หลังจากยูคาลิปตัสถูกปลูกขยายไปทั่วประเทศ สิ่งที่ผมแอบดูอยู่เงียบๆก็คือ คนไทยจะทำยังไงกับเจ้าไม้ตัวนี้บ้าง นอกจากจะมีกระแสต่อต้านแล้ว ผมคิดว่าคนไทยกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับไม้ตัวนี้แบบKM.ธรรมชาติ ซึ่งจะมีเรื่องใหม่ๆติดตามมาสร้างโจทย์ให้ชาวบ้านเรียนรู้ ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องเห็ดผึ้งขม ที่มันเกิดขึ้นในป่ายูคาฯมากมาย แทบไม่ต้องเดินหาให้เหมื่อยตุ้ม เพราะเดินไปตรงไหนก็เจอะเจอง่ายๆ เห็ดพวกนี้จะขึ้นเป็นกลุ่ม มีลักษณะก้อนกลมๆสีน้ำตาลคล้ำ ถ้าข้ามวันดอกจะบาน ช่วงที่เห็ดออกจะมีชาวบ้านมาเก็บทั้งวัน ตอนหลังการประโคมข่าวว่ามีคุณสมบัติแก้โรคเบาหวาน โรคมะเร็งเห็ดยูคาจึงได้รับความสำคัญขึ้นมาทันที ส่วนจะแก้โรคอะไรได้บ้าง นักวิจัยในสถาบันต่างๆน่าจะมาช่วยชาวบ้านตอบคำถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง คงเห็นโจทย์แล้วใช่ไหมครับ ไม่ต้องคิดให้สมองแฉะ ป่ายูคาฯกับชาวบ้านได้ตั้งหัวข้อวิจัยให้นักจัดการความรู้นักวิจัย นักการป่าไม้ได้ตอบข้อสงสัยให้ผู้กระหายใคร่รู้
ช่วงที่เห็นยูคาฯออกมากๆ พวกลูกน้องเห็นชาวบ้านเก็บ ก็ไปเก็บมาลองต้มจิ้มน้ำพริก ผมถูกชวนให้ชิม เนื้อเห็ดจะกุ๊บๆอร่อยมากเหมือนปลิงทะเลน้ำแดง แต่มีความขมที่พอทนได้แต่เป็นรสขมที่ไม่อร่อย ถ้าไม่มีรสขม เห็ดยูคาฯจะเป็นที่นิยมชนิดหนึ่งของโลก รสขมนี่มี2แบบนะครับ มีแบบขมอร่อย เช่น ดอกสะเดา ผลเพกา แกงขี้เหล็ก ส่วนพวกขมไม่อร่อย เช่น ฟ้าทะลายโจร เห็ดยูคาฯ มะแว้งเครือ ผมแอบตามดูวิธีวิจัยของชาวบ้านอย่างสนุก เห็นใครหิ้วตะกร้ามาก็เข้าไปคุยด้วย ถามแม่ใหญ่..เอาไปทำกินยังไง ถาม10 หมู่บ้านก็ได้ 10 กลุ่มตัวอย่าง เช่น
¡ ชุดวิธีทดลองหาทางบรรเทาความขม บ้างก็ว่าต้มใส่ใบฝรั่ง ใบมะขาม ใบย่านาง ใส่เกลือ ใส่ข้าวสาร
¡ ชุดวิธีการหาทางประกอบอาหาร บ้างก็เอาไป ต้ม นึ่ง ปิ้ง ย่าง
¡ ชุดวิธีการปรุงสูตรอาหาร บ้างก็เอาไปลาบใส่ข้าวคั่ว ขมๆอำลำ ต้มจิ้มน้ำพริก ปิ้งจิ้มแจ่ว
กลุ่มไม้ขนาดเล็กไม้ในป่าธรรมชาติขาดแคลน หายากไม่มีให้เลือกใช้ประโยชน์ได้เหมือนเมื่อก่อน เมื่อมีไม้ยูคาชาวบ้านก็เริ่มนำมาทดลองใช้งาน ในกลุ่มไม้ขนาดเล็ก พอจะแยกให้เห็นวิธีใช้ดังนี้
¡ ใบเอาไปรองรังไก่ไล่หมัด แมลง
¡ ใบเอาไปทำสีย้อมผ้า
¡ ใบเอาไปหมักกับใบไม้ชนิดอื่นทำสารไล่แมลง
¡ ใบเอาไปเทลงในคอกสัตว์เพิ่มปริมาณปุ๋ยอินทรีย์
¡ เอาไปทำเล้าไก่ รังไก่
¡ เอาไปทำโครงกระต๊อบที่พัก ที่นั่งเล่น
¡ เอาไปทำลอบดักปลาในทะเลชายฝั่ง
¡ เอาไปทำฟืน หลายหมู่บ้านมาขอไปเป็นฟืนเผาศพช่วยปอเต็กตึ๊ง
¡ เอาไปเผาถ่าน ทำเตาอบเล็กๆ เผาถ่านได้คุณภาพดี
¡ เอาไปสับป่นชิ้นเล็กๆทำปุ๋ย คลุมหน้าดิน
¡ เอาไปป่นทำวัสดุเพาะเห็ด
¡ เอาไปทำค้างปลูกผัก แขนงไม้มีกิ่งก้านความเหนียวเหมาะที่จะทำค้างผัก
¡ เอาไปทำด้ามไม้กวาด แขนงไม้ยูคาที่แตกขึ้นมาเป็นกลุ่มแขนงกอละ10-20 แขนง ปกติต้องตัดทิ้งบ้าง ชาวบ้านที่มีอาชีพทำไม้กวาดขาย จะเอาไม้ กวาดมาให้เรา2-3 อัน แล้วก็ขอปันเอาแขนงไปทำด้ามไม้กวาดจำหน่าย
กลุ่มไม้ขนาดกลาง เมื่อปลูกไม้ยูคาฯไปได้ระยะหนึ่ง มีไม้ขนาดต่างๆให้เลือกทดลองใช้ ทางโรงงานก็ซื้อราคาถูก ทำให้การแปลงวิกฤติให้เป็นโอกาสเกิดขึ้นอย่างสนุก นักประดิษฐ์ลูกทุ่งทั้งหลายคิดค้นกันจนได้วิธีใช้งาน และได้รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากไม้ขนาดกลาง อายุประมาณ 8-10 ปี ดังนี้
¡ นำไปใช้เป็นไม้ค้ำยันในการก่อสร้าง
¡ นำไปทำเสาเข็ม
¡ นำไปทำชิงช้านั่งเล่น
¡ นำไปตัดเป็นท่อนๆทำรั้วสำเร็จรูป ใช้ในงานตบแต่ง
¡ นำไปสร้างเพิงร้านขายของริมทาง
¡ นำไปทำคอกปศุสัตว์
กลุ่มไม้ขนาดใหญ่ อายุตั้งแต่15ปีขึ้นไป ไม้ขนาดนี้สามารถแปรรูปเพื่อนำไปประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่ไม้ยูคาก็มีปัญหาเฉพาะตัวที่ท้าทายนักคิดเป็นอย่างมาก และมีความเชื่อว่ามันเป็นไม้เนื้ออ่อน หดตัวง่าย บิดงอ แปรรูปไม่ได้ ตอนแรกผมก็เชื่อเช่นนั้น ทดลองดูก็พบว่ามันจัดการยากมากเจ้าไม้ตัวนี้ แต่หลังจากศึกษาอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช พบว่า มีทั้งส่วนความจริงตามที่ชาวบ้านบอกเล่า และมีชุดความรู้ใหม่ที่ผมทดลองมาระดับหนึ่ง ขออนุญาตนำมาให้ช่วยกันวิจัยต่อดังนี้ครับ
1. ไม้ยูคาฯบางสายพันธุ์ไม่สามารถแปรรูปได้ เจอใบเลื่อยจะบิดพลิ้วเป็นใบพัดเครื่องบิน ทำอย่างไรก็ยากจะคืนรูป ข้อเสนอแนะควรใช้ประโยชน์เป็นลำต้น ทำเสา ทำขื่อทั้งต้น ไม่ต้องแปรรูป
2. ไม้ยูคาฯหดตัวง่าย รักษารูปทรงยาก นอกจากเราจะเลือกได้ไม้สายพันธุ์ที่แปรรูปได้แล้ว ถึงจะมีห้องอบไม้ ก็ต้องอาศัยเทคนิคการอบพอสมควร ในการอบไม้ต้องรักษาความชื้นไว้ในเนื้อไม้บ้างระดับหนึ่ง
3. ในการย้อมสี/พ่นสี ไม้ยูคาจะดูดสีสิ้นเปลืองกว่าไม้ทั่วไป
4. ในการแปรรูป จะต้องเอาจุดศูนย์กลางไปอยู่ขอบแผ่นไม้ด้านหนึ่งด้านใด หรือถ้าจะแปรตามวิธีปกติ ก็จะต้องรู้วิธีดูลายเสี้ยนไม้ จะช่วยลดทอนการบิดงอได้
5. ความแข็งเหนียว เรื่องนี้พลิกล็อกสุดโต้ง ไม้ยูคาที่อบแห้งแล้ว จะมีความแข็งความเหนียวสูงมาก จะดูดตาปูดีเยี่ยม ถ้าเอาตะปู4ตอกไม้ยูคาแห้งอย่าคิดว่าจะถอนตาปูได้ง่ายๆ เหนียวหนับหัวสั่นหัวคลอนช่างไม้ร้องไห้มานักต่อนักแล้ว แม้แต่ไม้กระดานถ้าจะตอกตาปู ควรเอาสะหว่านไฟฟ้านำร่องไปก่อน ไม่ยังงั้นตอกตาปูไม่เข้าครับ ตาปูงอกองอยู่เป็นกำๆเชียวแหละ ดังนั้นเปลี่ยนความเข้าใจเสียใหม่ว่า ไม้ยูคาฯแห้งสนิทจะเป็นไม้เนื้อแข็งเหนียวพิเศษ จะเป็นไม้เนื้ออ่อนเฉพาะที่ยังสดๆอยู่เท่านั้น ทราบแล้วเปลี่ยน
ไม้แปรรูปแล้ว เอาไปใช้งานอะไรได้บ้าง
¡ ในประเทศออสเตรเลียใช้ทำเสาไฟฟ้า ยังมีการใช้อยู่ทั่วไปในหลายรัฐ
¡ ในออสเตรเลียอุตสาหกรรมน้ำมันยูคาลิปตัสเขาไปไกลมาก
¡ ในออสเตรเลียแปรรูปเป็นไม้ใช้สอยมานาน
¡ มหาชีวาลัยอาคารหลังใหญ่สร้างด้วยไม้ยูคาฯ
¡ ทำเครื่องเรือน กรอบรูป โต๊ะ เก้าอี้ฮ่องเต้ ตู้ เตียง ประดิษฐ์ของเด็กเล่น
กลุ่มอุตสาหกรรมไม้โตเร็ว
¡ ผลิตกระดาษ
¡ ผลิตผ้า
¡ ผลิตไม้ประสาน ไม้อัด
¡ ปัจจุบันมีการศึกษาที่จะเอาไม้มาผลิตไบโอออย
¡ กลุ่มผลิตไฟฟ้าด้วยแกลบ หันมาซื้อไม้เป็นเชื้อเพลิง
หลังจากยูคาลิปตัสถูกปลูกขยายไปทั่วประเทศ สิ่งที่ผมแอบดูอยู่เงียบๆก็คือ คนไทยจะทำยังไงกับเจ้าไม้ตัวนี้บ้าง นอกจากจะมีกระแสต่อต้านแล้ว ผมคิดว่าคนไทยกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับไม้ตัวนี้แบบKM.ธรรมชาติ ซึ่งจะมีเรื่องใหม่ๆติดตามมาสร้างโจทย์ให้ชาวบ้านเรียนรู้ ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องเห็ดผึ้งขม
ที่มันเกิดขึ้นในป่ายูคาฯมากมาย แทบไม่ต้องเดินหาให้เหมื่อยตุ้ม เพราะเดินไปตรงไหนก็เจอะเจอง่ายๆ เห็ดพวกนี้จะขึ้นเป็นกลุ่ม มีลักษณะก้อนกลมๆสีน้ำตาลคล้ำ ถ้าข้ามวันดอกจะบาน ช่วงที่เห็ดออกจะมีชาวบ้านมาเก็บทั้งวัน ตอนหลังการประโคมข่าวว่ามีคุณสมบัติแก้โรคเบาหวาน โรคมะเร็งเห็ดยูคาจึงได้รับความสำคัญขึ้นมาทันที ส่วนจะแก้โรคอะไรได้บ้าง นักวิจัยในสถาบันต่างๆน่าจะมาช่วยชาวบ้านตอบคำถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง คงเห็นโจทย์แล้วใช่ไหมครับ ไม่ต้องคิดให้สมองแฉะ ป่ายูคาฯกับชาวบ้านได้ตั้งหัวข้อวิจัยให้นักจัดการความรู้นักวิจัย นักการป่าไม้ได้ตอบข้อสงสัยให้ผู้กระหายใคร่รู้
ช่วงที่เห็นยูคาฯออกมากๆ พวกลูกน้องเห็นชาวบ้านเก็บ ก็ไปเก็บมาลองต้มจิ้มน้ำพริก ผมถูกชวนให้ชิม เนื้อเห็ดจะกุ๊บๆอร่อยมากเหมือนปลิงทะเลน้ำแดง แต่มีความขมที่พอทนได้แต่เป็นรสขมที่ไม่อร่อย ถ้าไม่มีรสขม เห็ดยูคาฯจะเป็นที่นิยมชนิดหนึ่งของโลก รสขมนี่มี2แบบนะครับ มีแบบขมอร่อย เช่น ดอกสะเดา มะระ ผลเพกา แกงขี้เหล็ก ส่วนพวกขมไม่อร่อย เช่น ฟ้าทะลายโจร เห็ดยูคาฯ มะแว้งเครือ ผมแอบตามดูวิธีวิจัยของชาวบ้านอย่างสนุก เห็นใครหิ้วตะกร้ามาก็เข้าไปคุยด้วย ถามแม่ใหญ่..เอาไปทำกินยังไง ถาม10 หมู่บ้านก็ได้ 10 กลุ่มตัวอย่าง เช่น
¡ ชุดวิธีทดลองหาทางบรรเทาความขม บ้างก็ว่าต้มใส่ใบฝรั่ง ใบมะขาม ใบย่านาง ใส่เกลือ ใส่ข้าวสาร
¡ ชุดวิธีการหาทางประกอบอาหาร บ้างก็เอาไป ต้ม นึ่ง ปิ้ง ย่าง
¡ ชุดวิธีการปรุงสูตรอาหาร บ้างก็เอาไปลาบใส่ข้าวคั่ว ขมๆอำลำ ต้มจิ้มน้ำพริก ปิ้งจิ้มแจ่ว
กลุ่มไม้ขนาดเล็กไม้ในป่าธรรมชาติขาดแคลน หายากไม่มีให้เลือกใช้ประโยชน์ได้เหมือนเมื่อก่อน เมื่อมีไม้ยูคาชาวบ้านก็เริ่มนำมาทดลองใช้งาน ในกลุ่มไม้ขนาดเล็ก พอจะแยกให้เห็นวิธีใช้ดังนี้
¡ ใบเอาไปรองรังไก่ไล่หมัด แมลง
¡ ใบเอาไปทำสีย้อมผ้า
¡ ใบเอาไปหมักกับใบไม้ชนิดอื่นทำสารไล่แมลง
¡ ใบเอาไปเทลงในคอกสัตว์เพิ่มปริมาณปุ๋ยอินทรีย์
¡ เอาไปทำเล้าไก่ รังไก่
¡ เอาไปทำโครงกระต๊อบที่พัก ที่นั่งเล่น
¡ เอาไปทำลอบดักปลาในทะเลชายฝั่ง
¡ เอาไปทำฟืน หลายหมู่บ้านมาขอไปเป็นฟืนเผาศพ
¡ เอาไปเผาถ่าน ทำเตาอบเล็กๆ เผาถ่านได้คุณภาพดี
¡ เอาไปสับป่นชิ้นเล็กๆทำปุ๋ย คลุมหน้าดิน
¡ เอาไปป่นทำวัสดุเพาะเห็ด
¡ เอาไปทำค้างปลูกผัก แขนงไม้มีกิ่งก้านความเหนียวเหมาะที่จะทำค้างผัก
¡ เอาไปทำด้ามไม้กวาด แขนงไม้ยูคาที่แตกขึ้นมาเป็นกลุ่มแขนงกอละ10-20 แขนง ปกติต้องตัดทิ้งบ้าง ชาวบ้านที่มีอาชีพทำไม้กวาดขาย จะเอาไม้ กวาดมาให้เรา2-3 อัน แล้วก็ขอปันเอาแขนงไปทำด้ามไม้กวาดจำหน่าย
กลุ่มไม้ขนาดกลาง เมื่อปลูกไม้ยูคาฯไปได้ระยะหนึ่ง มีไม้ขนาดต่างๆให้เลือกทดลองใช้ ทางโรงงานก็ซื้อราคาถูก ทำให้การแปลงวิกฤติให้เป็นโอกาสเกิดขึ้นอย่างสนุก นักประดิษฐ์ลูกทุ่งทั้งหลายคิดค้นกันจนได้วิธีใช้งาน และได้รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากไม้ขนาดกลาง อายุประมาณ 8-10 ปี ดังนี้
¡ นำไปใช้เป็นไม้ค้ำยันในการก่อสร้าง
¡ นำไปทำเสาเข็ม
¡ นำไปทำชิงช้านั่งเล่น
¡ นำไปตัดเป็นท่อนๆทำรั้วสำเร็จรูป ใช้ในงานตบแต่ง
¡ นำไปสร้างเพิงร้านขายของริมทาง
¡ นำไปทำคอกปศุสัตว์
กลุ่มไม้ขนาดใหญ่อายุตั้งแต่15ปีขึ้นไป ไม้ขนาดนี้สามารถแปรรูปเพื่อนำไปประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่ไม้ยูคาก็มีปัญหาเฉพาะตัวที่ท้าทายนักคิดเป็นอย่างมาก และมีความเชื่อว่ามันเป็นไม้เนื้ออ่อน หดตัวง่าย บิดงอ แปรรูปไม่ได้ ตอนแรกผมก็เชื่อเช่นนั้น ทดลองดูก็พบว่ามันจัดการยากมากเจ้าไม้ตัวนี้ แต่หลังจากศึกษาอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช พบว่า มีทั้งส่วนความจริงตามที่ชาวบ้านบอกเล่า และมีชุดความรู้ใหม่ที่ผมทดลองมาระดับหนึ่ง ขออนุญาตนำมาให้ช่วยกันวิจัยต่อดังนี้ครับ
1. ไม้ยูคาฯบางสายพันธุ์ไม่สามารถแปรรูปได้ เจอใบเลื่อยจะบิดพลิ้วเป็นใบพัดเครื่องบิน ทำอย่างไรก็ยากจะคืนรูป ข้อเสนอแนะควรใช้ประโยชน์เป็นลำต้น ทำเสา ทำขื่อทั้งต้น ไม่ต้องแปรรูป
2. ไม้ยูคาฯหดตัวง่าย รักษารูปทรงยาก นอกจากเราจะเลือกได้ไม้สายพันธุ์ที่แปรรูปได้แล้ว ถึงจะมีห้องอบไม้ ก็ต้องอาศัยเทคนิคการอบพอสมควร ในการอบไม้ต้องรักษาความชื้นไว้ในเนื้อไม้บ้างระดับหนึ่ง
3. ในการย้อมสี/พ่นสี ไม้ยูคาจะดูดสีสิ้นเปลืองกว่าไม้ทั่วไป
4. ในการแปรรูป จะต้องเอาจุดศูนย์กลางไปอยู่ขอบแผ่นไม้ด้านหนึ่งด้านใด หรือถ้าจะแปรตามวิธีปกติ ก็จะต้องรู้วิธีดูลายเสี้ยนไม้ จะช่วยลดทอนการบิดงอได้
5. ความแข็งเหนียว เรื่องนี้พลิกล็อกสุดโต้ง ไม้ยูคาที่อบแห้งแล้ว จะมีความแข็งความเหนียวสูงมาก จะดูดตาปูดีเยี่ยม ถ้าเอาตะปู4ตอกไม้ยูคาแห้งอย่าคิดว่าจะถอนตาปูได้ง่ายๆ เหนียวหนับหัวสั่นหัวคลอนช่างไม้ร้องไห้มานักต่อนักแล้ว แม้แต่ไม้กระดานถ้าจะตอกตาปู ควรเอาสะหว่านไฟฟ้านำร่องไปก่อน ไม่ยังงั้นตอกตาปูไม่เข้าครับ ตาปูงอกองอยู่เป็นกำๆเชียวแหละ ดังนั้นเปลี่ยนความเข้าใจเสียใหม่ว่า ไม้ยูคาฯแห้งสนิทจะเป็นไม้เนื้อแข็งเหนียวพิเศษ จะเป็นไม้เนื้ออ่อนเฉพาะที่ยังสดๆอยู่เท่านั้น ทราบแล้วเปลี่ยน
ไม้แปรรูปแล้ว เอาไปใช้งานอะไรได้บ้าง
¡ ในประเทศออสเตรเลียใช้ทำเสาไฟฟ้า ยังมีการใช้อยู่ทั่วไปในหลายรัฐ
¡ ในออสเตรเลียอุตสาหกรรมน้ำมันยูคาลิปตัสเขาไปไกลมาก
¡ ในออสเตรเลียแปรรูปเป็นไม้ใช้สอยมานาน
¡ มหาชีวาลัยอาคารหลังใหญ่สร้างด้วยไม้ยูคาฯ
¡ ทำเครื่องเรือน กรอบรูป โต๊ะ เก้าอี้ฮ่องเต้ ตู้ เตียง ประดิษฐ์ของเด็กเล่น
กลุ่มอุตสาหกรรมไม้โตเร็ว
¡ ผลิตกระดาษ
¡ ผลิตผ้า
¡ ผลิตไม้ประสาน ไม้อัด
¡ ปัจจุบันมีการศึกษาที่จะเอาไม้มาผลิตไบโอออย
¡ กลุ่มผลิตไฟฟ้าด้วยแกลบ หันมาซื้อไม้เป็นเชื้อเพลิง
สวัสดีรอบดึกค่ะพ่อครูฯ
โอ้โห โอ้โห ตามคุณย่ามแดงด้วยคนค่ะ ทำไม ประโยชน์ของยูคาฯ ถึงมีมากมายขนาดนี้นะคะ
ถ้าคนเราทำประโยชน์ได้มากเท่าต้นยูคาฯ ก็ดีนะคะพ่อครูฯ
โอ้โฮ้!!!! (ด้วยอีกคนนะคะ) ต้องบอกว่าเพิ่งรู้ เพิ่งรู้จริงๆ เลยค่ะ เห็ดยูคายิ่งแล้วใหญ่ เพิ่งรู้อีกเหมือนกัน แต่พอจะนึกความขมได้ ขมอร่อยน่าจะเหมือนกับขมหวาน เช่นพวกมะระ ขี้เหล็ก สะเดา ก็ขมหวานอร่อยนะคะ
ส่วนพวก ขมไม่อร่อย ฟ้าทะลายโจรก็ลองมาแล้วค่ะ อันนั้นคือข้ม ขม.... :D
ขอบคุณมากๆ ค่ะพ่อครูบาสำหรับความรู้นี้
ด้วยความเคารพ
ขอบคุณครับ
แก้ปัญหาต้มยำเห็ดผึ้งขม
มีผู้บอกเทคนิคในการต้มยำเห็ดผึ้งขมไม่ให้ขมทำได้ดังนี้ครับ
1. นำเห็ดผึ้งขมล้างน้ำให้สะอาด แล้วต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที
2. เทน้ำตัมเห็ดทิ้ง หรือใช้ช้อนตักเอาเฉพาะดอกเห็ดขึ้นมา
3. นำเห็ดผึ้งขมไปต้มยำ หรือทำตามเมนูที่ต้องการ ซึ่งจะพบว่าความขมนั้นลดลงหรือหมดไป
ขอบคุณครับ
เวรกรรมเลยครับ มันเลยหน้ากระดาษครับ
รบกวนท่านครูลบทิ้งเลยครับ อ่านยากครับผม เว้นแต่ต้องปรับฟอนท์เอาเอง ซึ่งไม่น่าอ่านเลยครับ ตามไปอ่านในที่มาของค้นฉบับก็แล้วกันครับ ที่เว็บนี้นะครับ
http://lists.ibiblio.org/pipermail/permaculture/1995-February/008643.html
Summary/Use of Eucalyptus in Reforestation Projects (fwd)
ขอบคุณมากครับผม
เม้ง
พ่อครูฯ ขา
คุณเม้ง ทำปวดหัวคะ เดี๋ยวแวะไปบันทึกอื่นก่อนนะคะ ค่อยกลับมาสะกด อีกรอบค่ะ
สิ่งที่ส่งมา เป็นความจริงของขั้วความคิดในโลกนี้
ทุกเรื่องตัดสินไม่ได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง
บล็อกจะมีประโยชน์มาก
งานนี้ข้อมูลเริ่มทะยอยมา
เหนื่อยมากไหมวันนี้! อาบน้ำใจเย็นๆแล้วยิ้มบ้าง จะผ่อนคลายได้เยอะเลยยย..
อาจารย์ส่าหรีครับ
ทำไมอาจารย์ไม่ลองต่อเน็ทด้วยโทรศัทพ์ละครับ
ปรึกษาอ.หว้าก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญระดับโปรแกรมเมอร์เรียกพี่เชียวเหละรายนั้น
ครูบาขา เนื้อหาบันทึกเหมือนๆ กัน ค่ะ copy 2 ครั้งรึปล่าวค่ะ .... ได้ข้อมูลเกี่ยวกับยูคาฯ พอเอาไปคุยๆ กับอาจารย์ที่ภาคที่เค้าเคยปลูกยูคาบ้างแล้ว...แต่ยังสงสัยอยู่ค่ะ ว่า แรกๆ ก็ส่งเสริมกันดี แต่สักพักก็ต่อต้านกัน สาเหตุคืออะไรค่ะ......
แรกๆอยู่ในช่วงการเรียนรู้
ตอนนี้เขียนแสดงการใช้ประโยชน์โดยรวม
ข้อมมูลเพิ่มเติมครับ
การเพาะกล้ายูคาลิปตัสในแปลงเพาะ หลังจากเมล็ดงอก และต้นกล้าโตได้ประมาณ 2-3 ซม. ให้นำสปอร์ของเห็ดผึ้งสีทอง หรือผึ้งทาม มาละลายน้ำรดลงไปที่แปลงเพาะกล้า พบว่าต้นกล้ายูคาลิปตัสมีการเจริญเติบโตได้ดีกว่า เปอร์เซ็นต์การรอดหลังการปลูกลงแปลงมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดการที่เหมือนกัน
ข้อมูลเพิ่มเติมที่กลุ่มเกษตรกรบ้านนาเมือง ต.กุดปลาดุก อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะครูบา...
ขอบคุณค่ะ..ที่นำพาให้รู้จักค่ะ
การปล่อยให้คนรักคิดถึงนานๆ เป็นบาป
เกิดพิษภัยในจิตใจยิ่งกว่ายูคาลิปตัสในป่าหิมพานต์