิพพิทา ทำให้เราปล่อยวาง ทำให้เราทุกข์น้อยลง

แต่ เบื่อในแบบที่เป็นจากกิเลส ทำให้เราทุกข์มากขึ้น นั่นเพราะ เรากำลังยึดติดบางอย่าง เรามีความต้องการโหยหาอยากได้บางอย่างที่เราไม่มีตอนนี้ และเรากำลังไม่พอใจสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ค่ะ

 

ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ ที่ทำให้เห็นสัจธรรมมากขึ้นค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณหมอ ซันซัน P

เรื่องความเบื่อเนี่ยเกิดกับทุกคนแน่ๆ ค่ะ ดังนั้นถ้าเราเข้าใจความเบื่อของเราก็น่าจะทำให้เราจัดการเปลี่ยนความเบื่อให้เป็นปัญญาได้ ^ ^

อาจารย์พิชัย กรรณกุลสุนทร อธิบายเรื่องความเบื่อที่จัดเป็นปัญหาได้ชัดเจนเลยค่ะว่า...

"...เบื่ออาหาร เป็นระดับ กามตัณหา

เบื่อประชุม จัดเป็นภวตัณหา คือเบื่อหน่ายในภพที่ตนสิงสถิตย์อยู่ :)

เบื่อหน่ายในฐานะตำแหน่งไม่อยากเป็นตัวแทนคณาจารย์หรือเป็นคณบดี  จัดอยู่ในวิภวตัณหา

คือ ไม่อยากมีไม่อยากเป็น อิอิ!"

แค่เรื่องเบื่อเรื่องเดียวยังลืกซื้งมากเลยนะคะ เบื่อก็เป็นตัณหาได้ ความอยากก็เป็นตัณหาเหมือนที่คุณหมอว่าไว้ ความไม่อยากก็เป็นตัณหาอีกเหมือนกัน.... เป็นเรื่องที่ทั้ง simple ทั้งลึกซึ้งไปในเวลาเดียวกันเลยจริงๆนะคะ..

คิดดูแล้ว..ยังมีอีกมากที่ตัวเองยังไม่รู้ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองทุกวันเลย...ยังต้องศึกษาอีกมากค่ะ ^ ^

ดีใจที่คุณหมอแวะมาเยี่ยมและ ลปรร ค่ะ ^ ^

ขอบคุณสำหรับธรรมะดีๆที่ให้แง่คิดของวันนี้ค่ะ

เกือบ 2 เดือนมานี้รู้สึกตัวเองว่าป่วย  ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะว่าป่วยเป็นโรคอะไร

คิดว่าเป็นโรค "เบื่อ" แน่ๆเลยค่ะ

ดังนั้น ความเบื่อ ไม่เพียงเป็นตัณหา อีกทั้งยังเป็นโรคอีกด้วยเนอะ

อ่านบันทึกนี้แล้วก็ได้เจริญสติ (เอ..รึว่าดับสติเนอะ ^_^ ) 

  • เบื่อสิ่งที่เคยชอบ .. ก็ดี.. จะได้แสวงหาสิ่งใหม่ เปลี่ยนแปลงชีวิต และความคิดเดิมๆของตนเองบ้าง
  • เบื่ออาหาร.. ก็ใช้วิธีไม่กินมันซะเลย ผลก็คือ นน.ลดฮวบฮาบ 7 kg ไม่ถึงเดือน ..ก็ดี..ถือว่าลดน้ำหนักไปในตัว ^^'

 

อุ๊ย.. ขอโทษค่ะ พิมพ์ตก

" ไม่ถึง 2 เดือน "  ค่ะ

ขืนแค่ไม่ถึงเดือน.. อันนั้นน่าตกใจแล้วล่ะ ^_^''

 

สวัสดีค่ะคุณ k-jira P

โอ้โห..เป็นเบื่อนาน 2 เดือนเนี่ยน่าเห็นใจมากเลยค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ ดิฉันเองก็เคยเป็น แต่น้ำหนักไม่ลดเยอะขนาดนี้ค่ะ   ^ ^

ดิฉันว่าการเป็นเบื่อนานๆ เนี่ย สุดท้ายจะทำให้เราเกิดปัญญาค่ะ แต่จะต้องเห็นแล้วว่าอะไรๆ ก็เป็นอนิจจังไปเสียหมด ปัญญาจึงจะเกิดค่ะ  สุดท้ายก็สามารถจะปล่อยสิ่งที่จิตเราจับยึดไว้ออกไปได้ คลายความเบื่อลงไปได้ค่ะ  แต่ต้องระวังไม่ให้จิตของเราไปยึดเรื่องอื่นๆ มาเป็นเรื่องน่าเบื่อได้อีกค่ะ

หวังว่าการอ่านบันทึกนี้จะทำให้เกิดการเจริญสติมากกว่าการดับสตินะคะ ^ ^ อ่านแล้วไม่ง่วงขนาดนั้นใช่ไหมคะ 5555

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท