กม. ให้อำนาจผู้ว่าฯ ขอเงินตรงสำนักงบ

รัฐบาลเปิดทางผู้ว่าฯ ชงของบประมาณตรงสำนักงบฯ ชดเชยถูกหั่น 4 หมื่นล้านยุคผู้ว่าซีอีโอ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่...) พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่...) พ.ศ... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำหนดให้จังหวัดสามารถยื่นคำขอตั้งงบประมาณโดยตรงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสำนักงบประมาณได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ก่อนหน้านี้ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ยกเลิกงบประมาณให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ หรือผู้ว่าซีอีโอ ซึ่งตั้งงบประมาณครั้งแรกปี 2547 จำนวน 3,750 ล้านบาท ปี 2548 จำนวน 21,500 ล้านบาท         ปี 2549 เกือบ 3 หมื่นล้านบาท และปี 2550 สูงถึง 4 หมื่นล้านบาท  นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีรองปลัดกระทรวงเพิ่มขึ้นได้เป็นกรณีพิเศษหากมีภารกิจเพิ่ม พร้อมทั้งให้จังหวัดซึ่งเป็นการบริหารราชการส่วนภูมิภาค ต้องจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และความต้องการของประชาชน ในท้องถิ่น แหล่งข่าวเปิดเผยว่า กฎหมายใหม่ดังกล่าวให้อำนาจของจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะการนำภารกิจและนโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติ การบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความสงบเรียบร้อยและเป็นธรรมในสังคม โดยเห็นชอบ ให้มี “คณะกรรมการจังหวัด” ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ ในการบริหารราชการแผ่นดินในจังหวัดนั้น ๆ นอกจากนั้น ยังกำหนดให้จังหวัดนอกกรุงเทพมหานคร ต้องมี “คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.)” ทำหน้าที่สอดส่องและเสนอแนะการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานรัฐ มีผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ เป็นประธาน หากพบว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ให้ ก.ธ.จ. แจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ทราบ กฎหมายใหม่ยังกำหนดให้อำเภอตั้งคณะบุคคลทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทของประชาชนในเรื่องพิพาททางแพ่งเกี่ยวกับที่ดิน มรดก และข้อพิพาททางแพ่งอื่นที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 2 แสนบาท หรือมากกว่านั้นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา โพสต์ทูเดย์  20  มิ.ย.  50