เส้นทางแห่งการทำงานพัฒนา
เพื่อขับเคลื่อนสังคมสู่ความดีงาม
เป็นเส้นทางที่ “ทวนกระแส” แห่งสายน้ำของวัตถุนิยมและบริโภคนิยม วิถีชีวิตของผู้คนบนเส้นทางที่ทวนกระแสนี้ ย่อมต้องใช้สติปัญญาและพลังในการก้าวเดิน ไม่ต่างอะไรกับเรือลำน้อยที่กำลังแล่นทวนกระแสน้ำเข้าสู่ฝั่ง ท่ามกลางกระแสน้ำ ที่ยิ่งนับวัน... ยิ่งเชี่ยวกราก ท่ามกลางภยันตรายจากทั้งลมฝนฟ้าและพายุ การประคับประคองและพยุงตัวให้อยู่รอดได้ โดยยังคงมั่นคงในเป้าหมายได้นั้น จำเป็นต้องใช้ทั้ง “พลังกาย” และ “พลังใจ” ที่ยิ่งใหญ่
ช่วงที่ได้รับโอกาสทำงานอาสาเป็นคณะกรรมการภาคตะวันตกของสำนักงานกองทุนเพื่อสังคม (SIF) เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของ “นักพัฒนา” ตลอดระยะเวลา 40 เดือนของการทำงานขับเคลื่อน “ชุมชนเข้มแข็ง” ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันตก พวกเราได้ร่วมกันสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งในภาคตะวันตกของเราเองและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนในภูมิภาคอื่น ๆ ตลอดจนภาคีภาคส่วนต่าง ๆ นอกจากจะได้ชุดความรู้และประสบการณ์ที่ไม่เคยลบเลือนไปจากความทรงจำแล้ว เรายังคงได้ “เพื่อน” ที่แม้ ณ บัดนี้เราต่างยังคงทำหน้าที่ “กัลยาณมิตร” ให้แก่ชีวิตของกันและกัน
หากแต่หลายครั้งที่ได้รับรู้ว่าเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมเดินบนถนนเส้นนี้กำลังประสบภาวะ “ชุมชนเข้มแข็ง ครอบครัวล่มสลาย ร่างกายอ่อนแอ ท้อแท้หมดกำลังใจ” ในความเป็นอาจารย์ของเราที่เป็นข้าราชการ เป็น “มนุษย์เงินเดือน” คนหนึ่งนั้น เราได้เพียงแต่รับรู้...แต่มิอาจเข้าใจด้วยประสบการณ์ตรงได้ว่า ภาวะความขาดแคลนทางเศรษฐกิจของพี่น้อง “นักพัฒนาอิสระ” นั้นเป็นอย่างไร เรามักบอกกับตัวเองเสมอว่า มิใช่เพียงชุมชนและผู้คนที่ด้อยโอกาสในสังคมที่ต้องได้รับการดูแลเท่านั้น หากแต่คนทำงานเพื่อสังคม ควรต้องได้รับการดูแลจากสังคมด้วยเช่นกัน
อาจเหนื่อย อาจล้า แต่อย่าเพิ่งท้อถอยเลยนะ....
หวนคิดถึงถ้อยคำในบทกลอน ที่เมื่อตอนเยาว์วัยมักท่องไว้ในใจ... เพื่อสอนตัวเองเสมอ ๆ และแม้บัดนี้... ในวันที่เติบใหญ่...ได้ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวหลากหลาย หากยามใดที่อ่อนล้า บทกลอนนี้ยังคงผุดพราย ...ดังขึ้นในใจเป็นครั้งครา
....ทางข้างหน้าอาจเคว้งคว้างและว่างเปล่า
แดดผะผ่าวผิวผ่อง เธอหมองไหม้
ที่ตรงโน้น มีหุบเหว และเปลวไฟ
ถ้าอ่อนแอ...จะก้าวไป....อย่างไรกัน
ขอเป็น “กำลังใจ” ให้กับทุกคนที่เลือกเดินบนเส้นทางนี้ ...วิถีแห่งนักพัฒนา
ชอบอ่าน blog ของอาจารย์ค่ะ
แต่ไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายอาจารย์เท่าไหร่
อาจารย์ทิพวัลย์ เขียนได้ดีมากๆ ภาษาสวยมากค่ะ
เนื้อหาการถ่ายทอดความคิดเยี่ยมจริงๆค่ะ
ถ้าอาจารย์จะเขียนหนังสือ..จะขอซื้อคนแรกเลยคะ
สวัสดีค่ะคุณต้นส้ม
ขอบคุณมากค่ะ คำชมของคุณต้นส้มทำให้มี "กำลังใจ" ที่จะเขียนข้อคิดและบทรำพึงในใจออกมาดัง ๆ ต่อไปค่ะ
สำหรับงานเขียนหนังสือคงยังไม่มีโอกาสได้ทำช่วงนี้หรอกค่ะ เพราะนอกจากงานสอน งานวิจัย และงานบริการวิชาการที่มหาวิทยาลัยแล้ว เวลาส่วนใหญ่ที่ยังคงเหลืออยู่จะใช้ในการเดินสาย ทำเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการเสริมสร้างสุขสภาวะหรือความสุขที่แท้จริงของผู้คนค่ะ
คุณต้นส้มมีเวลามาร่วม "วงเรียนรู้" กันบ้างไหมล่ะคะ
อาจารย์ค่ะ
ต้องการทราบว่าอาจารย์
แต่หนังสือเรื่องอะไร?
เกี่ยวกับความสำคัญของการใช้คำถามเพื่อการคิดค่ะ!