ผมมีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เริ่มทำ สคส. ว่าถ้านักพัฒนาอิสระที่เรียกว่า เอ็นจีโอ ประยุกต์ใช้ KM ในการทำงาน การพัฒนาชุมชน - ท้องถิ่น ก็จะค่อยๆ เกิด "ชุมชนเรียนรู้" ขึ้นในสังคมไทย จะทำให้งานพัฒนาชุมชนก้าวเข้าสู่กระบวนทัศน์ใหม่ แต่ผมไม่มีปัญญาที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์การพัฒนานี้ได้ ก็ได้แต่ดำเนินการทางอ้อม กับภาคีต่างๆ
มาบัดนี้ผมเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง ผมดีใจมากที่การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากภายในชุมชนหรือท้องถิ่นเอง ลองอ่านเรื่องเล่า (ขนาดยาว) ของคุณวราภรณ์ แห่งขอนแก่น จะสัมผัสได้ว่าเริ่มมี KM Inside การทำงานพัฒนา โดยกลุ่มนักพัฒนาอิสระบางกลุ่มแล้ว สคส. จะขับเคลื่อนร่วมกับกลุ่มเหล่านี้ เป็นภาคีเครือข่ายร่วมกันต่อไป
โดยภาคีหลักของ สคส. ในการสถาปนา KM Inside ชุมชน คือ สรส. ที่นำโดยคุณทรงพล เจตนาวณิชย์
คุณวราภรณ์ หลวงมณี เล่าในการประชุมภาคีจัดการความรู้ในท้องถิ่น - ภาคประชาชน - ประชาสังคม (ครั้งที่ 20) เมื่อวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2549 เวลา 8.00- 17.00 น. ที่ โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น กรุงเทพมหานคร ดังนี้
"การพัฒนา 'คุณอำนวยชาวบ้าน' หรือที่พวกเราที่ขอนแก่นเรียกว่า 'วิทยากรกระบวนการ' นั้น เริ่มจากภาคีความร่วมมือวิจัยและพัฒนาเกษตรยั่งยืนร่วมกันทำ มีเป้าหมายเพื่อให้บุคคลเหล่านี้ ซึ่งเป็นคนในชุมชนสามารถชวนคนในชุมชนคิดและทำแผนชุมชนของตนเองได้
การคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาฝึกการเป็นวิทยากรกระบวนการ อาศัยภาคีที่ทำงานในพื้นที่เป้าหมาย คือ อ.ภูเวียง อ.หนองเรือ และ อ.ภูผาม่าน โดยเรากำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกเบื้องต้น คือ เป็นผู้นำที่มีทักษะในการนำเวที มีแนวคิดการพึ่งตนเอง และคนในชุมชนให้ความเชื่อถือ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาทั้งหมดเป็นผู้นำเดิมที่เคยทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ปี
จากนั้น เราได้ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะในการจัดเวที และการเก็บข้อมูลให้กับผู้นำเหล่านี้ ทั้งการสัมภาษณ์ การประชุมกลุ่มย่อย การใช้ปฏิทินต่างๆ เช่น ปฏิทินฤดูกาล ปฏิทินบุญประเพณี เป็นต้น การใช้แผนที่ การใช้ภาพตัดขวาง แผนผังการไหล ฯลฯ และให้ทุกคนได้ทดลองทำจริงในพื้นที่ จากนั้นจึงให้ลงมือทำจริงโดยมีทีมภาคีฯ เป็นพี่เลี้ยง และเพื่อนวิทยากรกระบวนการในหมู่บ้านใกล้เคียงมาช่วยกัน
ก่อนขึ้นเวทีเรามีการเตรียมคำถามและเครื่องมือต่างๆ มากมาย รวมถึงการทดลองถามเพื่อนในกลุ่มก่อน แต่เมื่อขึ้นเวทีจริงพวกเขาถามเฉพาะคำถามแรกเท่านั้นแหละ นอกนั้นพวกเขาพูดกันเองหมดหรือโต้เถียงกับผู้เข้าร่วม แทนที่จะให้ผู้เข้าร่วมได้พูด ไม่ว่าจะประวัติศาสตร์ชุมชน ฉันก็เป็นผู้รู้ดีที่สุด ข้อมูลทางกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากร ฉันรู้หมดแล้ว (ไม่รู้จะถามคนอื่นทำไม) แผนชุมชนก็อยู่ในใจฉัน
นี่แหละ เพราะฉันเป็นคนทำงานชุมชนมาตลอด และมักจะชี้นำกิจกรรมและให้ความหวังเกี่ยวกับงบประมาณที่จะได้"
ตอนที่ ๑ นี้ เล่าเรื่องแนวทางเดิมนะครับ ในตอนต่อๆ ไป จะเห็นว่าทีมคุณวราภรณ์ ได้ค้นพบแนวทางใหม่อย่างไร
วิจารณ์ พานิช
๒๕ กค. ๔๙
เรียนท่านอาจารย์หมอวิจารณ์
ขอบพระคุณนะคะ..ดิฉันกำลังตามหาคุณวราภรณ์ หลวงมณี..อยู่นะคะ..ทราบมาว่าท่านเป็นผู้คลุกอยู่ในชุมชนมาเป็นเวลานานและต่อเนื่อง...ซึ่งดิฉันกำลังมองหาพื้นที่...ที่ลงไปศึกษา "กระบวนการทางปัญญาของคน" ในภาคส่วนคนอิสาน...เป็นโอกาสที่ดีที่มาเจอในบันทึกของอาจารย์
นิภาพร ลครวงศ์
เรียนอาจารย์ หมอวิจารณ์
ผมเห็นว่า KM พัฒนาทั้งตัวเองและองค์กร จริงๆเราใช้ กระบวนการแบบนี้แทรกไปทุกเรื่องที่ทำอยู่แล้ว การที่เข้าใจแนวคิด และได้ปฏิบัติโดยตรง ได้ผลที่ดีๆเกิดนวัตกรรมใหม่ก็มาก
ผมกำลังออกจาก ภาครัฐ เข้าสู่ระบบการทำงานของ องค์กรพัฒนาเอกชน คิดว่า KM เป็นเครืื่องมือหนึ่งในการทำงานของผมและองค์กรใหม่ในปัจจุบันและอนาคต
บันทึกอาจารย์และบันทึกของผู้เรียนรู้ท้ังหลาย ทำให้ผมแหลมคมมากขึ้นครับ
เรียนท่านอาจารย์หมอวิจารณ์
คุณวราภรณ์ น่าจะมาเชื่อมโยงกับ ชุมชน KFC(oP)บ้านผู้หว่าน ๒ นะครับ ผมจะพยายามติดตามเรียนรู้กับท่าน
ทางจังหวัดขอนแก่นลงแรงเรื่อง KM ไปมากพอสมควร เสียดายที่ผู้รับผิดชอบไม่ได้ให้มีการติดตามความก้าวหน้าจากทีมงาน KM_KKU