ดิฉันเจอด่านตรวจด้านหน้าและหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงฝั่งซ้ายมือ หมู่บ้านนี้ใหญ่มาก...จากการสอบถามเลยทราบว่า มีประชากรในหมู่บ้านถึงเจ็ดหมื่นกว่าคน เป็นภาพแรกในช่วงชีวิตที่ได้เห็นหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงใหญ่ขนาดนี้
ในยามเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา...ดิฉันและทีมงานรวมแล้ว 5 ชีวิต ต้องเดินทางไปประชุม+สำรวจพื้นที่พร้อมกับเก็บรายละเอียดในพื้นที่ของตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อเตรียมการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ฯ ครั้งที่ 12/2549 ซึ่งเป็นการให้บริการครั้งสุดท้ายที่จังหวัดตาก ก่อนจะเริ่มออกให้บริการอย่างต่อเนื่องในปี 2550 ณ จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากระยะทางจากพิษณุโลกถึงท่าสองยางนั้นไกลมาก ดิฉันและทุกคนจึงต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ไก่โห่
เริ่มต้นการเดินทางเวลา ตีสี่ครึ่ง อันดับแรกดิฉันและพนักงานขับรถต้องแวะรับ ดร.สุรพล ตั้งวรสิทธิชัย รองคณะบดีฝ่ายสหเวชศาสตร์ชุมชน คณะสหเวชศาสตร์ ที่บ้าน ต่อมารีบมารับคุณวนมาลิน ดอนเขียวไพร และคุณอัจฉรียา นวลกลาง (คุณนุ่น) ที่มหาวิทยาลัย ก่อนจะวกรถกลับมารับ ผศ.วิจิตร อุดอ้าย ที่ซอยใกล้ชลประทาน
ในมือดิฉันมีแผนที่ ที่ทางพื้นที่วาดและส่งแฟกส์มาให้หนึ่งแผ่น และรายละเอียดที่จดไว้หลังจากสอบถามพื้นที่มาเป็นอย่างละเอียดอีกห้าหกบรรทัด...อ่า ฮ้า...เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ลุยยยย...รถเคลื่อนตัวออกจากพิษณุโลกอย่างเป็นทางการซะที
ในการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างไกลทีเดียว...และเป็นพื้นที่ๆ ไกลที่สุดในการเดินทางไปประชุม+สำรวจพื้นที่ตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา รถมุ่งหน้าออกจากจังหวัดพิษณุโลก ผ่านจังหวัดสุโขทัย ตรงเข้าสู่จังหวัดตาก ขึ้นทางไกลไปแม่สอด เลยไปแม่ระมาด และสี่ชั่วโมงเศษๆ รถก็เริ่มเข้าสู่ตัวอำเภอท่าสองยาง...จนได้
พื้นที่ของตำบลแม่สองของอำเภอท่าสองยาง อยู่ห่างจากตัวอำเภอออกไปอีกประมาณสี่สิบกิโลเมตร (ซึ่งไม่น่าจะไกลเลยเนอะ) วิภา...จึงเริ่มยิ้ม เมื่อเดินทางมาถึงอำเภอท่าสองยางแล้ว แสดงว่าแผนที่ในมือ+การอ่านแผนที่แบบไม่ค่อยจะเป็นของดิฉันได้นำคณะทีมงานมาถูกทางแล้ว
แต่...ชื่นมื่นอยู่ได้ไม่นานนัก...ดิฉันก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง เมื่อพบว่า รถเริ่มมุ่งเข้าสู่บริเวณป่าดงดิบมากขึ้น ถนนสองข้างทางร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เข้าไปทุกที...และไม่มีทีท่าว่าจะถึงที่หมาย ทางด้านหน้าและด้านหลัง...แทบไม่พบรถสวนทางหรือรถขับตามเลย
อาจารย์วิจิตร และอาจารย์สุรพลถามดิฉันว่า "เอ...วิภา...คือว่า...มันใกล้ถึงหรือยังจ๊ะ" ดิฉันมองดูแผนที่ในมืออีกครั้งและมั่นใจว่า...น่าจะมาถูกทางแล้ว ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดเรื่องเส้นทางกันอยู่ พี่คนขับรถซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทาง...ได้พูดชี้แนะขึ้นมาว่า "คือ...เส้นทางนี้น่าจะถูกนะครับ...แต่ไม่ค่อยมีใครเค้ามากัน เนื่องจากว่ามันอันตรายมาก เลยไม่ค่อยพบรถสวนไปสวนมา" อ่าวววววว....ทั่นพี่...ก่อนหน้านี้...ทั่นพี่เงียบอย่างเดียวขอรับ...บทจะพูดขึ้นมาก้อนะ...พูดซ้า
อาจารย์เริ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อย...เพราะรถแล่นเข้าไปในป่าลึกเข้าไปทุกที ทุกที เราเริ่มเหลือบมองนาฬิกาดูเวลา และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะขอความช่วยเหลือโดยการถามทางจากพื้นที่ แต่....ไม่มีสัญญาณซักกะขีด...โอยยย
" น่าจะอยู่ข้างหน้านะคะ...เราน่าจะมาถูกทางแล้วล่ะค่ะ" ใจดีสู้เสือเข้าไว้และที่สำคัญก็คือ ต้องไม่ให้ทีมงานรู้สึกกลัวกับการเดินทางในครั้งนี้
และแล้วพี่คนขับ....ก็เริ่มให้กำลังใจพวกเราอีกรอบจนได้ค่ะ "จำเมื่อเจ็ดปีที่แล้วได้มั๊ยครับ...ที่มีข่าวหน้าหนึ่งว่ามีการปล้นรถกันบนถนนเส้นนี้..ถ้าจำไม่ผิดน่าจะตรงหมู่บ้านข้างหน้า โจรเป็นชาวพม่าข้ามฝั่งมาน่ะครับ...โยนระเบิดใส่รถ...ก่อนจะปล้นของมีค่าไป"
"เงียบบบบบบบบบบบบ" แต่ละคนเงียบกันมาก
ไม่นานนัก...ดิฉันเจอด่านตรวจด้านหน้าและหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงฝั่งซ้ายมือ หมู่บ้านนี้ใหญ่มาก...จากการสอบถามเลยทราบว่า มีประชากรในหมู่บ้านถึงเจ็ดหมื่นกว่าคน เป็นภาพแรกในช่วงชีวิตที่ได้เห็นหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงใหญ่ขนาดนี้
รถแล่นมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ และผ่านด่านตรวจอย่างเข้มงวดอีก สอง สาม ด่าน จนมาถึงด่านที่สี่...ดิฉันจึงตัดสินใจถามทางและทราบว่าเรามาถูกทางกันแล้ว ทันใดนั้น...โทรศัพท์ก็มีสัญญาณขึ้นมาสองขีดพอดี เมื่อโทรติดต่อพื้นที่จึงทราบว่า...ที่ประชุมอยู่ด้านหน้าไม่ไกลมากนัก โล่งอก...อีกนิดเดียว...ก็คงถึงพื้นที่แล้วสิเนี่ย
เฮ้อออออออออออ...ดิฉันและทีมงานทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่
.
คณะทีมสำรวจ เริ่มจากฝั่งซ้ายสุด ดร.สุรพล ตั้งวรสิทธิชัย, คุณวนมาลิน ดอนเขียวไพร, วิภา เพิ่มผลนิรันดร์, อัจฉรียา นวลกลาง และผู้ถ่ายภาพ(ซึ่งไม่มีในภาพ) ผศ.วิจิตร อุดอ้าย
โปรดติดตามตอนต่อไป...ค่ะ