ประสบการณ์ 3 วันกับโดโรธี แม็คเคลน (1)


เธออธิบายต่อไปว่า ..."เป็นประสบการณ์ที่ the whole universe is within me. I am a small part of the universe........" เธอบอกว่ารู้สึกเหมือนกับได้กลับมาเป็น "ทารก" อีกครั้งหนึ่ง

 ตอนแรกผมนึกว่าคงจะไม่ได้เข้าร่วม Workshop กับคุณโดโรธี ซะแล้ว   แต่ในที่สุดสิ่งที่เรียกว่า "ธรรมะจัดสรร" ก็ได้ทำให้ผมมีโอกาสไปใช้ชีวิต 3 วันกับคุณ Dorothy และกลุ่มผู้ที่สนใจในเรื่องนี้อีก 20 ชีวิตครับ  พวกเราได้ไปใช้สถานที่ซึ่งเป็นบ้านสวนป่าของ ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ที่เรียกว่า "วนเกษตร"  เป็นเวทีเรียนรู้ในครั้งนี้

 ขอเล่าสั้นๆ เกี่ยวกับคุณโดโรธีว่า เธอเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งชุมชนฟินด์ฮอร์นในประเทศสก๊อตแลนด์  ร่วมกับสองสามีภรรยา Peter และ Eileen Caddy ในปี ค.ศ. 1962  ปัจจุบันคุณโดโรธี อายุ 85 ปี  เธออาศัยอยู่ใกล้กับเมืองซีแอตเติล  ในประเทศสหรัฐอเมริกา  เธอยังคงจัดอบรมเรื่องการถ่ายทอดสื่อสารด้านจิตวิญญาณกับธรรมชาติให้กับชุมชนฟินด์ฮอร์นอย่างสม่ำเสมอปีละครั้ง

 สามวันที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเธอ  ผมจะขอถ่ายทอดโดยถอดประเด็นเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

(1) คำว่า "God" หรือ "เทพ" ที่คุณโดโรธีใช้นั้น เธอได้อธิบายว่า หมายถึง "พลังงานที่ไร้รูปร่าง (Formless Energy)"  ที่มีอยู่ทั้งในตัวเรา และในสรรพสิ่ง (ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต)  Concept ของ "เทพที่อยู่ข้างใน (God Within)" นั้นถือเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ชาวตะวันตกมากทีเดียว  เพราะพวกเขามีความเชื่อว่า "พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่นั้นอยู่ภายนอก..... อยู่ในสรวงสวรรค์ หรือที่ไหนสักแห่งหนึ่ง"

(2) ประสบการณ์การพบ God ภายใน ทำให้ชีวิตของคุณโดโรธีเปลี่ยนไป จากที่เคยข้องใจว่า "What is the purpose of  life?  Why we are here?"  เราเกิดมาทำไม..... เกิดมาเพื่ออะไร?   ประสบการณ์ตรงที่เธอได้รับทำให้เธอได้คำตอบ ได้ความกระจ่างในชีวิตของเธอ   ทำให้เธอไม่รู้สึกว่าเธออยู่คนเดียว (alone) อีกต่อไป  ชีวิตของเธอกลับมีความหมาย ทุกๆ คนที่รู้จักต่างก็ทักว่าเธอนั้นเปลี่ยนไป  เธอเรียกประสบการณ์นี้ว่า "join universe"  เธออธิบายต่อไปว่า ..."เป็นประสบการณ์ที่ the whole universe is within me.  I am a small part of  the universe........"  เธอบอกว่ารู้สึกเหมือนกับได้กลับมาเป็น "ทารก" อีกครั้งหนึ่ง  ผมตีความเอาเองว่า ถ้าเป็นหลักการของ "เต๋า" ก็คือสภาวะที่ได้พบกับเต๋า  ซึ่งก็คือสภาพที่จุลจักรวาล (ตัวเรา) ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมหาจักรวาล (Universe) นั่นเอง  ปรากฏการณ์นี้ทำให้เธอเริ่มตระหนักว่า เธอจำเป็นจะต้องเลิกทำ "สิ่งเดิมๆ" ที่ทำอยู่ เช่น จิตที่เน้นการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ (Critical Analysing Mind)  เธอได้เปลี่ยนหันมาน้อมรับ "จิตแห่งจักรวาล (สรรพสิ่ง)" แทน

(3) เธอได้เล่าว่า ...ได้พบครูผู้หนึ่งในอเมริกา  ที่ได้สอนเธอว่าให้ "กระทำ (Act)" แทนที่จะเป็นแค่ "มีปฏิกิริยาตอบสนอง (React)"  เธอบอกสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก  เราไม่สามารถเพ่งโทษ (blame) ผู้อื่นได้  สิ่งต่างๆ ล้วนขึ้นอยู่กับ "การกระทำ" ของเราทั้งสิ้น

(4) มีเสียงภายในบอกให้เธอ "หยุด.... ฟัง.... และเขียน"    ..... หยุด หมายถึงให้สงบ ให้เงียบ ให้เปิดรับ (open)  ...... ฟัง  หมายถึง ให้ฟังอย่างตั้งใจ ฟังอย่างลึกซึ้ง  ฟังเสียงที่อยู่ข้างใน   ...... เขียน หมายถึง ให้บันทึกความรู้สึกหรือถ่ายทอดเสียงที่เกิดขึ้นภายใน ออกมาเป็นถ้อยคำภาษาอย่างตรงไปตรงมา  เธอได้สารภาพว่า ช่วงแรกเธอทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ตรงที่เธอไปปรับแต่ง (edit) "สาร"  ที่เธอได้รับมานั้นให้ออกมาเป็น Version ที่สวยงามตามความคิดของเธอ

(5) สาร (เสียงภายใน) ที่เธอได้รับเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1954 มีใจความตอนหนึ่งว่า

 "ย่องเข้ามาใกล้ๆ ย่องเข้ามาใกล้ๆ อย่างเงียบๆ ดังคล้ายหนูคลานเข้ามาหาฉัน   ขยับเข้ามาใกล้ๆ ฉันอย่างเชื่องช้า ไม่รบกวนผู้ใด หรือทำให้ฝุ่นผงฟุ้งกระจาย  ขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ไม่ยินเสียงสดับใดๆ ไม่เห็นสิ่งใด ไม่พูดสิ่งใด ด้วยความบริสุทธิ์เท่านั้นที่เข้ามาใกล้ฉัน  อย่าปล่อยให้คลื่นแห่งความไม่บริสุทธิ์ใดๆ มาขวางกั้น    
 

ขยับเข้ามาใกล้  ขยับเข้ามาใกล้  ด้วยจังหวะเต้นแห่งหัวใจ ปล่อยหัวใจของเธอเข้ามาสู่ฉัน  สร้างสะพานเชื่อมระหว่างเธอกับฉัน  จนกระทั่งรวมกันเป็นหัวใจดวงเดียวที่เติบโตและยิ่งใหญ่เพื่อดำรงรักษาจักรวาล 

           
ปล่อยให้ปีกแห่งหัวใจนำพาเธอเข้ามาใกล้  ให้หัวใจกระพือปีกอย่างนุ่มนวลเข้ามาใกล้ๆ ให้เธอเข้ามาหาฉันอย่างไม่มีกังวลใดๆ แทรกเข้าไปในหัวใจของฉัน  เข้ามาในความอบอุ่นของฉัน เข้ามาในปีกแห่งความปกป้องคุ้มครอง พักพิงอยู่ที่นี่ ปลดปล่อยตัวเอง เข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจฉัน ให้สายเลือดของเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว...."

สำหรับผู้ที่อ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง ผมแนะนำให้ลองอ่านต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษข้างล่างนี้ดู  จะสัมผัสได้ถึงความสวยงามและความซาบซึ้งใจ .... เกิดความรู้สึกอย่างไรก็ลอง Share กันในช่อง Comment นะครับ   ถ้าผมได้รับ Feedback ในเรื่องนี้ ก็คงจะมีตอนต่อไปครับ

"Come closer, come closer, so softly, on tiptoe. As quietly as a mouse creep up to Me. Let Me draw you nearer, in slow motion lest we distrub anyone, lest we raise any dust. Move closer to me invisibly, hearing no evil, speaking no evil. Only purity can come close to Me, and we do not want any ripple of impurity to trip you.

Draw nearer, draw nearer, with the movement of your heart. Let it expand into Me. Let it bridge any space that might be between us, until there is just one, big, glowing heart, so big that it holds up this universe.

Let the wings of your heart bear you closer. Let them gently flutter a little nearer, a little nearer, bringing you closer to Me without our awarness. Sneak into My heart, into My comfort, into the protection of My wings. Nestle there. Pull in all your toes, be part of My heart, blood of My blood,......."


 

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 10524เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2005 16:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 20:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
อดไป.........แต่เท่าที่ฟังอ.ประพนธ์ เล่าก็รู้สึกดี น่าจะลองทำได้เอง และคาดว่าเรื่องนี้น่าจะมีตอนต่อไป ....น่ะค่ะ

ที่บอกว่าได้ยินเสียงจากภายในของตนเอง  มันจะเหมือนกับที่ OSHO บอกไว้รึเปล่าครับถ้าหมกมุ่นอะไรมากๆจิตของเราก็จะสร้างมันขึ้นมาเองเหมือนกับคบที่บอกว่าเห็นพระเจ้า อยากจะทราบครับว่าเหมือนรึต่างกันอย่างไร จะรอคำตอบนะครับขอบคุณมาก

คุณ luckysky7 ครับ ...เรื่องเสียงจากภายในนี้ คุณโดโรธี อธิบายว่า.... "สำคัญมากที่เราจะต้องเข้าไปใน Space ที่มีความบริสุทธิ์ (Purity) มีความรัก ความเบิกบาน (Love & Joy) ก่อนที่จะสื่อสารกับสิ่งใดๆ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เราอาจตกเข้าไปในส่วน "จิตใต้สำนึก" ของเราก็ได้ แล้วเลย "เข้าใจผิด" คิดว่าได้สื่อสารกับปัญญาของธรรมชาติ เราต้องระวังอย่าให้สับสนระหว่าง Our Subconcious กับ God Dimension" ซึ่งผมว่าสอดคล้องกับที่ osho พูดไว้ในหนังสือ "ปัญญาญาณ" ตามที่คุณ luckysky7 บอกไว้ครับ

ขออนุญาต แจมนิดหนึ่ง  ด้วยความเคารพนะครับ

จากข้อมูลที่อ่านๆ ในนี้  ถ้าผิดพลาดขออภัย

ขอใส่ หมวกแดง ของ De Bono แจมด้วยนะครับ 

 

สงสารโดรอธี  ที่ มาติดอยู่แค่ "ดี"   เธอยังไม่ค้นพบ "สติ"

 

พัว พันกับต้นไม้ ธรรมชาติ ที่เป็น ภายนอกแบบนี้มากๆ   ตายไป คงไปเป็น วิญญาณ เฝ้าต้นไม้  ยิ่งไม่รู้จัก ยิ่งเป็นมิจฉาทิฐิด้วยแล้ว  อาจจะโชคร้ายกลายเป็นเปรตได้

้  ธรรมชาติที่ควรค้นพบ คือ ธรรมชาติของจิตของตนครับ  เอาสติเข้าไปศึกษาธรรมชาติจิตตน  จะค้นพบ "ธรรม"  เป็นธรรมที่แท้จริง 

ต้องหัด แยก จิต สติ ความคิด   สามตัวออกจากันให้ได้  ก็จะเข้าใจการฝึกมหาสติฯ ครับ 

 

ใช้สติ ครับ   อย่าให้ จิตใต้สำนึกทำงานครับ  เอาสติไปทำงาน

 

Perter Senge และ Ottto Scharmer เขียนเรื่อง Presence  ค่อนข้าง ใกล้เคียง เฉียด จะพบ สติ  แล้ว   แต่พวกเขาก็ยัง ไม่เป็นมหาสติปัฏฐาน ๔  เท่านั้นเอง

 

ขออภัยที่เสนอแบบตรงๆ  

ด้วยความเคารพ  และ ปรารถนาดีครับ 

 

 

"Real Love are not for Love somebody, It for Everybody & Nobody”

 

สุขสันต์วันแห่งครอบครัวครับ

 

รักคุณบุญรักษา ^^

ขอบคุณท่านจัตตาโร และคุณ Man In Flame ครับ

ขอบคุณที่นำสาระดีๆมาให้อ่าน อ่านแล้วน่าสนใจครับ รออ่านตอน2ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท