รู้สึกตกใจที่ตอนนี้ทันตแพทย์จบใหม่หลายๆ คนมีความคิดที่ว่า ต้องเรียนต่อ อะไรก็ได้ เพราะถ้าไม่เรียนแล้วจะแปลกประหลาด อายเพื่อนๆ เพราะเพื่อนๆ เขาเรียนต่อกันหมด
อ่านแล้วเลยอยากจะบันทึกต้นตอความคิดของการที่จะต้องเรียนต่อในระดับหลังปริญญาสาขาทันตแพทยศาสตร์ที่ได้พบเจอมาเป็นหมวดหมู่เอาไว้
คิดไปคิดมามีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แค่สามตัวเท่านั้น
คือ ทักษะทางคลินิก, องค์ความรู้ใหม่ และเงิน
ผมมองว่าปัจจัยสามตัวนี้หมุนเวียนกันเป็นค่าน้ำหนัก ของการที่หมอใหม่หรือหมอเก่าทั้งหลายตัดสินใจที่จะไปสอบเพื่อเรียนต่อ
มองทักษะทางคลินิกเป็นตัวตั้ง เราเรียนต่อก็เพราะต้องการเพิ่มพูนทักษะทางคลินิกที่ตัวเองถนัด แต่ไม่มีโอกาสได้ฝึกให้มีทักษะที่ประณีตยิ่งขึ้น ขยายความสามารถทางหัตถการของตัวเองให้กว้างขวางออกไป ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้น ละเอียดซับซ้อนขึ้น สามารถให้บริการหัตถการในระดับที่หมอทั้วไปทำไม่ได้
ขณะเดียวกันทักษะที่กว้างขวางออกไปนี้ ก็สามารถนำมาเพิ่มค่ามือหมอได้ด้วย ในการให้บริการทางคลินิก
ส่วนกลุ่มที่มองเรื่องเรียนเพราะอยากรู้เพิ่มนั้น เรียนต่อเพราะซาบซึ้งกับพลังของงานวิจัยซึ่งเชื่อว่าสามารถสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ๆ มาประดับโลก
แน่นอนงานว่า กระบวนการวิจัยก็ต้องใช้เงินสนับสนุน และสำหรับงานวิจัยดีๆ นักวิจัยก็สามารถพออยู่พอกินได้ ยังมิพักต้องเอ่ยถึงตำแหน่งทางวิชาการต่างๆ ซึ่งมีเงินประจำตำแหน่งติดมาทุกเดือน
ผมพยายามจะชี้ให้เห็นว่า เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินมีบทบาทในการตัดสินใจเรียนต่อเสมอ ไม่ว่าบทบาทของมันจะมากหรือน้อยก็ตาม
กลุ่มที่สามซึ่งมองเรื่องเงินเป็นตัวตั้ง ก็จะต้องมองเรื่องตลาดของคนไข้ว่าขณะนี้ตลาดต้องการอะไรคนไข้มีปัญหาด้านใดเยอะ ปัญหานั้นๆ มีค่าตอบแทนในการแก้ปัญหาเท่าไหร่ มีช่องทางในการเข้าไปขอส่วนแบ่งในตลาดอย่างไรบ้าง จบมาแล้วจะทำงานที่ไหน มีโอกาสสร้างเป็นธุรกิจส่วนตัวอย่างไรบ้าง แล้วจึงเลือกเรียนสาขาที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้ดีที่สุด ในขณะที่ต้องหาทางควบเรียน MBA ไปด้วยอีกทางหนึ่งจึงจะครบสูตร
ผมยังดีใจผมยังอยู่ในยุคสมัยที่เพื่อน พี่ น้องหมอฟันของผมคิดจะเรียนต่อด้วยปัจจัยที่หลากหลาย (แน่นอนปัจจัยเรื่องเงินก็สำคัญ แต่ก็ยังมีคนคิดในมุมมองอื่นๆ บ้าง) เมื่อสองวันก่อนน้องอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งชื่นชอบในศาสตร์ด้านทันตนิติเวชศาสตร์มาก บอกออกมาว่า ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเรียนในสาขานี้ เพราะรักที่จะเรียน
ผมดีใจที่เพื่อนผมเขียนมาเล่าให้ฟังว่า
ได้ทราบข่าวเพื่อนๆแล้วมีแต่คนเก่ง เจริญก้าวหน้าทั้ง การเรียน การงาน ครอบครัว ยินดีด้วยจ้ะ
ส่วนเรายังเหมือนเดิม เป็นหมอบ้านนอกข้าราชการจนๆคนนึง
ไม่ได้เรียนต่อ เพราะสอบไม่ได้
ไม่ได้ทำคลินิก เพราะเป็นหมอขี้เกียจ
พี่ๆหมอฟันที่นี่เขาแปลกใจในชีวิตหมอฟันประหลาดๆของเรากันทุกคน
แต่เรามีความสุขดีจ้ะ
ในขณะเดียวกันก็งงงันและหดหู่กับน้องอีกหลายคนที่เล่าให้ฟังว่า ถึงเวลาที่จะต้องเรียนต่อสักที เพราะทนเป็น GP อยู่ไม่ได้แล้ว
อายเพื่อน !
เข้ามาขอบคุณที่พี่เขียนบันทึกนี้ค่ะ! : )
ขอบคุณ อ.มัทนาและ อ.ขจิตที่ช่วยให้กำลังใจในการเขียนต่อไปครับ