เช้าวันนี้ เป็นวันที่ ๘ ของการอบรม “ครูชำนาญการพิเศษ” ของ สพท.เชียงใหม่ เขต ๔ ซึ่งจัดทั้งหมดรวม ๑๓ วัน ..
ผมได้รับมอบหมายเป็นวิทยากรเติมเต็มให้กับกลุ่มสาระ สุขศึกษา ปฐมวัย พลศึกษา และลูกเสือ ในประเด็น “การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้” ซึ่งเป็นยาขมหม้อใหญ่ของคุณครู ทุกคนจะส่ายหัวอย่างช้าๆและหันหลังกลับทันทีเมื่อบอกว่า “วิจัย”
ในความเป็นจริง งานวิจัยกับคุณครูเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะ คิดว่าทำยาก และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ดูเป็นวิชาการ สถิติเยอะแยะน่าเวียนหัว อีกทั้งพอนำเสนอผลงานวิจัยก็ดูอ่านยาก นำไปใช้ยาก...
เหล่านี้เป็นอคติกับ “งานวิจัย” โดยแท้ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ที่มุมมองคนทั่วไปมองงานวิจัยแบบนี้ก็เพราะส่วนหนึ่ง การเรียนการสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ มักให้ความสำคัญสูงกับสถิติที่ยุ่งยาก หรือไม่ก็ผู้สอน ถ่ายทอดเรื่องง่ายๆให้เข้าใจยากๆ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">งานวิจัยกับคุณครูจึงเดินทางเส้นขนานมาโดยตลอด</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมคิดมาสองสามวันว่าจะนำเสนอยังไงดี เพื่อให้คุณครูเปลี่ยนทัศนคติต่อการวิจัย ให้มองว่างานวิจัย ง่ายกว่าที่คิด…นำเสนออย่างไรให้เข้าใจง่ายๆและนำไปใช้ได้เลย แบบมั่นใจ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมศึกษา ทบทวนการทำ “วิจัยชั้นเรียน” ไม่ว่าจะเป็น “งานวิจัยหน้าเดียว” ที่คุณครูสามารถออกแบบการทำวิจัยแบบง่ายได้ โดยใช้ปัญหาที่พบได้ในห้องเรียนสี่เหลี่ยมเป็นเบื้องต้น เป็นตัวเดินเรื่อง ผมใช้กระบวนการเรียนการสอนเทียบกับกระบวนการวิจัย ที่ชี้ให้เห็นว่า กระบวนการเรียนการสอนนั่นหละครับ เป็นงานวิจัย หากเราเพิ่มการเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ พร้อมการเขียนที่สอดคล้องเชื่อมโยงให้เห็นถึงกระบวนการแก้ไขปัญหา แม้จะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่หากเป็นสิ่งที่ขัดข้องในกระบวนการเรียนการสอน หากแก้ไขได้สำเร็จ…ถือว่าเป็น “นวัตกรรม” เลยทีเดียว</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="center"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมบรรยาย ประเด็น “การทำวิจัย…ไม่ยากเหมือนที่คิด” ชวนคุณครูคิดตามอย่างช้า นับตั้งแต่ สังเกตปรากฏการณ์ การตั้งปัญหา – สมมุติฐาน การออกแบบการวิจัย เครื่องมือ กระบวนการวิจัย รวมถึงการวิเคราะห์ สรุป จนจบกระบวนการ…ว่ามีเท่านี้เอง(จริงๆ)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หัวใจของงานวิจัย เริ่มต้นน่าจะเป็น “ปัญหาวิจัย” ที่ตั้งขึ้น ต้องเฉียบคม เป็นปัญหาที่อยากแก้ไข เผชิญสถานการณ์จริง วิเคราะห์ออกมาให้เห็นชัดเจนว่าหากจะแก้ไขแล้วใครเกี่ยวข้องบ้าง และน่าจะออกแบบการแก้ไขอย่างไร ต่อมา “กระบวนการ” จึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง กระบวนการดี เก็บข้อมูลเยี่ยม บทสรุปงานวิจัยต้องดีแน่นอน(“ดี” ในที่นี้หมายถึง ครอบคลุม ตอบวัตถุประสงค์ได้ บอกปรากฏการณ์ได้ ) ส่วนสถิติก็ไม่ต้องไปกังวล แค่ ร้อยละ เอกส์บาร์ และ SD ก็เพียงพอแม้ว่างานวิจัยของครูชิ้นนั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ(เป็นที่น่าพึงพอใจ) ก็ไม่เป็นไร …วิจัยต่อไปครับ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ได้กำไรเรื่อยๆ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>ในงานวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน จะเป็นวงจร PAOR ซึ่งได้แก่ <ul>
</ul><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ หากทำได้ดี สามารถแก้ไขปัญหาได้ เราถือว่าเป็น “นวัตกรรม” ครับ งานนวัตกรรมหากเกิดขึ้นในระดับห้องเรียนเยอะๆผมคิดว่า เป็นการเคลื่อนความรู้ระดับฐานรากการศึกษาอย่างมีพลัง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมประเมินตัวเอง หลังจากการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มผู้เข้าร่วมอบรมแล้วน่าพอใจครับ …เพราะคุณครูตอบรับดี ถามคำถามกันอย่างสนใจ พร้อมทั้งหลายๆท่าน บอกกับผมในช่วงพักอาหารว่าง ท่านเข้าใจเรื่องงานวิจัยได้ดี อธิบายง่าย และมีความมั่นใจขึ้นมาก</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมดีใจครับ…ผมคิดว่าผมสำเร็จเป็นเบื้องต้นในการถ่ายทอดเรื่องที่ยาก ให้เป็นเรื่องง่าย ความสำเร็จในต่อไปไม่ขอมากมายครับ ขอเพียงคุณครูมีทัศนคติที่ดีกับงานพัฒนาปัญญา(วิจัย) สนใจเรียนรู้เพื่อเสริมศักยภาพให้ชำนาญมากขึ้น สมกับเป็น “ครูชำนาญการพิเศษ” </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>
ที่เหมาะสมเห็นจะเป็น Action Research ครับ เพราะกระบวนการได้เรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนไปพร้อมกัน ทำไปปรับ ทำไปเรียนรู้ไป
ผมขอฝากกราบสวัสดีท่านพ่อครูบาสุทธินันท์ด้วยครับ ท่านอาจารย์ขจิต
สวัสดีค่ะคุณเอก....
ชีวิตของคุณเม้งสนุกมากเลยครับ และขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์บางส่วนผ่านพื้นที่ตรงนี้
หากจบมาถือว่าเป็นผลผลิตที่น่าภูมิใจมากๆเลยครับ
งานวิจัย น่าจะเป็นวิถีนะครับ ผมหมายถึงเนียนไปกับชีวิตประจำวันซึ่งเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
ทุกวันนี้เราตั้งคำถาม และค้นหาคำตอบ นั่นก็คือกระบวนการวิจัยง่ายๆที่เราใช้
ผมจะบอกว่า บางแห่งของไทย เรามีนักวิจัยชาวบ้านที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ในรูปแบบของงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น ซึ่งน่าสนใจมากครับ ศักยภาพของชาวบ้านที่เกิดขึ้น เป็นพลังแห่งรากหญ้าที่เข้มแข็งมากทีเดียว
ขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนครับ...
ครูอ้อย
อย่างที่ผมเขียนไปในข้อเสนอแนะ ต่อคุณเม้งครับ
วิจัย คือ วิถี หากทัศนคติที่ดีต่อกระบวนการปัญญาแบบนี้ ก็จะเห็นว่า ไม่ได้มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ ภาระเพิ่มแต่อย่างใด เพราะเราได้กำไรและกำไร
ผมเข้าใจคุณครูมากครับ เรื่องงานในโรงเรียนที่ไม่เฉพาะงานสอนเพียงอย่างเดียว ครูบนดอยเป็นทุกอย่างตั้งแต่ภารโรง ยันแม่ครัว ถึงคุณครู ทำงานตัวเป็นเกลียวเลยครับ...และเป็นภาพของหิ่งห้อยที่ทำงานเพื่ออุดมการณ์อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร คุณครูเหล่านี้คือ "ผู้สร้างชาติ" ครับ
เป็นผู้ปิดทองหลังองค์พระปฏิมาโดยแท้
ผมพยายามครับเรื่องการถ่ายทอด ผมก็ลูกศิษย์ที่มีครู ถึงวันนี้ก็เพราะครูสั่งสอนครับ
ให้กำลังใจคุณครูทั่วประเทศ
มาเยี่ยม...
งานวิจัยเป็นเรื่องของคนทุกคนเลยนะครับ
และเจตคติของคนก็เป็นสิ่งสำคัญต่องานวิจัยนะครับ
ฮา ๆ เอิก ๆ
เป็นประโยชน์มากค่ะ ...เตรียมพร้อม..ตอนนี้เป็นครูน้อยอยู่ค่ะ
อาจารย์
ขอให้อาจารย์คิดว่าเป็นอาหารว่างก็แล้วกันนะครับ เชิญชิมได้ตามสะดวก
เห็นด้วยกับยาขมหม้อใหญ่กว่า คือ ภาระของคุณครูยุคนี้ ยุคโรงเรียนในฝัน
ให้กำลังคุณครูครับ
อาจารย์ ดร.อุทัย ครับ
ถูกต้องนะครับ!!!!
เจตคติสำคัญที่สุดเลยครับ หากเรารักที่จะทำ รักที่จะเรียนรู้ ผมคิดว่าไปฉลุยเลย
อาจารย์สบายดีนะครับ
คุณ ครู
ครูน้อย ครูใหญ่ ให้กำลังใจเสมอๆครับ
ยังไงก็ตามผมคิดว่าเราพัฒนาศักยภาพตนเองไปเรื่อยดีกว่าครับ ถึงเวลาที่ทำ ครูชำนาญการพิเศษ จะได้ไม่เครียด แบบผ่านฉลุยเลยไงครับ
ขอบคุณครับ
แวะมาถามข่าวคราว, และให้กำลังใจคนทำงาน
ช่วงนี้ผมเพลีย ๆ กับการเดินทาง ใช้ชีวิตวันต่อวันระหว่างงานกับครอบครัว
สนุกดีครับ...สนุกกับความสุข และสนุกกับความอ่อนล้า
รักษาสุขภาพ นะครับ
คุณพนัส
มองโลกในแง่ดี ก็สุขใจครับ
ทำงานหากมีความสุข เหนื่อยแทบขาดใจ ก็ยังมีแรงฮึดตลอดเวลา
ก็ขอให้คุณพนัสรักษาสมดุล ระหว่าง งานกับชีวิตส่วนตัว
และขอให้มีพลังสร้างสรรค์สิ่งดีๆต่อไปนะครับ
สวัสดีค่ะคุณเอก...
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครูอ้อยที่มาช่วยเติมให้นะครับ
งานนี้ผู้ที่รู้มากที่สุด ก็คือ คุณครูผู้ที่ปฏิบัติการครับ
แนวคิดงานวิจัยก็ตามทฤษฎี แต่จะประยุกต์เพื่อตอบวัตถุประสงค์อย่างไร ต้องดูกันอีกที
ได้นวัตกรรมเป็นของแถมครับ