วรินทร อิน ไชน่า


แม่ค้าขายผลไม้ เริ่มพูดกับฉันเป็นภาษาอังกฤษ ตอนฉันซื้อมะม่วง!!!

วันนี้อารมณ์ดี มากเป็นพิเศษ เพราะว่า หลังจากที่กลับมาจากประชุมลูกค้า
เห็นว่าเวลายังเหลืออีกมาก เลยเตร็ดเตร่ไปตลาด
ฉันชอบไปเดินตลาด ไม่รู้ทำไม
ซื้อมา แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรกิน
เดิมที ทุกครั้งที่ไปตลาด ฉันมักจะหอบเอาเหรียญไปเยอะมาก
หากแม่ค้าบอกราคา ฉันก็มักจะ ควักเอาเหรียญออกมาเต็มกำมือแล้วให้แม่ค้าเลือกนับเอาไปให้ถูกจำนวน
ตลาดข้างบ้านเป็นตลาดเล็ก ๆ แต่มีทุกอย่าง ยกเว้น พริกขี้หนู และ ผักไทย ๆ
มีร้านขายผลไม้อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งฉัน ชอบไปซื้อผลไม้ของแม่ค้า
แม้ว่าบางครั้งเจ้าหล่อนจะคิดเงินฉันแพงกว่าคนอื่นเสมอ
ฉันรู้นะ
แต่ฉัน คิดว่า ฉันสามารถเลือกได้ เพราะ ฉันมักจะเลือก ของดี ๆ เสมอ
มีใครบ้างที่ซื้อแล้วอยากได้ของไม่ดี
....

เย็นวันหนึ่ง ฉันเดิน ออกจากรถ ตั้งใจว่า จะเดินไปซื้อปลา
ผ่านร้านขายผลไม้เราหยุดดูว่ามีผลไม้ใหม่ ๆ บ้างไหม
พอดีกับมีผู้หญิงคนหนึ่ง ซื้อส้มอยู่ก่อนแล้ว แล้ว ผู้หญิงคนนั้นถามแม่ค้า
ถึง ผล อโวคาโด
คนจีนเรียกอโวคาโด ว่า Butter Fruit
แม่ค้าก็ตอบว่า บัทเตอร์ฟรุต ผู้หญิงคนนั้นก็ถามกลับมาอีกว่า
“กินยังไง” “อร่อยไหม” แม่ค้าก็ทำหน้า ไม่ถูก
เพราะชั่วชีวิตแม่ค้า แม่ค้าก็ไม่เคยลองเหมือนกัน ด้วยความซื่อ แม่ค้าก็ตอบไปว่า

“เขาก็กินเนื้อ ข้างในมัน เนื้อในไม่มีรสชาติหรอก ต้องโรยน้ำตาล หวาน ๆ มันๆ”

ฝ่ายผู้หญิงได้ยินก็ แบะ ปากแล้วก็บอกว่า

“ปู้เหย้า” หรือ ไม่เอา นั่นเอง
...
ด้วยความปากหมา ของฉันอยู่แล้ว
ฉันจึงอมยิ้มแล้วรอให้ ผู้หญิงคนนั้น ออกจากร้านไปก่อน
แล้วฉันจึงบอกกับแม่ค้าว่า

“ครั้งต่อไป...หากมีใครมาถามว่า...ไอ้ลูกนี่มันคืออะไร ให้ตอบไปว่า ...ผลไม้แห่งความงาม”
เอาแล้วไหมล่ะ ปากปีจออย่างเรา
ฉันบอกแม่ค้าต่อไปว่า

“เคยเห็นในโฆษณาไหม ...นั่นแหละ ไอ้ลูก อโวคาโด นี่แหละ เพื่อผมสวย ผิวสวย ตาสวย ยายไม่ต้อง เอ้ย ไม่ใช่ สารพัดความงาม หรือ เพี่ยวเลี่ยง นั่นเอง”
หลังจากนั้น...
ฉันไม่เคยเห็นผล อโวคาโด ค้างกล่องอีกเลย!!!
พร้อม ๆ รอยยิ้มไมตรีของแม่ค้า และส่วนลดมากมายเวลาเราซื้อแตงโมหรือ ส้ม
แต่.....
ทุกครั้งที่ฉันเห็น ไอ้เจ้า อโวคาโดตามห้าง หรือ ทั่วไป ฉันกลับรู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
เป็นเหตุให้ฉันถามตัวเองอยู่เสมอว่า
เราทำถูกไหมนะนี่
แล้วคนซื้อเขาจะรู้ไหมนะ ว่า ต้อง กระเดือก ไอ้ลูกนี่สัก ครึ่งชีวิตก่อน ถึงจะเห็นผล
เฮ้อออออ กรรมจริง ๆ
...
เข้าเรื่องต่อ
เวลาฉันไปซื้อ ผักหรืออะไรก็ตามแต่ ฉัน มักจะถามเขาเป็นภาษาจีน แต่พอเขาตอบฉันกลับมา
ฉันมักจะไม่ค่อยรู้เรื่อง
ต้องเริ่มนับมือใหม่ อี้ เอ้อ ซาน ซื่อ อู่ ลิ่ว.........(กรรมจริงๆ)
บางครั้ง ฉันก็ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
เลยต้องถามซ้ำไปว่า ฮาว มัช
แน่หล่ะ....ฝ่ายเขามั่งสิ ที่ต้อง อึ้ง จะให้เขาทำฉันอึ้งอย่างเดียวได้ที่ไหนกัน
ส่งผลให้ พ่อค้า แม่ ค้า หาเครื่องคิดเลขให้วุ่น
ตอนแรก ๆ ก็จะยืมกัน แล้วมากดให้ฉันดู
ตอนนี้เหรือ
มีเองส่วนตัวทุกร้านแล้ว ...ขอบอก
....
เชื่อไหมว่า
เราคือผู้บริโภค
สิ่งที่เราพอใจ คือสิ่งที่ผู้ขายต้องตอบสนอง และนั่นคือ ที่มาของการค้าขาย
ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ เกือบจะครึ่งปีแล้วมั้ง
ฉันไม่เคยที่จะ พยายามพูดจีนต่อหน้าพวกเขาเลย (พ่อค้าแม่ค้า)
ในเมื่อ เขาต้องการจะขายของให้ฉัน การสื่อสารย่อมสำคัญ
...
หลายวัน นานเข้า
ตั้งแต่ฉัน ออกจากโรงพยาบาล ฉันก็มีเวลาเดินตลาดบ่อยขึ้น
และก็ยังเหมือนเดิมคือนำเหรียญไป และไม่ยอมพูดคำอื่นนอกจาก ตั้วเส่า(เท่าไหร่)
ส่งผลให้ พ่อค้า...แม่ค้า...เริ่มที่จะ พูดอังกฤษกับฉัน
วันนี้ฉันซื้อดอกไม้
คนขายดอกไม้เป็นชายหนุ่มหญิงสาว ที่มีเด็กหญิงตัวน้อย ๆ เป็นโซ่ทอง ก็เริ่มที่จะพูดอังกฤษกับฉัน
หากคำไหนที่เขาพูดถูก ...
ฉันจะบอกเขาว่า “ตุ้ย” หรือ ถูกต้อง
หากคำไหนที่เขาออกเสียงผิด ฉันจะ พยายามบอกเขาว่า ให้พูดอย่างไร
ซึ่งก็ได้ผล ...

ตอนนี้ ทุกคนในตลาด...ต้องบอกราคาฉันเป็นภาษาอังกฤษ และ เกือบทุกร้านจะ พูดกับฉันด้วย อังกฤษ ยี่สิบ จีน แปดสิบ
และวันนี้ที่สามารถทำให้ฉันยิ้มได้ก็คือ
แม่ค้าขายผลไม้ เริ่มพูดกับฉันเป็นภาษาอังกฤษ ตอนฉันซื้อมะม่วง!!!
และวันนี้ฉันได้ยินยามหน้าตึกทักฉันเป็นภาษาอังกฤษที่ตะกุกตะกัก ว่า  How are you today?
ฉันยิ้มหวานให้หนึ่งทีแล้วบอกว่า
“I’m great, What about you?”
เขายิ้มอาย ๆ ตอบมาว่า
 “ หว่อ ทิ้ง ปู้ ต๋ง”
นั่นทำให้ฉัน ยิ้ม และ หัวเราะ กว่าเดิม
....
ฉันไม่รู้หรอกว่า ...สิ่งที่ฉันทำไป มันถูกหรือผิด
แต่ฉันคิดว่า ที่นี่คือ แหล่งพักอาศัยของคนต่างชาติ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์คือ ยูโรเปี้ยน
พวกเขามักจะไม่ซื้อของในตลาด เพราะพวกเขาไม่สามารถ สื่อสารกันได้
เข้าไปตลาดครั้งแรกจากนั้นก็ไม่เข้าไปอีกเลย
เพราะพวกเขาเลือกที่จะ ไปซื้อของ ในร้านซูเปรอ์มาเกต ใกล้ ๆ กับตลาด
ซึ่ง ราคานั้น เรียกได้ว่า หน้าเลือดมาก
เช่น หัวไซเท้า ในตลาดจะขาย อย่างมากไม่เกิน สองหยวน
แต่ในซูเปอร์ฯ จะขาย เจ็ดหรือแปดหยวน ซึ่งถือว่า ไม่สมควร
คงจะดีไม่น้อยหากเขาสามารถติดต่อสื่อสารกับแม่ค้ารู้เรื่อง
ทุกวันนี้ ...ฉันเริ่มเห็นเขาในตลาดบ้างแล้ว แต่ยังไม่มาก
แต่กระนั้น ฉันก็ดีใจที่ ฉันสามารถ ทำให้ หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปได้บ้าง

ฉันเชื่อว่าฉันเท่านั้นที่ทำ
หลาย ๆ ครั้งที่ฉันเดินเล่นในสวนหย่อม ฉันเห็นคนจีนกำลังสอนภาษาจีนให้กับยูโรเปี้ยน และ พวกแขก
จริงอยู่
“เข้าเมืองตาหลิ่ว...ต้องหลิ่วตาตาม”
แต่...จะหลิ่วตามเขาหรือให้เขาหลิ่วตามเรา นั่นก็อีกเรื่อง!!
ฉันมั่นใจว่า..ฉันเปลี่ยนพวกเขานะ
เพราะ กับฉันเท่านั้น ...ที่พวกเขา จะทักทาย และ จะต้องกล่าว ลากับฉันทุกครั้งที่ซื้อของเสร็จ
กับคนอื่น ฉันไม่ได้ยินเขาพูดเลย ...สาบานได้

 

คัดมาจาก: วรินทร อินสม

คำสำคัญ (Tags): #บันทึก
หมายเลขบันทึก: 102252เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2007 12:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

Many thanks for your kind ka P'phu.

I feel much better that you really appreciate what I've wrote ka.

I'm only a small dim shooting star.

I know, I can not brighten up for the whole Galaxy.

It's my Pleasure to know someone like you ka.

Best Regards From China lol ;)

Dara

เพิ่งมาเจอว่าพี่เจมีบล็อกอยู่ใน gotoknow ด้วย

เกตเพิ่งย้านมาทำงานให้หน่วยงานนี้ได้ไม่นาน

ดีใจจัง โลกกลมเนอะ

เกต

หนูชอบเรื่องที่คุณเขียนทุกเรื่องเลยคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท