คิดเรื่องงาน (9) : ผู้บริหารพบนิสิต .. เวทีที่ต้องไม่มีใครแพ้ - ใครชนะ


ความแตกต่างทางความคิด เป็นความงดงามของมนุษย์

การคุยกันในเรื่องเดียวกันด้วยมุมมองที่แตกต่าง  ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากและยุ่งเหยิงอยู่พอสมควร  ถึงแม้ว่าผมจะกล่าวอ้างอยู่บ่อยครั้งว่า   ความแตกต่างทางความคิด  เป็นความงดงามของมนุษย์  กระนั้น,  บางครั้งและบางโอกาส  ก็เหนื่อยกับการที่ต้องอดทนอดกลั้นอยู่ไม่ใช่น้อย

   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="left">เมื่อวานเป็นอีกวันที่ผมแทบจะไม่ได้ใช้เวลากับโต๊ะทำงาน   ช่วงเช้าประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหานิสิต   ภาคบ่ายประสานงานกิจกรรมที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยลงมาพบปะและชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นปัญหาที่นิสิตได้ร้องถาม  ซึ่งเวทีครั้งนี้มีชื่อว่า  แนวทางการบริหารระบบลงทะเบียนและหอพัก  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="left"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เวทีครั้งนี้   คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังของนิสิต คือ  กลไกสำคัญของการนำมาซึ่งเวทีทำความเข้าใจระหว่างมหาวิทยาลัย (ซึ่งหมายถึงคณะผู้บริหาร)  กับนิสิต  (ผู้ซึ่งเป็นองค์ประกอบอันสำคัญของมหาวิทยาลัย)  ที่มีนายกองค์การนิสิต  เป็นหัวเรือใหญ่นำทีมเข้าสู่ห้องประชุมอย่างหาญกล้า</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมอดนึกถึงโครงการ  ผู้บริหารพบนิสิต  ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน  2536  ไม่ได้  นั่นเป็นครั้งแรกที่นิสิตจัดเวทีพบปะ,  แลกเปลี่ยนความคิดร่วมกันระหว่างนิสิตกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย   และครั้งนั้น  ผมเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ  ….</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>    <div style="text-align: center"></div>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">บรรยากาศในครั้งนั้นข้นเข้มและเคร่งเครียดเป็นที่สุด  !   นิสิตจำนวนไม่น้อย  สะท้อนปัญหาจากรากหญ้าสู่ยอดใบอย่างหลากหลาย  ขณะที่ผู้บริหารก็งัดข้อมูลมาอธิบายอย่างสนใจไม่แพ้กัน  รวมถึงบุคลากรหลายภาคฝ่ายก็ลุกขึ้นมานำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขอย่างออกรสออกชาติ !  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมซึ่งเป็นคนดำเนินงานต้องแบกรับภาวะความกดดันอย่างมหาศาล , </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมไม่ปรารถนาให้เวทีครั้งนั้นเป็นเวทีที่มีผลแห่งการ แพ้ ชนะ  หากแต่ต้องการให้เป็นเวทีทางปัญญาที่คนในบ้านจะมีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด   พูดด้วยใจ  ฟังด้วยใจ  คิดด้วยใจ  และอยู่ร่วมกันด้วยใจ  (และเป็นหนึ่งเดียวกันในบ้านนี้ , หลังที่มีชื่อว่า มหาวิทยาลัย”)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>  <div style="text-align: center"></div> <div style="text-align: center">   </div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ครั้งนั้น,  ผมเขียนบทกลอนบทหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแผ่นพับประชาสัมพันธ์โครงการผู้บริหารพบนิสิต  โดยย้ำถึงเวทีของความเป็นปัญญาชน  มิใช่เอาปัญญามาชนกันอย่างไม่มีเหตุ ไม่มีผล  และสะกิดเตือนให้ทุกคนมีจิตสาธารณะที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เราอาศัยอยู่    ว่า</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center">เมื่อเธอมาถึงที่นี่</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center">ขอเวลาสักนาทีได้ไหม</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center">ร่วมไต่ถามความฝันอันอำไพ</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center">ฟังลมหายใจปัญญาชน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center"></p><p>หลังจากนั้น   มีองค์กรนิสิตพยายามผลักดันให้มีกิจกรรมทำนองนี้ขึ้นทุกปี    แต่ก็ไม่สัมฤทธิ์ผล   เนื่องเพราะปัญหาความไม่พร้อมขององค์กรนิสิตเป็นสำคัญ - เป็นความไม่พร้อมในเรื่องกำลังคน, วิธีคิด, วิธีจัดการ  และการเพลินหลงไปกับกิจกรรมประเพณีภายในสถาบันมากกว่าการใส่ใจต่อ วิถีชีวิตและความเป็นสังคม  อย่างแท้จริง    </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หากแต่วันนี้  คำถามมากที่ก้องคำรามอยู่ภายในตัวตนของนิสิต  ก็ได้เวลาสื่อสารในเวทีสาธารณะร่วมกันในมหาวิทยาลัย   ผมเองก็เหนื่อยและอดทนไม่แพ้ดังในอดีต   แต่ก็ดีใจที่เกิดเวทีเช่นนี้ขึ้นในมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักแห่งนี้   </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">จะว่าไปแล้ว   ผมชื่นชอบเวทีสาธารณะทางความคิดเช่นนี้เสมอ  และไม่เคยสิ้นหวังต่อการใช้เวทีเช่นนี้แก้ปัญหาของนิสิต   แต่นั่นต้องหมายถึงว่า  ทุกคนต้องพูดความจริง  ไม่ใช่มีทั้งคนพูดจริงและพูดเท็จปนเป  และแอบแฝงอย่างน่าเกลียด   !</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ครั้งนี้,  ผมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่อธิการบดีตั้งมาเพื่อแก้ไขปัญหานิสิต   มติที่ประชุมเห็นพ้องให้จัดเวทีพบนิสิตขึ้นโดยเร่งด่วน   สถานที่จึงดูธรรมดามาก ๆ  ไม่มีการจัดแต่งใด ๆ  นั่งโต๊ะธรรมดา ๆ  เปิดแอร์ให้เย็น (ใจจะได้เย็น)  จัดบ่ายโมงเพื่อให้ทานข้าวเที่ยงมาก่อน จะได้ไม่หิว  และเมื่อหิวก็ดูจะหงุดหงิดง่าย  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หรือคิดในแง่ขำ ๆ  ก็คือ  ทานมื้อเที่ยงมาแล้ว  ท้องอิ่ม หนังตาก็หย่อน …</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">สำหรับผมแล้ว,   ผมไม่รู้สึกอึดอัดอะไรนัก   หากแต่กลับกลายรู้สึกเหนื่อยอ่อนอย่างบอกไม่ถูก  หรืออาจจะเป็นเพราะรู้สึกกลืนไม่ได้คลายไม่ออก   เพราะอีกฟากหนึ่งคือมหาวิทยาลัย   และอีกฟากหนึ่ง  คือผู้นำนิสิตที่สนิทชิดเชื้อกันมาอย่างยาวนาน  รวมถึงอึดอัดกับข้อเท็จจริงที่ยังคลาดเคลื่อนอยู่มาก</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"><div style="text-align: center"></div></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมถูกจัดวางเป็นคนดำเนินรายการ  แต่ก็ออกตัวขอเป็นคนวิ่งงานอยู่ด้านล่างเวที  โดยอ้างว่าจะได้สังเกตการณ์และเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด  แต่เอาเข้าจริงก็แทบไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไรเอาไว้เลย  (ดูสิ  น่าชังไหมล่ะ !)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>กระนั้น,  บรรยากาศของเวทีดูจะเบาบางกว่าในอดีตมาก   นิสิตที่เป็นแกนนำสุภาพอย่างน่าชื่นชม  ขณะที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ใจเย็นอย่างน่ายกย่อง   ถึงแม้หลายเรื่องหลายประเด็น  จะยังไม่ชัดเจนในแนวทางแก้ไข   แต่ที่แน่ชัดก็คือ  สารพันปัญหาเหล่านั้น   ได้ถูกส่งมอบไปกับมือของผู้บริหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว      </p><p></p><p>คนเรามีบทบาทและสถานะที่ต่างกัน   ยืนอยู่ในเวทีเดียวกันแต่แตกต่างด้วยหน้าที่  -    </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">นั่นคือปรากฏการณ์จริงในทุกสังคมโลก  แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า  แล้วจะมีสักกี่เวทีล่ะที่เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างมีมิตรภาพ   เป็นเหตุเป็นผล  พูดด้วยใจ  ฟังด้วยใจ  คิดด้วยใจ  และอยู่ร่วมกันด้วยใจ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">และเวทีเช่นนี้  เมื่อเกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ  ก็ย่อมกลายเป็น เวทีแห่งความคิดและปัญญาที่คนในบ้านหลังเดียวกันจะมาร่วมคิด ร่วมสร้าง  และร่วมสะท้อนเรื่องราวในมุมมองที่เหมือนและต่างอย่างมีเหตุและผล  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ย้ำอีกครั้ง,  ผมไม่เคยสิ้นหวังกับเวทีเช่นนี้   และยังเชื่อมั่นอยู่ตลอดเวลาว่า   เวทีเช่นนี้   จะนำพาเราทุกคน   เคลื่อนไปสู่การปลดล็อคพันธนาการปัญหาต่าง ๆ  ได้ในเร็ววัน   และต้องไม่ใช่เวทีที่จัดขึ้นเพื่อชี้ให้เห็นว่า  ใครผิด ใครถูก  ใครแพ้ ใครชนะ  !</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> 

หมายเลขบันทึก: 103896เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2007 18:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)
หลักการมีส่วมร่วม เครื่องมือหนึ่งที่ใช้แล้วไม่มี แพ้ หรือ ชนะ คือ สุนทรียสนทนา ครับ

อนาคต อันใกล้ ของประเทศชาติ อยู่ในห้องประชุมทั้งนั้น เลย

จะเติบโตเป็นคนอย่างไร จะให้ โอกาสผู้อื่นต่อไปอย่างไร เพียงไหน ก็ขึ้นกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ เป็นตัวอย่าง ให้โอกาสเขา ให้เกียรติเขาและฟังเขาในตอนนี้

สิ่งที่อาจารย์ และ สิ่งที่อาจารย์ ทุกท่านได้ร่วมมีส่วน จัดทำครั้งก่อน และครั้งนี้

น่าชื่นชม น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 มี พลังแห่งความรัก ความปรารถนาดี อย่างเต็มเปี่ยมในเรื่องเล่าของอาจารย์

เป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีครับ อาจารย์ หมอ JJ
P
JJ
สุนทรียสนทนา .  น่าสนใจมากครับ   และถือว่าเป็นวัฒนธรรมอันดีที่ควรต้องร่วมสร้างให้เกิดขึ้นในองค์กร  เพราะถือเป็นกุญแจอันสำคัญในการนำไปสู่ความปองดอง  สมานฉันท์และร่วมใจ  ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ขอบพระคุณครับ
สวัสดีครับ
P

อนาคต อันใกล้ ของประเทศชาติ อยู่ในห้องประชุมทั้งนั้น เลย

จะเติบโตเป็นคนอย่างไร จะให้ โอกาสผู้อื่นต่อไปอย่างไร เพียงไหน ก็ขึ้นกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ เป็นตัวอย่าง ให้โอกาสเขา ให้เกียรติเขาและฟังเขาในตอนนี้

...

ผมไม่เคยสิ้นหวังที่จะใช้เวทีเหล่านี้เป็นเวทีทางปัญญาที่นำปัญหามาถกคิดและขบคิดกันอย่างมีเหตุผลในบรรยากาศของครูกับลูกศิษย์  และบางที  ที่คิดว่าเป็นปัญหาก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาเลยก็ได้

ปัญหาทุกปัญหามีทางออก  ซึ่งมิใช่  ทุกทางออกมีปัญหา  ...(ผมได้ยินมาและเชื่อเช่นนั้น)

....

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะ..

  • ดีใจนะคะที่อาจารย์ได้ดูแลเรื่องแบบนี้ในมหาวิทยาลัย ..เหมาะแล้วละค่ะ..ผู้บริหารก็คงรู้ว่าเหมาะที่สุดแล้ว..เหนื่อยหน่อยค่ะ..เท่าที่อ่านดูก็รู้ว่าอาจารย์ทำมาอย่างดีแล้ว..และจัดการเรื่องนี้ให้ดีขึ้นอย่างมากๆ ...เป็นกำลังใจให้นะคะ ..
  • ใน รพ.ที่แหววอยู่เป็นองค์กรเล็ก ก็มีประสบการณ์เล็กๆในด้านนี้เพราะดูแลเรื่องบุคลากร,และคุณภาพบริการซึ่งรวมถึงการดูแลเรื่องความไม่พึงพอใจทั้งของผู้รับบริการและผู้ให้บริการ บางครั้งที่มีเรื่องราวขัดแย้ง ลุกลามใหญ่โต ทั้งเจ้าหน้าที่ 2 กลุ่มใหญ่ลามไปที่ผู้บริหาร สุดท้ายองค์กรยกเรื่องมาให้แหวว จัดการ ซึ่งต้องใช้เทคนิคหลายอย่างผสมผสานกับมาก ตั้งแต่ หลักการต่อรอง...ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง...สมานฉันท์ โดยนำหลักสุนทรียสนทนามาใช้ควบคู่ไปด้วย (ตอนนั้นได้ความรู้จากหนังสือ "หัวใจใหม่ชีวิตใหม่" ของคุณหมอวิธาน") ทั้งนี้ทำกับแกนนำของกลุ่มคู่กรณีและบุคคลสำคัญที่มีผลกับเรื่องนี้ ใช้เวลาอย่างมาก หลายรอบ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี และงดงาม ...จึงตระหนักได้ว่า..หลักการสุนทรียสนานั้นเราควรนำมาสร้างเป็นวัฒนธรรมจริงๆ..เปรียบดั่งเป็นการหว่านเมล็ดพันธ์แห่งสุนทรียสนทนาเอาไว้ เพื่อเจริญเติบโตและเบ่งบาน และหยิบนำมาใช้ในวันข้างหน้าได้สะดวก และรวดเร็วขึ้น ถ้าใช้กันเป็นประจำ เรื่องราวความขัดแย้งก็จะน้อยลงไปเอง...เพราะคนทุกคนไม่มีใครอยากไม่ดี..เพียงแต่อยู่และมองคนละมุม..หรือมีปัจจัยบางอย่างเกื้อหนุนแนวคิดนั้นๆ..
  • เห็นเรื่องราวความงามจากบันทึกของคนมีความรักมวลมนุษย์ที่ดีงาม อุ่นใจค่ะ ที่เด็กๆได้อยู่กับอาจารย์...ขอร่วมเป็นแรงและกำลังใจให้ด้วยนะคะ..สวัสดีค่ะ

 

     ผมรู้สึกเสียดายและเสียใจมากมายที่ไม่ได้เข้ารับฟังข้อมูลต่างๆในเวทีแห่งนั้น  แต่ผมรู้สึกได้ว่าพลังแห่งผุ้นำเริ่มที่จะกล้าคิด  กล้าทำมากขึ้น  และผมก็ดีใจมากมายที่ทางผู้ใหย่ระดับผุ้บริหารไม่ได้นิ่งเฉยกับเสียงเรียกร้องของหมู่มวลนิสิต  ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นก้าวแรกในความกล้าหาญของผุ้นำก้เป็นได้

     และเหนือสิ่งอื่นใดผมก็อยากให้พี่ดุแลสุขภาพตัวเองบ้างนะครับ  น้องชายคนนี้เป็นห่วง

                         " เมื่อเธอมาอยู่ที่นี่

                    ขอเวลาสักนาทีจะได้ไหม

                      ให้เธอพักผ่อนกายใจ

                    มีแรงก้าวไปกับกิจกรรม "

                                                   .......  น้องสภา .......

ถือเป็นความภูมิใจอีกสิ่งหนึ่งของวงการนิสิต-นักศึุกษาไทย

ผมอยากเห็นทุกสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาก่อเกิดการสนทนาในรูปแบบ

ของการตกลง อย่างเปิดโอกาศเช่นนี้บ้าง ในเรื่องของนโยบายในสถานศึกษา เนื่องจากผมคิดว่า การกระทำการใดภายใต้ชื่อของสถานศึกษาล้วนเกี่ยวข้องกับผู้อาศัยในสถานศึกษานั้น ๆ ทั้งสิ้น

 

รบกวนท่านผู้มีประสบการณ์โปรดชี้แนะ 

สวัสดีค่ะ

บรรยากาศของเวทีดูจะเบาบางกว่าในอดีตมาก   นิสิตที่เป็นแกนนำสุภาพอย่างน่าชื่นชม  ขณะที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ใจเย็นอย่างน่ายกย่อง   ถึงแม้หลายเรื่องหลายประเด็น  จะยังไม่ชัดเจนในแนวทางแก้ไข   แต่ที่แน่ชัดก็คือ  สารพันปัญหาเหล่านั้น   ได้ถูกส่งมอบไปกับมือของผู้บริหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว      

ขอยกย่อง อาจารย์ที่จัดให้มีเวทีเช่นนี้ค่ะ

คุณแผ่นดินเหนื่อยหน่อยนะคะ ผลที่ได้ ไม่ผิดหวังค่ะ

สวัสดีครับ
P
  • ขอบคุณนะครับที่แวะมาเติมเต็มอยู่เป็นระยะ ๆ
  • การทำหน้าที่ผู้ประสานถือว่าต้องอดทนไม่แพ้กัน
  • ยิ่งเวทีนี้  หน่วยงานต้นสังกัดของผมอาสาเป็นเจ้าภาพจัดเวทีนี้ขึ้นมาเพื่อให้นิสิตที่เราดูแลได้พบปะกับผู้บริหาร  ยิ่งมาในช่วงที่มหาวิทยาลัยยังอยู่ระหว่างการสรรหาผู้บริหาร ก็ยิ่งต้องทำหน้าที่อย่างหนักหน่วงมากกว่าเดิมหลายเท่า
  • สมานฉันท์...  คือ ทางออกที่ดีที่สุดในทุกกรณี
  • แต่นั่นต้องหมายถึงว่าเป็นการสมารฉันท์ด้วยน้ำใสใจจริง  ไม่ใช่แอบแฝง หรือแค่ให้แล้ว ๆ กันไป  แต่สุดท้ายสักระยะก็กลับเข้าสู่ภาวะเดิม
  • ...
  • มิตรภาพ  คือ สิ่งที่เราต้องคำนึงถึง ...
  • ขอบคุณมากครับ

 

ถึง..น้องสภา

น่าเสียดายนะที่เราไม่ได้เข้าไปร่วมฟัง -

บรรยากาศโดยรวมก็เป็นดังที่เขียนบอกไว้ในบันทึก  ไม่รุนแรงแต่ก็ไม่ราบเรียบ    ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่ทะเลย่อมไม่ร้างคลื่น

กองกิจการนิสิต  ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพประสานทุกฝ่ายมาคุยกับนิสิต  เพื่อนำไปสู่การทำความเข้าใจร่วมกัน  หลายเรื่องเป็นปัญหา  หลายเรื่องเป็นเรื่องเข้าใจผิด...

กระนั้น,  ทางออกก็ยังไม่ปิด  ....  ทุกอย่างยังจะต้องดำเนินไปตามครรลองของมันเอง,  พี่ก็จะยังทำหน้าที่การเป็นผู้ประสานสืบไป

น่าเห็นใจนิสิตที่มีปัญหาเหมือนกันนะคะ เพราะปัญหาเหล่านั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ

สวัสดีครับ คุณ gof

ผมอยากเห็นทุกสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาก่อเกิดการสนทนาในรูปแบบ

ของการตกลง อย่างเปิดโอกาศเช่นนี้บ้าง ในเรื่องของนโยบายในสถานศึกษา เนื่องจากผมคิดว่า การกระทำการใดภายใต้ชื่อของสถานศึกษาล้วนเกี่ยวข้องกับผู้อาศัยในสถานศึกษานั้น ๆ ทั้งสิ้น

....

ทัศนะข้างต้นของคุณ gof  ต้องยอมรับว่าเปิดกว้างและให้เสรีภาพทางความคิดต่อทุกคนที่อยู่ในสังคมเดียวกันนั้น  ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่ผู้คนที่อยู่ในสังคมนั้นจะแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในการติดตาม ดูแลและร่วมสร้างสรรค์สังคมนั้นร่วมกัน   แต่คงต้องมีการกำหนดขอบเขตของแต่ละส่วนด้วยเหมือนกัน  คงไม่ใช่ก้าวล้ำเข้าไปเกินกว่าอำนาจหน้าที่

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเปิดเวที หรือจัดเวทีในทำนองนี้   เพราะนี่คือ  การมีส่วนร่วมในฐานะประชาคมของสังคมนั้น  ๆ  เพียงแต่ต้องช่วยกันดูแลบรรยากาศของเวทีให้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล, ช่วยคิด ชวนฟัง  ไม่ใช่ชวนตบชวนต่อย...

แต่เวทีครั้งนี้  บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดีครับ...

 

สวัสดีครับ
P

งานนี้, เวทีนี้เหนื่อยจริง ๆ ครับ   เสียดายที่บางประเด็นยังไม่กระจ่างชัด  จนยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน  ซึ่งควรที่จะต้องตั้งคณะกรรมการมาศึกษาร่วมกันทั้งในภาคผู้บริหาร   ผู้ปฏิบัติการและนิสิตก็ควรได้รับโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในคณะทำงานนั้น ๆ ด้วย

ที่ผมอุ่นใจอยู่ประการหนึ่งก็คือ  ประชาคมร่วมสัญญาว่าเวทีเช่นนี้จะมีขึ้นเรื่อย ๆ  ซึ่งหมายถึงว่า  นิสิตจะมีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารอย่างใกล้ชิดมากขึ้นจากที่ผ่านมา..

ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณครับ น้องนุ้ย
P

เห็นใจนิสิต  พอ ๆ กับการเห็นใจมหาวิทยาลัย  .. อะไรก็ได้ แต่มหาวิทยาลัยต้องไม่บอบช้ำ 

พี่คิดเช่นนั้นนะ..ซึ่งหมายถึง การเริ่มต้นจากการยอมรับปัญหาเสียก่อน  ถ้าไม่ยอมรับปัญหาก็ไม่สามารถแก้ปัยหาได้อย่างแน่นอน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท