อัสลามมูอาลัยกุมฯ
ยินดีที่ได้ร่วมวงแลกเปลี่ยนความรู้ครับ
หากคุณไพศาลมีเรื่องเล่าดีๆ อาจจะเป็นเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่ประทับใจในโรงเรียนสอนศาสนามาเล่าสู่กันฟังก็จะเป็นการดีมากครับ
ผมยกตัวอย่าง นะครับ ผมกลับไปบ้านที่กระบี่ ซึ่งที่บ้านผมเป็นร้านขายน้ำชา ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มอาวุโสหน่อย ผมรู้สึกสนใจมากเวลาเห็นเขา "บายาล" ผมคิดว่า นี่คือวิธีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่น่าสนใจ เป็นการเชื่อม หลักการทางศาสนา เข้ากับ หลักการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เห็นว่า แต่ละคนเขาคิดอย่างไร มีมุมมองอย่างไร ที่สำคัญเขามีอิสระที่จะแสดงความคิดเห็นในมุมของเขา ท่ามกลางบรรยากาศมิตรภาพ ถึงแม้จะมีความต่างทางความคิด เหล่านี้ เป็นเรื่องดีๆของสังคมมุสลิมที่ควรนำสู่โลกสาธารณชนบ้าง ตามความเห็นผมนะครับ
วาอาลัยกุม สลามฯ
สุกรี
จากพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๒ ระบบการจัดการการศึกษาในประเทศไทยได้มีการกำหนดในหลายรูปแบบ แต่การที่จะทำให้ระบบการศึกษาโดยเฉพาะในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งวิธีการกำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย วิธีการ กระบวนการ รวมถึงการวัดผลและประเมินผล ซึ่งจะเป็นการดำเนินงานที่ต้องการความสามารถของคน ทรัพยากรที่จำเป็น และแนวคิดในการนำไปใช้ เป็นไปในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาในอดีต
การกำหนดวิสัยทัศน์ถูกเปลี่ยนไปโดยพันธวาจาที่สถานศึกษาเป็นผู้กำหนดเองว่าต้องการให้อย่างไร มุมมองต่อสถานณการณ์ที่มีในรอบๆตัวของโรงเรียน และความเข้มข้นเชิงการแข่งขันทางวิชาการ กระนั้นก็ตามหากพิจารณาตามคำสอน หรือสุภาษิตของคนไทยสมัยก่อนเขาบอกว่า จงคิดก่อนที่จะพู เพราะหากพูดไปแล้ว คำพูดหรือสัจจะวาจาที่เปล่งออกไปนั้นจะเป็นเจ้านายของเราในทันที อีกทั้งเราไม่สามารถนำมาแก้ไขได้เลยหากคำพูด หรือสัจจะวาจาที่ได้พูดไปนั้นถูกบันทึกไว้เป็นปรัชญาของสถานศึกษา ดังนั้นการที่จะกำหนดวิสัยทัศน์ หรือได้กำหนดวิสัยทัศน์ไปแล้วผู้บริหารมีหน้าที่ดังนี้
๑. นำวิสัยทัศน์มาเปลี่ยนให้เป็นวิธีการเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กำหนด
๒. กำหนดรูปแบบที่ได้คิด หาทางเลือกที่ได้รับการคัดสรรเป็นอย่างดีมาทดลอง พิสูจน์ หรือปฏิบัติจริง
๓. ตรวจสอบสภาพการดำเนินไปของกระบวนการ ซึ่งอาจจะรวมถึงวิธีคิด วิธีทำ วิธีพูด วิธีอ่าน วิธีการวินิจฉัย วิธีการประเมิน
๔. การถ่ายทอดมวลประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบ หรือพบ หรือค้นพ้นจากการดำเนินงาน ค้นคว้า วิจัย ไปยังทีมงานเพื่อให้มีการเข้าใจไปในทางเดียวกัน ซึ่งรวมทั้งร่วมกันวิจารณ์แนวคิด วิธีทำร่วมกัน
มีต่อฉบับต่อไป.....
๑. นำวิสัยทัศน์มาเปลี่ยนให้เป็นวิธีการเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กำหนด
สิ่งที่ยากที่สุดในเชิงบริหารสถานศึกษายุคใหม่อยู่ที่การบริหารวิสัยทัศน์ของตัวเอง กล่าวคือจะทำอย่างไรเมื่อเราวิสัยทัศน์แล้วนำมาใช้ และนำไปปฏิบัติเพื่อให้ผลที่เกิดมาเป็นไปตามที่เราต้องการ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะคิดเรื่องวิสัยทัศน์ จะจัดการกับวิสัยทัศน์ของตัวเองต้องเริ่มต้น ณ จุดใด เมื่อไหร่ควรเรี่ม จะใช้ข้อมูลอะไรบ้างในการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่มี ล้วนแต่เป็นอุปสรรค์ที่ใหญ่หลวงสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา เพราะหากกำหนดวิธีการ และกระบวนการพลาดแม้นิดเดียว ผลที่ออกมาก็อาจจะไม่เป็นที่เราคาดหวังไว้ แถมอาจจะต้องเปลี่ยนกระบวนการทั้งระบบก็ได้
การนำเสนอของผมในครั้งนี้ พยายามที่จะให้ความรู้ที่ไม่ลึกซึ้งมากนัก เพราะหากต้องการลึกซึ้งก็ต้องมารับฟัง (เพราะพิมพ์ไม่ถนัด) แต่ก็จะพยายามใช้ภาษาที่ง่ายๆ เข้าใจง่าย และผู้อ่านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
มีผู้บริหารสถานศึกษาน้อยคนนักที่สามารถบริหารวิสัยทัศน์ของตนเองได้ดี และสามารถต่อยอดความคิดที่คิดขึ้นมาได้ด้วยตนเองเพื่อพัฒนาองค์กรของตัวเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งก็ต้องอาศัยขั้นตอนไม่มากนัก ไม่ยุ่งยากและซับซ้อนอย่างที่คิด พยายามจะบอกว่า วิสัยทัศน์จะเกิดขึ้นได้มันต้องดูงานครับ เข้าใจวิธีการเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ๆให้แก่ชีวิตในขณะที่เราพักผ่อน หากเราตั้งใจหาวิสัยทัศน์เป็นการเฉพาะ ไม่มีทางที่จะได้มันง่ายๆหรอกครับ การเดินทางไปสวนสาธารณะสักแห่ง แล้วลองคิดตามว่าเขาสร้างสวนสาธารณะขึ้นมาเพื่ออะไร ทำไมต้องสร้างตรงนี้แทนที่จะสร้างที่อื่น แล้วทำไมต้องจัดสวนแบบนี้ ทำไมสวนสาธารณะต้องมีต้นไม้ด้วย แล้วทำไมต้องมีต้นไม้หลายประเภทด้วยล่ะ แล้วหวังอะไรจากสวนสาธารณะที่เขาสร้างขึ้น คิดเล่นๆแบบนี้ เราก็จะได้ความคิดใหม่ๆขึ้นมาไม่น้อยทีเดียวน่ะครับ... พิมพ์กันเหนื่อย ไว้ค่อยต่อฉบับหน้าน่ะครับ
อัสลามูอาลัยกุม ท่านผู้จัดการที่เคารพ
หนูเป็นสิทธิเก่าของโรงเรียนอัตตัร เมื่อปี 50 หนูจบการศึกษาที่นั่น และได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครที่กรุงเทพฯ ซึ่งหนูเรียนในคณะครุศาสตร์ โปรแกรมการศึกษาปฐมวัย ที่หนูเข้ามาเขียนในบล๊อคของอาจารย์ก็เพื่อที่จะบอกถึงความรู้สึกที่หนูมีให้กับโรงเรียนนี้ คือ หนูรู้สึกโชคดีมากและรู้สึกดีใจทีครั้งหนึ่งหนูได้เรียนในโรงเรียนแห่งนี้ สาเหตุที่หนูรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะว่า ตอนที่หนูอยู่กรุงเทพ หนูคนเดียวที่จบมาจากอัตตัรและได้เรียนใน ม.พระนคร(แต่ตอนนี้หนูย้ายกลับมาเรียนที่ ม. ราชภัฏยะลาแล้วค่ะ) นับว่าเป็นชีวิตที่โดเดี่ยวมากแต่ในความโดเดี่ยวหนูได้เจอกับเพื่อนใหม่ที่มาจาก 3จังหวัดด้วยกันแต่ก็มาจากโรงเรียนอื่นที่อยู่ต่างอำเภอ... ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นหนูขึ้นไปละหมาดที่ชมรมมุสลิมของ ม.พระนคร ก็ได้นั่งคุยกับเพื่อนๆและรุ่นพี่มากมาย แล้วมีพี่คนหนึ่ง ชื่อว่าบังลีฟ เขาถามหนูว่ามาจากไหน แล้วจบจากโรงเรียนอะไร...
หนูเลยตอบไปว่า หนูมาจากนราธิวาสและจบมาจากโรงเรียนอัตตัรกียะห์อิสลามียะห์นราธิวาส ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองหนูเป็นตาเดียว แล้วพี่เค้าก็พูดต่ออีกว่า "นี่น้องมาจากอัตตัรหรอ" หนูก็บอกว่า"ใช่ค่ะ" พี่เค้าก็บอกว่าเค้ารู้จักโรงเรียนอัตตัรฯแค่ในนามเท่านั้นแต่เค้ายังไม่เห็นโรงเรียนที่เป็นสถานที่จริงๆ จากนั้นหนูก็เอารูปที่ถ่ายกับเพื่อนเมื่อสมัยเรียนมาให้ดู พี่เค้าก็บอกว่า โรงเรียนนี้มีคุณภาพมาก เด็กที่จบออกมาส่วนใหญ่จะเก่งๆทั้งนั้น และมีความรับผิดชอบสูง หนูรูสึกดีใจที่พวกเค้าต่างชื่นชมโรงเรียนของเรา..มุสลิมในกรุงเทพที่หนูรู้จัก ส่วนใหญ่จะรู้จักและเชื่อถือในชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นอย่างดี และนับจากนั้นมาหนูก็ถูกเลือกให้ไปค่ายเพราะเค้าบอกว่าเด็กอัตตัรส่วนใหญ่กิจกรรมดีเลิศ หนูก็ไม่รู้น่ะค่ะว่าเค้ารู้มาจากไหน แต่ในที่สุดหนูก็ไปค่ะ โรงเรียนอัตตัรเป็นโรงเรียนที่หนูภาคภูมิใจที่สุดเวลาที่มีคนมาถามหนูไม่เคยอายที่จะบอกเค้าไปว่า หนูจบมาจากอัตตัรกียะห์อิสลามียะห์ หนูอยู่ในโรงเรียนนี้มา 6 ปีเต็ม เพราะหนูเชื่อในชื่อเสียงและคุณภาพของโรงเรียนดีค่ะ
หนูขอขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่านที่สั่งสอนหนูมา ขอบคุณผู้บริหารทุกท่านที่ได้สร้างโรงเรียนที่ดีอย่างนี้มา ผลิตนักเรียน จนเป็นนิสิตนักศึกษาที่มีคุณภาพในวันนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
วัสสาลามมูอาลัยกุม
เรียนท่านผู้จัดการโรงเรียน
เป็นคนกทม คิดว่าลูกจบ ป.6ที่นี่แล้วจะส่งไปเรียนที่อัตตัรคะ เป็นลูกสาวกับลูกชาย
แต่ไม่ทราบว่า ปฏิทินการศึกษา ช่วงเวลาการสอบเข้า ม.1 ที่นั่นจะเหมือนที่กทมหรือปล่าว
เพราะการเดินทางค่อนข้างไกลแต่อยากให้ลูกได้เรียนศาสนา+สามัญคะ
ญาติห่วงเรื่องความปลอดภัยด้วยคะ
ปล..แม่เรียนจบ มอ.คะ อยากเห็นลูกอยู่ในสังคมอิสลามที่ดีคะ
ถ้าสะดวกช่วยติดต่อกลับทางอีเมล์ด้วยน่ะคะ