ในระดับอำเภอ นายอำเภอนี่แหละใหญ่ที่สุด เป็นประธานบังคับบัญชาทุกหน่วยงานในอำเภอ แต่ถ้าไปถามเด็กๆอาจจะได้คำตอบไปอีกอย่างเช่น ผู้ใหญ่บ้าน หลวงพ่อใหญ่ เพราะมีคำว่า”ใหญ่” ติดอยู่ วันนี้ผมมีท่านผู้ใหญ่ที่ว่านี้ ยกทีมมาเยี่ยมโดยมิได้นัดหมาย เด็กมาบอกว่านายอำเภอมาขอคุยด้วย พวกเรารีบจัดโต๊ะหาน้ำท่ามารับญาติผู้ใหญ่
ท่านแนะนำตัวเองว่าเป็นนายอำเภอสตึกเพิ่งย้ายมาใหม่ เคยรับตำแหน่งที่อำเภอชุมพลบุรี อำเภอละหารทราย เท่าที่พบปะกันก็เห็นว่าท่านนั้นเป็นนักปกครองที่มีไฟ มองปัญหาก้าวไกลกว่าท่านอื่นที่เคยอยู่ที่นี่ ท่านบอกว่ามาใหม่ก็ต้องไปทำความรู้กับกับพื้นที่หน่อย พอดีมีนัดกับสภาตำบลใกล้ๆนี้เลยแวะมาคุยด้วย
หลังจากนั้นเราก็นั่งเจรจาต้าอวยกัน ฝ่ายมหาชีวาลัยอีสานมีนักศึกษาบูรณาการศาสตร์อยู่พร้อมหน้า ฝ่ายปกครองมีท่านนายอำเภอ พัฒนากรำเภอสตึก และพัฒนาการ ท่านก็บอกว่าเพิ่งย้ายมามาดๆหลังท่านนายอำเภอเสียอีก ท่านนายอำเภอเปิดใจว่าจะมาทำหน้าที่สร้างความเจริญให้แก่อำเภอนี้ เท่าที่ดูช่วงแรกๆต้องวางระบบการทำงานให้แก่ทุกหน่วยงาน ช่วงนี้จึงกำหนดตารางลงพื้นที่ เพื่อพบปะทำความเข้าใจกับเพื่อนราชการ และองค์กรบริหารส่วนตำบล ต้องขยันลงพื้นที่ 3 วัน/สัปดาห์ แรกๆก็อาจจะเหนื่อยหน่อย เมื่อทุกอย่างเข้าที่เราค่อยทำงานสบายขึ้น
นักปกครองท่านนี้เอาจริงกับเรื่องเกษตรอินทรีย์ และแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มที่ เราได้หารือกันหลายประเด็น แถมยังชวนนักศึกษาของเราเข้าไปเป็นคณะอนุกรรมการคณะทำงาน และวันหลังจะเชิญไปเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ราษฎรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลูกศิษย์โข่งผมก็ปลื้มหน้าบานสิครับ เห็นแอบไปจดที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์เพื่อประสานงานกันในภายหลัง เนื่องจากมีภารกิจรออยู่ข้างหน้า เราจึงมีเวลาพบปะกันประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนกลับท่านได้เซ็นต์ในสมุดเยี่ยมไว้ดังนี้
“ข้าพเจ้านายทำนอง ศรีเมือง นายอำเภอสตึก และนายทองใจ ปุยไธสง พัฒนาการอำเภอสตึก ได้ออกมาเยี่ยมเยียนบ้านครูบาฯ ได้พบปะพูดคุยเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ว่าจะดำเนินการในพื้นที่อำเภอสตึกอย่างไรจึงจะเหมาะกับพื้นที่ และข้าพเจ้าขอขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับจากท่านครูบาฯ พร้อมนักศึกษาที่มาดูงานเป็นอย่างดี”
ถ้านักปกครองมีวิสัยทัศน์อย่างท่านนี้ ชนบทไทยไปโลดแล้วละครับ จะเห็นว่าบทบาทของผู้บริหารที่เอาแต่นั่งสั่งการอยู่บนโต๊ะนั้น แนวคิดแนวทางจะต่างกันมาก การทำงานเชิงรุกอย่างบูรณาการเท่านั้น ที่จะทำให้นักปกครองท้องถิ่นติดตามปัญหาได้อย่างใกล้ชิด คนสตึกจึงภูมิใจมากที่ได้นายอำเภอไฟแรงเช่นนี้ ขอกล่าวคำว่า “ยินดีต้อนรับ นายทำนอง ศรีเมือง นายอำเภอที่รัก”..
ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้เป็นข้อสังเกตว่าคนที่ทำหน้าที่การงานในระบบนั้น ถ้าเรียนรู้วิธีทำงานแบบอิงระบบ จะทำให้การงานก้าวหน้าทั้งงานหลวง งานราษฎร์ ควรที่นักทำงานทุกสาขาอาชีพจะได้ศึกษาวิธีการนี้ไว้ และช่วยกันเพิ่มเติมสัดส่วนเรื่องนี้เข้าไปในระบบให้มากขึ้น เพื่อให่เกิดความยืดหยุ่น ไม่แข็งกระโด๊กเหมือนม้าดีดกระโหลกกับพวกที่บ้าระเบียบโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ.
เรียนพ่อครูบา
คนทำงานอิงระบบ แต่ถูกระบบ ดึงคนหนี
ทำให้กำลังใจขาดหายไปเหมือนกันนะครับ
ส่วนมากทุกองค์กรมีปัญหาที่ผู้บริหาร ถ้าได้คนที่มีภาวะผู้นำก็สบายไป แต่ถ้าได้ตรงกันข้ามชีช้ำกันทั้งองค์กรครับอาจารย์
หากท่านนายอำเภอจะเริ่มต้นการเรียนรู้และเข้าใจชุมชนยิ่งขึ้น ที่อำเภอสตึก ก็ต้องถือว่าเป็นคุณูปการต่อท้องถิ่นครับ