งานมากก็เครียด งานน้อยก็เครียด ไม่มีงานยิ่งเครียดใหญ่

ยิ่งสังคมเจริญรุดหน้าไปเท่าใด ภาวะจิตใจของคน กลับเลวร้ายลงไปเท่านั้น มีโรคทางจิตประสาทเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี อย่างน่าตกใจ

งานมากก็เครียด งานน้อยก็เครียด ไม่มีงานยิ่งเครียดใหญ่ จะจัดการกับความเครียดของเรายังไงดี ถึงจะหายเครียด หรือพอบรรเทาไปได้บ้างคะ

บันทึกนี้ กำลังเน้น ความเครียดในงานค่ะ

จริงๆแล้ว ความเครียดพอเหมาะเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะจะเป็นตัวกระตุ้น ให้เราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและงานก็สำเร็จตามเป้าหมายเร็วขึ้นด้วยค่ะ แม้แต่นักร้อง นักแสดง ยังพยายามใส่อารมณ์เข้าไปมากๆ เพื่อให้สมบทบาทและเร้าใจคนดู จนได้รางวัลตุ๊กตาทอง ดาราเจ้าบทบาทไปมากต่อมาก ตรงข้าม หากไม่มีสิ่งกระตุ้น เราก็จะเฉื่อยและสบายไปหน่อย แต่หากถูกกระตุ้นมากไป ก็จะมีปัญหาด้านอารมณ์และระบบประสาท จนทำให้ผลงานตกต่ำ และเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ความเครียดจากการทำงานมักมีสาเหตุจาก

· สภาพการทำงาน—ร้อนไป เย็นไป เสียงดังไป สั่นสะเทือนมากไป เคลื่อนไหวมากไป เช่นในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น

· ลักษณะงาน —อันตรายหรือเสี่ยงไป เช่น ทหาร ตำรวจ ใช้ชั่วโมงยาวนานไปเช่น พยาบาล หรือคนทำงาน 2 กะในโรงงาน

· หน้าที่ความรับผิดชอบไม่ชัดเจน หรือขัดแย้งกันเอง หรือผู้รับผิดชอบสูงๆเช่นแพทย์ นักบิน ตำรวจจราจร เป็นต้น

ความสัมพันธ์ของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ค่อยดี ทำให้เครียด
อนาคตของงานไม่มีความก้าวหน้า ไม่มั่นคง ขาดอนาคตที่ดี ก่อให้เกิดความเครียด

บุคคลิกแบบไหนที่ทำให้เครียดง่าย

ที่เห็นชัดๆเลยม 2 แบบค่ะ

1.พวกที่มีความทะเยอทะยานและชอบแข่งขัน ทำงานหนัก ตั้งเป้าหมายไว้สูงๆ ชอบกังวลถึงสิ่งต่างๆล่วงหน้าเสมอ พวกนี้ชอบเสพติดความเครียด ชอบนำตัวเองไปสู่สถานการณ์ที่ตึงเครียดบ่อยๆ เพราะร่างกายจะทำงานได้ดีขึ้นขณะที่เครียดด้วย

2.มีลักษณะตรงข้าม ผ่อนคลาย ใจเย็น ไม่ทะเยอทะยาน

3. มีลักษณะผสมผสาน แต่ไม่สมดุลนัก

ส่วนผู้ที่ว่างงานก็ยิ่งเครียด แต่ตามสถิติ จะปรับตัวได้ภายใน2-3 สัปดาห์ค่ะ สาเหตุที่เครียด มักมาจาก รายได้ลดลง รู้สึกชีวิตไร้ความหมาย ถ้าไม่มีงานทำ สังคมน้อยลง รู้สึกตัวเองมีคุณค่าน้อยลง และเกิดการDe-skilled ฝีมือตกลงจากเดิม เป็นต้น

แล้วเราจะจัดการกับความเครียดต่างๆเหล่านี้ได้อย่างไรคะ ท่นผู้รู้แนะนำ ดังนี้ค่ะ

1. ออกกำลังกายเหมาะสม นวดผ่อนคลาย รับประทานอาหารให้ถูกต้อง เอาใจใส่สุขภาพมากขึ้น

2. ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น จัดบ้าน จัดสวน หางานอดิเรกทำ

3. ฝึกจิต ทำสมาธิ แต่จะใช้เวลามากสักหน่อย

4. เข้าอบรมเทคนิค การบำบัดความเครียด น่าจะมีตามโรงพยาบาลใหญ่ๆทั่วไป หรือตามสถานที่อบรมที่น่าเชื่อถือต่างๆค่ะ

5.ที่เห็นนิยมกันช่วงนี้ ก็พวกเพลงเย็นๆ ทำนองช้าๆ เสียงต่ำๆ เช่นเพลงธิเบต เป็นต้น ตามมหาวิทยาลัยมีชื่อ ก็จัดcourse อบรมนะคะ มีคนไปเข้าฟังมากค่ะ

สรุป ว่า ยิ่งสังคมเจริญรุดหน้าไปเท่าใด ภาวะจิตใจของคน กลับเลวร้ายลงไปเท่านั้น มีโรคทางจิตประสาทเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี อย่างน่าตกใจฉะนั้น การพยายามฝึกใจตัวเอง และหาทางผ่อนคลายความเครียด โดยวิธีที่เหมาะสม จะช่วยได้มากขึ้นมากๆเลยค่ะ

ถ้า ท่านใดมีวิธีผ่อนคลายให้บรรเทาหรือหายจากความเครียดได้บ้าง ลองช่วยแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะคะ

อ้างอิงจากหนังสือ พิชิตความเครียด ของศาสตราจารย์ น.พ. วิจิตร บุณยะโหตระ

เขียนใน GotoKnow โดย Sasinand
ใน Good Living

คำสำคัญ (Tags): #ความเครียด#พิชิตความเครียด#สุขภาพ#สุขภาพจิต

หมายเลขบันทึก: 94419เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2007 23:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 01:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน

Sasinand