ชีวภาพในสวนส้มโดยสมบูรณ์ เณรตาก้อง


 เรื่องเล่าจากคุณกิจตัวจริง

           เมื่อไม่นานมานี้ ผมและทีมงานการจัดการความรู้ของสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ได้ไปจัดเวที DW ณ. สวนส้ม คุณสมบรูณ์ เณรตาก้อง หมู่ 9 บ้านมาบไผ่ ตำบลเทพนิมิตร กิ่งอำเภอบึงสามัคคี จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งคุณสมบรูณ์ เป็นหนึ่งในทีมคุณกิจตัวจริงของทะเบียน Blog : KM วิถีชุมชนคนเกษตร           

          คุณสมบรูณ์  เณรตาก้อง ได้เล่าความรู้ที่ฝังลึกล้วนเป็นองค์ความรู้ที่สั่งสมมาจากประสบการณ์ของคุณสมบรูณ์ และบุตร ทั้งสิ้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรที่อยู่ในชุมชนและนักส่งเสริมการเกษตรของจังหวัดกำแพงเพชร ได้ฟังเรื่องเล่า พร้อมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในเวที (DW) ครั้งนี้               

          โดยคุณสมบรูณ์  เณรตาก้อง ได้เล่าให้ที่ประชุมสัมมนา (DW) ว่า อาชีพเดิมตนและครอบครัวได้ประกอบอาชีพทำไร่อ้อยเพื่อส่งโรงงาน จากเดิมทำการปลูกอ้อย จำนวน  900 ไร่ เพื่อทำการปลูกอ้อยไประยะหนึ่ง ก็ประสบปัญหาด้านราคา  และภาวะด้านการตลาดของอ้อยไม่ดีเท่าที่ควรจึงได้ตัดสินใจแบ่งที่ดินขายไปจำนวนหนึ่ง (400  ไร่) พร้อมขายทรัพย์สินส่วนหนึ่ง เช่น รถยนต์สิบล้อที่เคยใช้ในการบรรทุกอ้อยส่งโรงงาน เป็นต้น ได้เงินทุนมาจำนวนหนึ่งประมาณ 22 ล้านบาท           

ลุงสมบุรณ์และคุณสุบินพาเจ้าหน้าที่เยี่ยมชมแปลงส้ม
  

คุณสมบรูณ์และคุณสุบิน
  

          ในขณะเดียวกันในช่วงปี พ.ศ. 2544  กระแสของการปลูกส้มเขียวหวานที่มีการอพยพ จากเขตจังหวัดปทุมธานี มาปลูกในเขตกิ่งอำเภอบึงสามัคคี โดยมีการปรับเปลี่ยนจากพื้นที่ทำนาแล้วยกร่องมาปลูกส้มเขียวหวานแทนนาข้าว จึงอยากจะปลูกส้มเขียวหวานเพื่อทดแทนการปลูกส้มซึ่งได้คาดการณ์แนวโน้มว่าส้มเขียวหวาน น่าจะมีลู่ทางการตลาดที่ดีกว่าอ้อย  จึงได้ตัดสินใจว่าจะปลูกส้มเขียวหวาน  จำนวน 450 ไร่                

          ช่วงระยะเวลาเดียวกันก็มีทางสมาชิกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตพื้นที่ได้หาเกษตรกรไปเข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตร การผลิตสารสกัดชีวภาพทางการเกษตร ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ  โดยมีอาจารย์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาโครงการตามแนวพระราชดำริของในหลวง เป็นวิทยากร สถานที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี               

           คุณสมบรูณ์  เณรตาก้อง ยังได้เล่าต่อว่าเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อการที่จะทำการปลูกส้มเขียวหวานที่ตนเองและครอบครัวตัดสินใจว่าจะปลูก จึงได้ส่งบุตรไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรนี้  จำนวน 6 คน เพื่อที่จะได้กลับมาบริหารจัดการสวนส้มร่วมกันทั้ง 450 ไร่ เมื่อเดือนกันยายน 2544  ระยะเวลา 7 วัน                จากนั้น คุณสุบิน  เณรตาก้อง ซึ่งเป็นบุตรของลุงสมบรูณ์  เณรตาก้อง และเป็นผู้หนึ่งที่ได้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าวและยังเป็นผู้จัดการสวนส้มก้องเจริญอีกด้วยได้เล่าต่อจากคุณสมบรูณ์  เณรตาก้อง โดยได้เริ่มต้นเล่าว่าหลังจากที่ตนเองพร้อมพี่น้องรวมกันทั้ง 6  คน ได้เข้ารับการฝึกอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ ฯ จังหวัดชลบุรี เมื่อเดือนกันยายน 2544 ได้กลับมาทำน้ำหมักจากสารสกัดชีวภาพ เริ่มแรกใช้สมุนไพรท้องถิ่น หาง่ายได้แก่ ตะไคร้หอม, บอระเพ็ด, หนอนตายหยาก, กลอย และยังมีการทดลองทำน้ำหมักจากเศษอาหาร ในการหมักได้มีการกำหนดอัตราส่วน 3:1:1:10  (เศษอาหารหรือสมุนไพร 3 ส่วน : หัวเชื้อ 1  ส่วน : กากน้ำตาล 1 ส่วน : น้ำ 10 ส่วน) มีการทดลองนำไปใช้กับพืชผักก่อน โดยใช้อัตราส่วน 200 ซีซี : น้ำ 20 ลิตร เห็นว่าได้ผลก็จึงทดลองใช้ในส้มเขียวหวาน อัตรา 30 ซีซี : น้ำ 20 ลิตร เพื่อขับไล่แมลง นอกจากนั้นมีการทดลองทำสารสกัดชีวภาพ โดยให้ทางดิน ในอัตรา 500 ซีซีต่อต้น ทั้งนี้ไม่ได้ใช้สารกำจัดวัชพืชในไร่ส้มเลย  แต่ใช้วิธีการตัดหญ้าแทนจากการสังเกตพบว่า  เกิดจุลินทรีย์ในดินทำให้ดินร่วนซุย มีความชื้นในดินดี ส้มเจริญเติบโตงามสารซึ่งสารสกัดชีวภาพ (น้ำหมัก) มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์   

ถังหมักน้ำสกัดชีวภาพ

            

          สำหรับการใช้สารเคมีในไร่ส้มนั้น คุณสุบิน  เณรตาก้อง ยังได้เล่าต่อไปว่าในช่วงระยะที่ส้มแตกใบอ่อน ยังมีการใช้สารเคมีแต่จะใช้เท่าที่มีความจำเป็น โดยจะใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำแต่หลักจากแตกใบอ่อนแล้ว จะเริ่มใช้สารสกัดชีวภาพ เมื่อใบส้มแก่มีอายุประมาณ 30 วันขึ้นไป ผลจากการใช้ปฏิบัติจริงพบว่า               

 —  หนอนแก้วส้ม            ใช้หนอนตายหยาก               

 —  เพลี้ยอ่อน                    ใช้กลอย  ผสมกับหนอนตายหยาก               

 —  หนอนอื่น ๆ                ใช้บอระเพ็ด/หนอนตายหยาก/สาบเสือ/ สะเดา               

          สุดท้ายคุณสุบิน  เณรตาก้อง  ยังได้สรุปผลว่าจากการที่ทำสวนส้มเขียวหวาน มาตั้งแต่ปี  2545  ถึงปัจจุบันมีข้อสรุปว่าหากใช้สารเคมีอย่างเดียวพ่นครั้งหนึ่งจะหมดค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาทต่อครั้ง หากมีการใช้สารสกัดชีวภาพไปด้วย จะลดค่าใช้จ่ายได้ถึง  30%                

          ทั้งนี้คุณสมบรูณ์ และ คุณสุบิน ยังจะทำการทดลองศึกษาอย่างต่อเนื่อง คอยติดตามอ่าน  Blog วิถีชุมชนคนเกษตรต่อไปนะครับ

สัญลักษณ์การรับรองสินค้าเกษตรและอาหาร

หมายเลขบันทึก: 103046เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2007 16:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • เป็นเรื่องเล่าที่ยอดเยี่ยมมากครับ
  • ขอบพระคุณมากครับที่นำมา ลปรร. 
 ต้องขอบคุณมาก อ.สิงห์ป่าสัก
 ขอบคุณครับอาจารย์นันทา ที่มาแวะเยี่ยมครับ

ดีใจครับ กับความเป็นนักส่งเสริมฯอาชีพ

เรียนมิสเตอร์หวังครับ

   ขอบคุณครับผมตั้งใจจะไปให้ถึงครับ ดีใจอย่างสุดฯฯที่ท่านกรุณามาเยี่ยมครับ

ได้ศึกษาวิถีการใช้สารอินทรีย์ที่ทำได้จริงแล้วน่าสนใจมาก อยากไปเที่ยวชมในสวนจริงๆ  ขอคุณที่เป็นช่องทางให้ความรู้แก่สังคมค่ะ

พอใจ

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ ไม่แน่ใจว่ายังจะได้รับคำตอบอยู่มั้ย เพราะเข้ามาช้าเหลือเกินครับ ^ ^

สมุนไพรที่ผสมลงไป 3 ส่วน นั้นต้องนำมาบดหรือว่าทำขั้นตอนใดก่อนหรือไม่ครับ แล้วการตวงให้ได้ปริมาตรนั้น ต้องทำอย่างไรครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท