000 - คนอียิปต์สร้างพีระมิดได้อย่างไร?


อย่าได้ประมาทมันสมองและฝีมือคนอียิปต์โบราณไปเชียว เพราะคนอียิปต์นี่แหละที่มีความรู้ในศาสตร์แขนงต่างๆ อย่างน่าทึ่ง!

 

บันทึกนี้นำเสนอแนวคิด/ทฤษฎีในการสร้างพีระมิดแบบต่างๆ ที่เคยมีการเสนอกันมา

โดยไม่ได้กล่าวถึงทฤษฎีการหล่อปูนเพื่อผลิตหินแต่ละก้อน

ผู้สนใจทฤษฎีการหล่อปูน อาจเริ่มจากบทความ เหา หมา กอริลล่อย (1)

เขียนโดย คุณแทนไท ประเสริฐกุล ในโอเพ่นออนไลน์

 

 

มีใครเคยสงสัยไหมครับว่า คนอียิปต์โบราณนั้นท่านสร้างพีระมิดขึ้นมาได้ยังไง?

เรื่องนี้คนที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง และเคยมาทิ้งเชื้ออารยธรรมให้กับโลกในแนวพระเจ้าจากอวกาศ ก็อาจจะอธิบายง่ายๆ ว่า มนุษย์ต่างดาวนี่แหละที่ยกหินขึ้นไปเรียงทีละก้อนๆ ด้วยพลังมหัศจรรย์!

การ์ตูนล้อแนวคิดที่ว่ามนุษย์ต่างดาวสร้างพีระมิดโดยใช้พลังวิเศษยกหินไปจัดเรียงทีละก้อน 

แต่อย่าได้ประมาทมันสมองและฝีมือคนอียิปต์โบราณไปเชียว เพราะคนอียิปต์นี่แหละที่มีความรู้ในศาสตร์แขนงต่างๆ อย่างน่าทึ่ง เช่น การทำมัมมี่ และการประดิษฐ์ภาษาเฮียโรกลีฟิกส์ซึ่งมีอิทธิพลต่อภาษาต่างๆ อีกจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ภาษาอังกฤษดังที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วในเรื่อง ถอดรหัส อักษรภาพไอยคุปต์ 

 

หินแต่ละก้อนที่ใช้สร้างพีระมิดหนักหลายตัน 

เนื่องจากก้อนหินแต่ละก้อนที่ใช้สร้างพีระมิดหนักเป็นตันๆ อย่างก้อนหินที่ใช้สร้างมหาพีระมิดของฟาโรห์คูฟูนั้นเป็นหินปูน ก้อนเล็กที่สุดก็ปาเข้าไปตั้ง 2 ตัน ส่วนก้อนใหญ่ที่สุดหนักราวๆ 13 ตัน

ดังนั้น หากเชื่อว่าคนอียิปต์สร้างเอง ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าก้อนหินแต่ละก้อนนั้นเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งต่างๆ ได้ยังไง 

 

การใช้ทางลาดแบบตรงๆ 

มีผู้เสนอว่า น่าจะมีการใช้ทางลาดเพื่อลำเลียงก้อนหินเข้าทางด้านข้างของพีระมิด โดยแต่ละด้านก็ใช้ทางลาดแยกกันไป ทั้งนี้เมื่อพีระมิดสูงขึ้น ก็ต้องสร้างทางลาดให้ยาวขึ้นและมีฐานกว้างมากขึ้น ไม่งั้นก็จะกลายเป็นทางชันไปซะนี่!

การใช้ทางลาดแบบบันไดเวียนรอบ 

อีกคนก็บอกว่า งั้นก็ปรับปรุงทางลาดซะใหม่ ทำเป็นทางเวียนไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ (คล้ายๆ กับบันไดขึ้นภูเขาทองที่วัดสระเกศ) ทางลาดบันไดเวียนแบบนี้มีคนชอบใจเยอะเหมือนกัน โดยบางคนเสนอว่าให้ราดน้ำลงไปที่พื้นจะได้ลื่นๆ เข็นก้อนหินง่ายขึ้น

ส่วนบางคนก็เสนอเครื่องมือซับซ้อน ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้  

 

ทฤษฎีการลากหินขึ้นทางลาดโดยไม่ใช้ล้อ  

 

ทฤษฎีการเคลื่อนก้อนหินไปทีละกระดึ๊บ 

สำหรับแนวคิดที่ว่า คนอียิปต์อาจใช้ปั้นจั่น (คล้ายๆ กับปั้นจั่นที่ใช้ในการสร้างตึกสูง) เพื่อยกก้อนหินขึ้น โดยอีกฝั่งหนึ่งถ่วงด้วยก้อนหินหนักๆ นั้นไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากอียิปต์โบราณไม่น่าจะมีไม้ที่แข็งแรงพอที่สามารถรับน้ำหนักของหินแต่ละก้อนได้ 

หินแต่ละก้อนที่อยู่ด้านล่างของพีระมิดย่อมโดนแรงกดทับมหาศาล แต่ภายในโครงสร้างยังต้องมีทางเดิน มีห้องหับเก็บรักษาสิ่งของต่างๆ อีกด้วย เรื่องนี้วิศวกรโบราณที่ชาญฉลาดได้ออกแบบให้ภายในพีระมิดมีผนังรับน้ำหนัก โดยผนังที่ว่านี้มีความสูงลดหลั่นกันลงไปจากศูนย์กลางไปถึงด้านนอก

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ แกนกลางของพีระมิดที่ดูประหนึ่งมีผิวนอกค่อนข้างเรียบนั้น แท้จริงแล้วเป็นพีระมิดแบบขั้นบันไดทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักอยู่นั่นเอง 

ไส้ในของพีระมิดเป็นพีระมิดแบบขั้นบันได  

อีกเรื่องหนึ่งที่มีคนเชื่อกันมากก็คือ อียิปต์ใช้แรงงานทาสในการสร้างพีระมิด อย่างในหนังบางเรื่องจะเห็นผู้คุมลงแส้กับทาสที่ทำงานช้า

คนงานกำลังสร้างพีระมิด 

อย่างไรก็ดี เรื่องการใช้แรงงานทาสนี่ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันบอกว่าไม่น่าจะใช่ แต่ที่เป็นไปได้มากกว่าก็คือ แรงงานนับหมื่นนับแสน ที่สร้างพีระมิดนี้อาจจะเป็นพวกชาวไร่ชาวนาที่ถูกว่าจ้างมา เพราะในฤดูร้อนน้ำจะท่วมไร่นา ทำให้ไม่มีงานทำ มารับจ้างขนหินสร้างพีระมิดเอาตังค์ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ว่างั้นเหอะ! ;-)

มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ คนอียิปต์อาจรอใช้ช่วงน้ำท่วมให้เป็นประโยชน์ในการขนย้ายก้อนหิน ลองดูภาพเคลื่อนไหวต่อไปนี้สิครับ

 

ภาพแสดงการใช้ช่วงน้ำหลากให้เป็นประโยชน์ ตามแนวคิดของ Andrzej Bochnacki

ที่มา : http://www.world-mysteries.com/mpl_2_1.htm

 

ได้ฟังทฤษฎีของคนอื่นไปกันพอสมควรแล้ว....

เพื่อนๆ ชาว GotoKnow ละครับคิดว่า พีระมิดอียิปต์นี่สร้างขึ้นมาได้อย่างไร? 

 


ขุมทรัพย์ทางปัญญา          

ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ขอแนะนำ


ประวัติของบทความ

ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ ท่องเวลา-ผ่าอารยธรรม เซ็คชันจุดประกาย เสาร์สวัสดี นสพ. กรุงเทพธุรกิจ วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2550 

 


 

 

 


 

คำสำคัญ (Tags): #pyramid#พีระมิด
หมายเลขบันทึก: 84130เขียนเมื่อ 15 มีนาคม 2007 05:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)

ขอบคุณค่ะ

วิธีนี้น่าสนใจค่ะ

ทฤษฎีการเคลื่อนก้อนหินไปทีละกระดึ๊บ

กราบสวัสดีครับอาจารย์

ผมเคยจำได้ว่าดูรายการ discovery เขาแสดงให้เห็นว่าใช้ว่าวกับแรงลม เป็นตัวยกหินครับอาจารย์ แล้วก็อาศัยแรงทาสซึ่งไม่ได้มีจำนวนมากนัก มาช่วยกำหนดทิศทางวางหินไปในทิศทางที่ต้องการครับ

 

กราบสวัสดีอาจารย์อีกรอบครับ

เมื่อกี้ไปวิกีมาครับ มายืนยันว่าที่ผมจำได้นั้นไม่ผิดครับอาจารย์ ในวิกีบอกว่า 23 มิย 2001 อาจารย์จาก Caltech ได้แสดงการยกหินหนัง 3.1 ตัน ยกสูง 3 เมตร ความเร็วลม 35 กม ต่อ ชั่วโมงครับ และใช้เวลา 25 วินาทีครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Egyptian_pyramids_construction_techniques

เรียนพี่ชิว 

     ต้องนับถือคนสมัยโบราณนะครับ มีวิธีการทำงานและงานทางวิศวกรรมที่ทันสมัย

   เคยดูสารคดีทาง UBC เกี่ยวกับการทดลองทำสิ่งประดิษฐ์ หรือสิ่งก่อสร้างจำลอง โดยเลียนแบบวิธีการแบบดั้งเดิมที่มีการบันทึกไว้ในจารึกหรือเอกสารโบราณต่างๆ ซึ่งบางวิธีทำยากมากขนาดใช้อุปกรณ์สมัยใหม่เข้าช่วยก็ยังยากอยู่ดี

   บางตอนมีการเลียบแบบการสร้าง catapult , การถมทรายในสุสานฟาโรห์ , การลากหินมาสร้าง stonehenge เป็นต้น ซึ่งทุกครั้งจะทำเลียนแบบคนโบราณได้ยากมากๆๆ จนนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่เข้าร่วมปวดหัวไปตามๆกัน

      นับถือคนโบราณจริงๆครับ

ขอบคุณพี่ชิว ที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านอีกแล้วครับ

ขอขอบคุณอาจารย์บัญชา...

  • ก่อนอื่นขอตั้งข้อสังเกตก่อน... ชาติที่ลงทุนขนาดมหาศาล (megaprojects อะไรทำนองนี้)... ถ้าไม่รุ่งก็ร่วงไปเลย ดีไม่ดีอาจจะสูญชาติไปได้

สมมติฐาน...

  • ผมขอเสนอสมมติฐานอีกแบบคือ...
    (1). น่าจะมีการทำแอ่งน้ำ หรืออ่างน้ำขนาดใหญ่
    (2). ขนหินมาทางเรือ โดยใช้แรงงานเชลย ทาส อะไรทำนองนี้
    (3). ปล่อยหินจากเรือให้จมลงไปที่พื้น
    (4). จบงานแล้วระบายน้ำออก

สมมติฐานนี้เพิ่งคิดได้ตอนดูรูปเคลื่อนไหวที่อาจารย์จันทวรรณแสดงไว้ในข้อคิดเห็นครับ...

เรียน อาจารย์วัลลภ

  เป็นแนวคิดที่สุดยอดเลยครับ และน่าจะมีความเป็นไปได้มากซะด้วย เพราะน่าจะง่ายในทางปฏิบัติ

    ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ทุกท่าน

คุณไปอ่านหนังสือ : ขอบคุณมากครับ ทฤษฎีการใช้ว่าวนี่น่าสนใจจริงๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ เดี๋ยวผมหาข้อมูล + ภาพประกอบได้เมื่อไร จะเอามาแปะไว้ให้คุยกันต่อได้ ;-)

คุณหมอวัลลภ : คุณหมอเป็นยอดนักคิดจริงๆ ครับ นับถือๆ

พอดีในเว็บอ้างอิงที่ให้ไว้ ก็มีคนคิดในแนวคล้ายๆ กันนี้ไว้ โดยบอกว่า คนอียิปต์ใช้ฤดูน้ำหลากให้เป็นประโยชน์ครับ เดี๋ยวผมจะนำไปใส่ไว้ในเรื่องเลยก็แล้วกัน (เป็น GIF animation)

 

น่าสนใจมากเลยค่ะอาจารย์

คนสมัยก่อนมีอะไรที่น่าทึ่งจริงๆ

แต่ก็ไม่แน่..อีกพันปีให้หลัง  คนในอนาคต ก็อาจจะนึกทึ่งกับคนสมัยนี้ด้วยก็ได้นะ

บางทีก็อดนึกไม่ได้ว่า เราจะมีอะไร ที่จะเอาไว้ใช้โชว์ลูกหลานในอนาคตของเราได้บ้างหนอ

 

ขอเสริมข้อมูลคุณไปอ่านหนังสือนิดหนึ่งครับ

เรื่องการยกหินนั้น ที่จริงเป็นการยกเสาหินขึ้นตั้งโดยใช้ว่าวและรอกครับ มีเรื่องและรูป จาก National Geographic ให้อ่านต่อ

ผมอยากเชื่อว่ามีการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังจิต (ซึ่งสูญหายไปแล้วเพราะถ่ายทอดเฉพาะในหมู่นักบวชชั้นสูงเท่านั้น) ในการยกครับ

ต่อจากนั้นหนึ่งในนักบวช (โมเสส) ได้พาชาวยิวหนีไปอิสราเอล โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกันนั้นในการเปิดทะเลให้คนเดินผ่าน

พล๊อตเหมือนหนังเรื่องอะไรสักเรื่องแล้วนะ.... 

สวัสดีครับ ทุกท่าน

          ชักจะสนุกใหญ่ซะแล้วซี :-)

คุณ k-jira ครับ : ผมดันไปนึกถึงฉากจบของหนังเรื่อง Planet of the Apes (พิภพวานร) ตอนสร้างครั้งแรก ที่มีเทพีเสรีภาพล้มอยู่บนผืนทราย...

        ถ้าเป็นผม ผมจะสรุปว่า อารยธรรมสมัยเรานี้ "บูชาเทพอัคคี" ครับ เพราะคุณเทพีเธอถือคบเพลิง.... ;-)

คุณ Conductor ครับ : ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลนี้ :-)

อาจารย์เหน่ (ดร.ธวัชชัย): พี่ก็ชักๆ จะเชื่อออกแนวนี้ซะแล้ว หรือบางทีอาจจะใช้ทคโนโลยีจากคนที่หนีมาจากทวีปแอตแลนติส ก็ได้นะครับ พวกนี้เลยกลายเป็นเทพเจ้าของไอยคุปต์แต่ละองค์ไปเลย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผมเคยเมลไปชักชวน ดร.บัญชา (ไม่ได้บ่นนะครับ ความจริงอยากชวน MTEC แต่ไม่รู้จักใคร เอาอีเมลมาจากหนังสือ Know-how Know-why ครับ) ให้มาดูเรื่องกำลังลมเผื่อว่าเอาไปทำอะไรต่อได้ -- เป็น paper research จากคนที่ไม่ได้อยู่ในฟิลด์ครับ

แล้วยังมีเรื่องว่าวบรอดแบนด์ ใช้สำหรับการสื่อสารฉุกเฉินในกรณีเกิด multiple infrastructure failure (ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีระบบสื่อสาร) ครับ

สวัสดีครับ คุณ Conductor

         ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ link ไว้นะครับ ค้นคว้ามาละเอียดดีครับ :-)

         ต้องขออภัยที่ขอเรียนตามตรงว่า ผมจำไม่ได้จริงๆ ครับว่าได้ตอบไปอย่างไร หรือแม้แต่ได้รับ e-mail นั้นหรือเปล่า....

          ยิ่งอ่านคำว่า "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว" นี่ ก็เลยไพล่นึกไปว่าสงสัยจะ 6-7 ปี แต่มานึกดูว่า หนังสือ Know How & Know Why มีเพียงเล่มเดียวที่มี e-mail address ของผมอยู่ (เล่ม กฎพิสดารฯ 2) ซึ่งออกมาเมื่อมีนาคม 2549 ก็แสดงว่า e-mail ที่ส่งมาย่อมไม่เกิน 1 ปี พอดี แต่เมื่อผ่านมาไม่ถึงปี แล้วทำไมจำไม่ได้...สงสัยจะเป็น Alzheimer's ซะแหล่ว.... ;-P         

         แต่เรื่องนั้นผ่านไปแล้ว เริ่มใหม่ดีกว่า จริงๆ แล้วติดต่อทางข้อความแบบนี้ เสี่ยงต่อการเข้าใจผิดได้แยะเหมือนกัน ผมเสนอให้โทรศัพท์คุยกันดีกว่าครับ เพราะหากผมจะนำ idea นี้ไปคุยกับเพื่อนร่วมงานที่อาจจะสนใจ จะได้บอกเขาได้ว่า เรากำลังคุยกับใครได้อย่างชัดเจน...ดีไหมครับ :-)

เบอร์โทรของผม :

          Tel : 02-564-6500 ต่อ 4406

          Mobile : (081) 42-42-010

สวัสดีค่ะพี่ชิว

อ่านเรื่องพีระมิดแล้วรู้สึกอยากเล่นเกมฟาโรต์ขึ้นมาทันใด (ขออนุญาตนอกเรื่องนะคะ *_*)

ชอบความคิดที่ว่า  แกนกลางของพีระมิดที่ดูประหนึ่งมีผิวนอกค่อนข้างเรียบนั้น แท้จริงแล้วเป็นพีระมิดแบบขั้นบันได บอกเป็นนัยว่า ว่าเชื่อในสิ่งที่เราเห็น แท้จริงอาจมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย อิอิ) 

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ค่ะ :D

..ณิช.. 

สวัสดีครับ ณิช

           Comment ของณิช ทำให้พี่คิดถึงปรัชญาเซนที่บอกไว้ทำนองนี้...

           "ก่อนศึกษาเซน เห็นภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ ต้นไม้เป็นต้นไม้"

           "ระหว่างศึกษาเซน ภูเขาไม่เป็นภูเขา แม่น้ำไม่เป็นแม่น้ำ ต้นไม้ไม่เป็นต้นไม้"

           "เมื่อเข้าถึงเซน ภูเขากลับเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ ต้นไม้เป็นต้นไม้"

           เกี่ยวกันไหมนี่?  ;-P

           เรื่องพีระมิดขั้นบันไดนี่ก็น่าสนใจนะครับ เพราะอารยธรรมโบราณในอเมริกาใต้ก็มี นี่แหละทำให้คนที่เชื่อในทฤษฎีอารยธรรมแอตแลนติส บอกว่า ทั้งอียิปต์โบราณ และอารยธรรมในอเมริกาใต้ ต่างก็รับเทคโนโลยีจากแอตแลนติสไปทั้งสิ้น

พี่ชิว

P

เพิ่งได้เข้ามาเยี่ยม...

นอกประเด็นนิด...เคยอ่านหนังสือบางกอกรายสัปดาห์ตอนเด็กๆ หัว ข้อตะวัน71 ตอบปัญหา หรืออย่างไรนี้แหละ...มีคนหนึ่งเขียนไปถามว่า..

ทำไมเมืองไทยจึงไม่มีสิ่งมหัศจรรย์ระดับโลก เช่น ปิรามิต กำแพงเมืองจีน สวนลอย...

ตะวัน71 ตอบออกไปเป็นมุมกลับว่า...สิ่งเหล่านั้น สร้างมาจากรอยเลือดและคราบน้ำตาของคน... สร้างขึ้นมาเพื่อสนองความทะยานอยากของผู้มีอำนาจเท่านั้น... ดังนั้น เมืองไทยควรจะพูมใจได้ที่ไม่ได้มีสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้.. เพราะผู้นำมีเมตตา ไม่ทำอะไรเพียงเพื่อสนองความทะยานอยากของตน ....อะไรทำนองนี้...

อาตมารู้สึกว่าคำตอบนี้ กินใจ..

เจริญพร 

กราบนมัสการหลวงพี่พระมหาชัยวุธ

     มุมมองของคุณตะวัน71 น่าสนใจและเป็นไปได้ครับ

     อย่างไรก็ดี ผมขออนุญาตคิดซนๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า คำตอบของคุณตะวัน71 นี้ถูกต้องภายใต้เงื่อนไขใดบ้าง?

     ผมขอเสนอว่าเงื่อนไขที่จะสรุปเช่นนั้นได้ต้องมีอย่างน้อย 3 ข้อดังนี้ครับ

  1. คนในสมัยโบราณไม่มีเทคโนโลยีที่ช่วยในการผ่อนแรงมากนัก ทำให้การก่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์เหล่านั้นต้องใช้แรงงานเป็นหลัก
  2. แรงงานที่ใช้เป็นแรงงานที่ถูกบังคับ เช่น ทาส เชลยสงคราม และ/หรือ ผู้คนในอาณาจักรที่ถูกทางการบังคับให้มาทำงาน
  3. สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งๆ ที่กล่าวถึงได้รับการก่อสร้างขึ้นมาเพื่อสนองต่อความต้องการส่วนตัวของผู้มีอำนาจเป็นหลัก มิได้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น

     สมมตินะครับว่า ในการสร้าง พีระมิดนั้น...

          - อียิปต์มีเทคโนโลยีที่ช่วยผ่อนแรง (คือ 1 ไม่จริง) ก็แสดงว่า คนที่ทำงานอาจไม่ต้องเสียเลือดเนื้ออะไรมากนัก

          - แรงงานที่ใช้เป็นแรงงานที่ว่าจ้างมา  มิใช่การบังคับทาส (ดังเช่นที่เล่าไว้ในเรื่อง) แบบนี้นักเศรษฐศาสตร์อาจจะมองว่าดีด้วยซ้ำ เพราะทำให้เกิดการจ้างงาน คือ คนมีงานทำในช่วงที่ทำการเกษตรไม่ได้ (คล้ายๆ การจ้างแรงงานสร้างอาคารหลังใหญ่ๆ ในปัจจุบัน)

       ทีนี้ลองคิดถึงกรณี กำแพงเมืองจีน ดูบ้าง...

           - แม้ว่าจะมีคนเสียชีวิตไปจำนวนไม่น้อยระหว่างการสร้างกำแพง แต่จุดประสงค์หนึ่ง ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ

           - นั่นคือ จุดประสงค์ของการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลก (ในยุคกลาง) อย่างกำแพงเมืองจีน จึงมิใช่เพื่อการสนองตัณหาของผู้นำ (จิ๋นซีฮ่องเต้) ล้วนๆ

       กลับมามองที่ไทยดูบ้าง....

           - ในความคิดเห็นของกระผม สิ่งก่อสร้างบางอย่างอาจนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ระดับโลกได้เหมือนกัน เช่น พระปรางค์วัดอรุณ และวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง

           - แต่การที่ฝรั่งไม่นับสิ่งใดของไทยเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่มีทรราชในประวัติศาสตร์ไทย

        โดยส่วนตัวแล้ว ผมจึงคิดว่า แม้คำตอบของคุณตะวัน71 จะฟังเข้าเค้า แต่ก็ได้สรุปเกินเลยไปสักหน่อย เพื่อเอาใจคนไทย (ฟังแล้วเข้าหู)

        ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผม ณ ปัจจุบันครับ

จึงกราบนมัสการมาด้วยความเคารพ

บัญชา

  • การเกิดมาเป็นมนุษย์ของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์
  • การที่เรามีีลมหายใจ มีความรู้สึกนึกคิด และประสาทสัมผัสทั้ง 6 คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
  • การที่เราคิดว่าวันนี้เราคงยังไม่ตายคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่มหัศจรรย์กว่า
  • การเกิดมาได้พบและศึกษาพระพุทธศาสนา จึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่มหัศจรรย์กว่าด้วย

 

สวัสดีครับ น้อง Man In Flame

         เรื่องชีวิตมนุษย์นี่ บางคนบอกว่ามองได้อย่างน้อย 2 แง่ครับ

         - เดินได้ คิดได้ กินได้ ทำอะไรต่างๆ ได้มากมาย...น่ามหัศจรรย์จริงๆ

         - แต่ถ้ามองว่า คนทั้งโลกมีกว่า 6,000 ล้านคน และหากนับรวมมาตั้งแต่อดีต ก็มีมากกว่านี้ ก็ดูเหมือนเป็น "เรื่องธรรมดา" ครับ เพราะไปที่ไหนก็เจอ

ถ้าประเทศอื่นมีสิ่งมหัศจรรย์กันหมด ประเทศที่ไม่มีก็เป็นที่น่ามหัศจรรย์

  • สูงสุดคืนสู่สามัญ
  •  น่าอัศจรรย์ตรงที่เรามีสมองเพียงพอที่จะคิดว่าเกิดมาทำไม?
  • การที่เราคิดว่าวันนี้เราคงยังไม่ตายคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

เพราะ คนทั้งโลก 6,000 ล้านคน ตายเกิดๆ ดุจหยาดฝนที่ตกลงมา และไอน้ำที่ระเหยขึ้นไป แต่พอถึงความตายของเราแล้ว เรากลับคิดว่าวันนี้เราคงไม่ตาย พร้อมกันนั้นก็อยากจะอยู่ไปนานๆอีก

 

สวัสดีครับ น้อง Man in Flame

        ใช่แล้วครับ น่าทึ่งทีเดียวที่สมองของเราทำให้เรารู้ว่า เรามีชีวิต และตั้งคำถามกับการดำรงอยู่ของตัวเองและสิ่งๆ ต่างๆ ในจักรวาลนี้ได้

น่าสนใจมากค่ะ เป็นไปได้หลายวิธี ไม่ทราบว่าทางของที่อื่นๆ มีวิธีการสร้างที่คล้ายคลึงกับอียิปต์หรือเปล่า อย่างเช่นของมายา

การสร้างสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ส่วนมากเบื้องหลังมีแรงบันดาลใจจากความเชื่อทางศาสนาทั้งนั้น เรียกว่าสร้างด้วยแรงศรัทธา รวมถึงสถาปัตยกรรมอื่นๆ ทั่วโลกที่นอกเหนือจากปิรามิดด้วยค่ะ สมัยนี้ถึงไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วเนื่องจากคนศรัทธาในศาสนาน้อยลง : )

-ไม่มีกึ๋นพอจะแลกเปลี่ยน

-แต่ชอบเรื่องนี้มากๆ  เพราะติดค้างในใจมานาน

  1. ความรู้ชุดนี้หายไปไหน
  2. เหตุผลที่สร้าง เพราะถ้าเป็นอย่างในภาพ สงสัยว่ามนุษย์จะไปทนอยู่ในที่กันดารทุกอย่างทำไม
  3. เป็นไปได้ไหมว่าสมัยที่สร้างปิรามิดพื้นที่ตรงนี้อุดมสมบูรณ์ ต่อมาสภาพแวดล้อมโลกเปลี่ยนไป การเคลื่อนย้ายทางธรรมชาติ  แบบที่มีคนบอกว่าน้ำแข็งจะละลาย น้ำจะท่วมกรุงเทพในอนาคต
  4. แสดงว่ามนุษย์แต่ละยุคมีความเจริญทางวิทยาการไม่แพ้กัน
  5. เป็นไปได้ไหมที่มนุษย์จะสูญหายเป็นยุคๆพร้อมกับความรู้

นำข่าวมาฝากค่ะพี่ชิว

ค้นพบล่าสุด ปิรามิดที่อียิปต์ทำจากเปลือกหอย ว้าว! เปลือกหอยในทะเลทราย และยังไม่มีหลักฐานการค้นพบว่าชาวอิยิปต์ในสมัยโบราณใช้เครื่อง crane

  • สวัสดีครับอาจารย์ เคยอ่านเจอว่า
  • เพลโต กล่าวถึง แอตแลนติส ไว้ว่าชาวแอตแลนติส รบพุ่งกันด้วยอาวุธ ที่ปล่อยแสงได้
  • สู้กันจนบ้านเมืองล่มจม.......ลงใต้ทะเล ทะเลนั้นก็เลยได้ชื่อว่า แอตแลนติก  (Atlantic Ocean)
  • วิทยาการ สมัย แอตแลนติส คงเจริญรุ่งเรืองมากๆ ว่ากันว่า ชาวแอตแลนติส ที่รอดตาย เป็นผู้ ถ่ายทอดวิชาการสร้างบ้านแปลงเมืองให้ ชาวอิยิปพื้นเมือง นะครับ  

สวัสดีครับ อาจารย์จัน

      เดี๋ยวพี่ไปอ่านบทความก่อน ถ้ามีข้อคิดเห็นอะไรจำนำมาฝากครับ เป็นเรื่องทาง materials science ซะด้วยซี

      ขอบคุณมากครับ ^___^

สวัสดีครับ อาจารย์กวิน

      เรื่อง Atlantis นี่ ตอนเด็กๆ ผมชอบมาก อ่านจากต่วย'ตูน พิเศษ เหมือนอาจารย์จัน ;-)

      แต่ที่มันส์สุดๆ ก็ทฤษฎีนี้ครับ คือ เขาว่า Atlantis อยู่ตรงแถบประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน! (ถ้าจริง...ถ้านะครับถ้า...ชาวสยามในอดีต อาจจะเป็นลูกหลานของชาวแอตแลนติสก็ได้นา...ฮา)

       ลองเริ่มจากที่นี่

       http://www.atlan.org

       http://www.lost-civilizations.net/true-history-atlantis.html 

       หรือ ค้นเว็บด้วยคำว่า Atlantis + Indonesia หรือ

เกี่ยวกับเรื่องการสร้างปิรามิด จนมาถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครทราบคำตอบที่แท้จริงว่า คนสมัยอิยิปโบราณเขาสร้างปิรามิดกันได้อย่างไรหรือสร้างกันด้วยวิธีไหน แต่ผมมีทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้ 100% ครับ แต่ผมมิอาจจะเปิดเผยได้ตรงนี้ ใครอยากทราบ เมลล์มาคุยกันนะครับ

ขอบคุณครับสำหรับแนวคิดดีๆความรู้ที่คนบางคนยังไม่รู้...

คือผมไม่รู้ว่าแนวคิดไหนคือความจิงแต่ทุกแนวคิดอาจเป็นความจิงได้ครับ

แต่ผมเห็นด้วยกับความคิดที่ว่ากาลเวลาอาจเปลี่ยนไปพื้นที่ตรงนั้น

อาจเปลื่ยนตามกาลเวลา

(พื้นที่ตรงนั้นอาจอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ภูเขาหรือแม่น้ำหรืออาจเป็นทะเลมาก่อนก็ได้)

ขอบคุณครับทุกความคิดเห็นที่มีประโยชน์ต่อสมอง^_____________^

พูดไม่ออกครับ อึ้ง!!

อ.สุนทร สุทธิธาทิพย์

ผมมีอาชีพเป็นสถาปนิก สำเร็จจากต่างประเทศ เห็นฝรั่งหรือคนไทยออกมาแสดงวิธีการสร้างปิรามิดแล้ว เป็นเรื่องที่ออกจะเป็นไปไม่ได้  ความจริงแล้วการสร้างปิรามิด  สร้างจากด้านในไปหาด้านนอก ให้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสแล้วแทงเส้นทะแยงมุมออกไปสี่ด้านตามระยะยาวที่ต้องการ  จากนี้หาระัดับโดยสายตาและใช้เครื่องมือในสมัยนั้น การทำงานเหมือนสมัยนี้คือต้องมีการควบคุมโดยสถาปนิกและวิศวกร และที่ทำคัญคือแรงงานที่แข็งแรง โดยความสูงต้องคำนวณให้ได้สัดส่วนกัน  สำหรับรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการก่อสร้าง ผมกำลังนำเสนอให้โลกทราบว่าปิรามิดสร้างด้วยกำลังคนอย่างแน่นอน   การสร้างปิรามิดไม่ใช่เรื่องยาก  ที่ยากคือการขนหินหนักก้อนละเป็นสิบๆตัน ผ่านทะเลทราย แต่เมื่อมีแรงงานสัตว์ เช่นช้าง ม้า วัว ควาย อูฐ เข้ามาช่วย การสร้างก็ ทยอยสำเร็จทีละเล็กละน้อย ผู้ใดต้องการทราบขั้นตอนในการก่อสร้าง ผมจะให้เป็นวิทยาทาน 


เพิ่งได้มีการพูดคุยกับเพื่อนเรื่องการสร้างพีระมิดคะ  เค้าเป็นคนที่ช่างสงสัยมาก  สิ่งที่เค้าสงสัยและเป็นสิ่งที่ดิฉันไม่สามารถตอบได้คือ เค้าสงสัยว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นคนสร้าง  เนื่องจากสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆของโลกอยู่ในแนวเดียวกัน และสามารถมองเห็นจากนอกโลกทำให้เค้าสงสัยว่า ถ้ามนุษย์เป็นคนสร้างทำไมถึงอยู่ที่แนวเดียวกันทั้งโลก และมีแนวคิดที่ว่ามนุษย์เราก็เหมือนชาวออสเตรเลียที่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่เป็นนักโทษแล้วถูกเนรเทศให้มาอยู่ยังโลกมนุษย์  มองว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ด้อยที่สุดในจักรภพนี้  รบกวนถามอาจารย์เกี่ยวกับแนวคิดนี้นิดนึงนะคะ  เพื่อจะได้นำไปบอกเพื่อนถูกคะ  รบกวนด้วยนะคะ

เหล่าออโตบอทต่ะหากเล่าที่มาช่วยสร้างหลายๆสิ่งบนโลกนี้ ทั้งปราสาทนครวัด กำแพงเมืองจีน ปิระมิด

  • ไม่มีคนบันทึกประวัติการทำหร่อครับ ทำไมไม่ตามหา แล้วถ้าเกินอยากรู้ว่าพวกเขาทำกันยังไงเขาก็จะไม่ทิ้งสิ่งของที่เขาทำใว้บริเวณรอบๆหร่อครับทำไมไม่ค้นหาบริเวณรอบๆครับ
ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม

วิทยาการของอิยิปต์ หายไปตั้งแต่มนุษย์เริ่มขยายอาณานิคม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท