อบรม-เผชิญความตายอย่างสงบ ๕: ความเชื่อพื้นฐาน


ในการอบรมทุกครั้ง ผู้เข้าอบรมทุกคนจะมี สมุดบันทึกเล่มน้อย ไว้ประจำตัว เพื่อจดบันทึกความคิดของตนเอง และบันทึกสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้จากการรับฟังผู้อื่น แต่ก็มีบางคนมือคันเอาไว้วาดรูปเล่นแบบนี้ แฮะ
 
สมุดบันทึกนี้ช่วยให้แต่ละคนได้รับรู้ความคิดของตนเองที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาเขียน เมื่อถึงช่วงเวลาแลกเปลี่ยนในกลุ่มใหญ่ สำหรับผู้ที่สะดวกใจจะเปิดเผยให้ผู้อื่นรับรู้ ก็สามารถเล่าให้ผู้อื่นฟังได้เลย ส่วนผู้ที่ไม่สะดวกใจ ความรู้สึกความคิดนั้นก็จะถูกบันทึกเอาไว้สำหรับทบทวนภายหลัง



เนื้อหาการอบรมเรื่องแรก ในหัวข้อ ความเชื่อพื้นฐานเรื่องความตาย นี้ น้องเล็ก..ปรีดา วิทยากรหลักได้ให้ผู้เข้าอบรมตอบคำถาม ๔ ข้อ ในสมุดบันทึกเล่มน้อยของตนเองทีละข้อ ตามคำถามท้ายบันทึกนี้  ก่อนจะมาแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มใหญ่
เนื้อหาเป็นเช่นไร อ่านได้บันทึกนี้ ขออาจารย์สกลนะครับ ส่วนใครที่อยากแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม ก็เชิญตอบคำถามข้างล่างนี้ได้ครับ


คำถามสำหรับบันทึกนี้                                                                         

๑. เวลาพบคนแก่ คนเจ็บ คนตาย เรารู้สึกและตอบสนองอย่างไร เพราะเหตุไร
๒. ถ้าความตายมาถึงตรงหน้าในเร็ววัน เราจะรู้สึกอย่างไร เพราะเหตุใด
๓. ถ้าก่อนตาย เรามีเวลาทำเรื่อง ๑ อย่างในชีวิต เราอยากทำอะไร
๔. ชั่วโมงสุดท้ายก่อนตาย เราอยากทำอะไร

 

<< อบรม-เผชิญความตายอย่างสงบ ๔: แนะนำตัว ถอดหมวก-เปิดเสาอากาศ-แบ่งปัน

หมายเลขบันทึก: 88851เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2007 11:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ผมไม่ใช่หมอครับ แต่อยากร่วมสนุกด้วยครับ

๑. เวลาพบคนแก่ คนเจ็บ คนตาย เรารู้สึกและตอบสนองอย่างไร เพราะเหตุไร

ตอบ คิดว่าเป็นเรื่องปกติของโลกครับ การเกิด แก่ เจ็บ และตาย มีด้วยกันทุกคน  วันใดวันหนึ่งเราก็ต้องเป็นเช่นนั้น ปัญหาอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรที่จะรอดวงจรนี้ให้ได้  ไม่เกิดเสียอย่าง ที่เหลือก็จบครับ

๒. ถ้าความตายมาถึงตรงหน้าในเร็ววัน เราจะรู้สึกอย่างไร เพราะเหตุใด

ตอบ ขอบอกตรงๆ ว่ารู้สึกเฉยๆ ครับ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนข้อแรก

๓. ถ้าก่อนตาย เรามีเวลาทำเรื่อง ๑ อย่างในชีวิต เราอยากทำอะไร

ตอบ อยากกราบลาคุณพ่อคุณแม่(ถ้าท่านยังอยู่นะ) หรือไม่ก็บอกลาคนใกล้ชิดครับ  อยากอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นปกติของโลก ไม่ต้องเสียใจ เราเสียใจกันมานับภพชาติไม่ถ้วนแล้ว ทุกคนต้องประสบสิ่งนี้ และอยากให้ศึกษาพระพุทธศาสนาว่าจะต้องทำอย่างไร ให้เราหลุดจากวงจรนี้ได้ 

๔. ชั่วโมงสุดท้ายก่อนตาย เราอยากทำอะไร


ตอบ กำหนดสติอย่างเดียวครับ ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้ตกไปในทุคติภูมิครับ  พระพุทธศาสนาบอกว่ากรรมก่อนตายนี้สำคัญนัก แม้ทำดีมาสักแค่ไหนถ้าคิดไม่ดีก็ตกไปยังทุคติภูมิก่อนครับ ในทางกลับกันถึงทำชั่วแค่ไหนถ้าก่อนตายคิดแต่สิ่งดีๆ ก็มีโอกาสไปสุขติภูมิก่อนครับ  แต่ทั้งนี้ถ้าเราไม่เคยทำกรรมดีมาก่อนเป็นนิสัย(อาจิณนกรรม) ก็ยากแสนยากครับที่จะคิดดีก่อนตาย

ขอบคุณครับที่ให้โอกาส

ธรรมะสวัสดีครับ

คุณ  ธรรมาวุธ ครับ

  • วงนี้ ไม่เฉพาะหมอ นะครับ ตามบันทึกนี้ อยากให้มีมุมมองที่แตกต่างกันมากๆด้วยครับ ทั้งคนที่กลัวตาย ไม่อยากตาย อยากตายก่อนกำหนด เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นด้วยครับ
  • ขอบพระคุณมากครับ ผมได้แง่คิดสำหรับตัวเองด้วย..ยังคิดว่า ตัวเองยังกลัวตายครับ โดยเฉพาะตายแบบประเจิดประเจ้อ ไม่เรียบร้อย  

ผมคิดว่าคำถามที่พี่เต็มอาจจะถามในการอบรมครั้งต่อไปก็คือ รู้สึกอย่างไรเวลาเราเห็นคนไข้หรือญาติเผชิญความตายในรูปแบบต่างๆ ดี และ ไม่ดี

ผมคิดว่าค่อนข้างสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคลากรบริการสุขภาพ เช่น หมอ พยาบาล และกับกลุ่มอาสาสมัคร ไม่เพียงแต่ contents ว่ารู้สึกอย่างไรแล้ว การฝึกเพื่อสำรวจว่าตนเองรู้สึกอย่างไร ก็สำคัญด้วยครับ

        มาร่วมแลกเปลี่ยนด้วยค่ะ ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนนึงที่อาชีพหมอ

         1.เวลาพบคนแก่คนเจ็บคนตาย รู้สึกว่าเป็นธรรมดา เราก็ต้องเจอ สภาพเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน แต่จะมีความรู้สึกกลัวการเจ็บป่วยและการตายค่ะ เพราะเคยเจอด้วยตนเองแล้วพบว่า ไม่ชอบการเจ็บปวด ความตายก็ยังไม่รู้จักเพราะไม่เคยเจอกับตนเองจริงๆ แต่ตอนที่เจอคนไข้เสียชีวิตมามากมาย บางครั้งก็เศร้า ถ้างานเยอะๆเจอบ่อยๆก็จะชินชาแต่ตอนเจอคนที่เรารักเสียชีวิตไปก็เสียใจมากค่ะ

          2. ถ้ามันมาเร็วอยู่ตรงหน้าก็คงจะต้องทำใจรับสภาพนั้นให้ได้ แต่คงเสียใจบ้างเพราะยังคิดว่าทำกุศลยังไม่ถึงพร้อม

          3.ถ้าทำได้แค่อย่างเดียว จะปฏิบัติธรรมอย่างเดียวเลยค่ะ ทั้งวัน คือ พยายามประคองสติอยู่กับการเดิน ยืน นั่งและนอน อย่างเต็มที่

           4.ทำใจให้ยอมรับความตายอย่างสงบเท่าที่จะทำได้

P

  • ครับ คำถามของสกล น่าจะใช้แทน ข้อ ๑ ถ้าในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นบุคลากรสุขภาพนะ

หมอนิด ครับ

  •  ผมกลัวว่าตัวเองจะเป็น ถ้างานเยอะๆเจอบ่อยๆก็จะชินชา ก็เตือนตัวเองเรื่อยๆ บางที่เห็นคนไข้เจ็บ ใกล้ตาย เป็นโรคร้าย เราอาจเฉยจนเกินไป เหมือนในบันทึกนี้
  • ทำงานแบบนี้ บางครั้งเราเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในบางวงเขารับไม่ได้ วงแตกเลยก็มีครับ
  • ขอตอบข้อ  3  ขอแต่งงานสักครั้งก่อนแล้วกันครับ....อิอิ

อาจารย์ย่ามแดง ครับ 

  • ตอบคำถามแบบนี้ เหมือนเปิดคางให้คู่ต่อสู้เลย
  • ระวังเจอสวนว่า สงสัยอย่างนี้อาจารย์คงอายุยืน ครับ

ขออนุญาตคุณหมอ

P

หัวเราะ อ.

P

ดังๆ หน่อย นะครับ

ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณครับ

คุณ ธรรมาวุธ ครับ

  • หัวเราะเสียงดังตอนเกือบตีสอง ระวัง คนใกล้ตัว กับ ชาวบ้าน เขาส่ง ค้อน กับตะปูมาให้นะครับ 

อ.จ.เต็มศักดิ์คะ

มาเยี่ยมแล้วค่ะ หัวข้อนี้น่าสนใจมากค่ะ ขอแลกเปลี่ยนด้วยค่ะ

คำถาม ๔ ข้อ 

 ๑เวลาพบคนแก่ คนเจ็บ คนตาย เรารู้สึกและตอบสนองอย่างไร เพราะเหตุไร

     รู้สึกเป็นเรื่องปกติ พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า สิ่งที่เราหลีกหนี ไม่พ้นมี 3ประการคือ ความแก่ ความจ็บ ความตาย ทรงสอนให้พิจารณาเนืองๆ  เรียกเป็นหัวข้อธรรมว่า อภิณหปัจจเวกขณ์ คือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากและกรรม


๒. ถ้าความตายมาถึงตรงหน้าในเร็ววัน เราจะรู้สึกอย่างไร เพราะเหตุใด

    คิดหาประโยชน์จากความตาย คิดทำบุญทำกุศลให้มากที่สุด ประคองสติ  ถนอมจิตใจให้ผ่องใส ไม่หม่นหมอง  ชีวิตมนุษย์นี้ก็แค่ประเดี๋ยวเดียว แต่ชีวิตหลังความตายนั้นคงจะยาวนาน ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ นอกจากบุญกับบาป จริงๆแล้ว ความตายเป็นมิตรที่ดีของเรา ช่วยปลดเปลื้องทุกข์อันทรมานให้  ความตายเท่านั้นจะรักษาโรคของเราได้

     "คิดถึงความตายสบายนัก มันตัดรักตัดหลงในสงสาร"


. ถ้าก่อนตาย เรามีเวลาทำเรื่อง ๑ อย่างในชีวิต เราอยากทำอะไร

     ประชุมลูกหลาน พร้อมสอนว่า ความตายเป็นของธรรมดา ไม่มีใครหนีพ้น กองสังขารอันถูกปัจจัยปรุงแต่งนี้  ย่อมมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา อย่าได้เป็นทุกข์ไปจนเกินเหตุเลย

   ๔. ชั่วโมงสุดท้ายก่อนตาย เราอยากทำอะไร

  นั่งสมาธิ เจริญภาวนา น้อมใจเข้าอยู่กับตัวเองให้จิตใจผ่องใสที่สุด นึกถึงความดีต่างๆที่เคยทำไว้ตลอดชีวิต จะไม่ยอมให้จิตไปผูกพันกับสิ่งใดเลย   ใจที่ถูกกลั่นจนใสแล้วนี้ ย่อมจะถูกดึงดูดเข้าไปสู่สุคติภูมิอย่างแน่นอน

 

     

พี่ sasinanda ครับ 

  • คิดหาประโยชน์จากความตาย
    โอ้โห..ประโยคนี้ มันแสดงความกล้าหาญที่จะ เผชิญกับความตาย จริงๆ ผมขออนุญาตพี่ยืมไปใช้นะครับ
  • ขอบพระคุณพี่ครับ บันทึกต่อไปกำลัังจะคลอดช่วงสงกรานต์ครับ

โห อ.เต้มศักดิ์  กว่าดิฉันจะเก๊ทมุกที่คุยกะอ.ย่ามแดงและคุณธรรมาวุธได้ใช้เวลาเป็นเดือนเลยนะคะเนี่ย ขออนุญาต ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท