เสร็จงานอีกชิ้น ได้เวลาให้รางวัลตัวเองอีกแล้ว ดีจัง
ชั่วโมงครึ่งไม่มากไม่น้อยกับการอ่านหนังสือชื่อ “เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม” (Colorful) รางวัลซังเค ยอดนิยมของวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่มียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับสองของปี 1998 และได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาไทยแล้ว 3 ครั้ง เป็นหนังสือที่ได้รับคำแนะนำจากหลานสาววัยรุ่นว่าเป็นเรื่องน่าอ่านมาก
ความจริงน่าจะใช้เวลาสั้นกว่านี้กับหนังสือหนาเพียง182 หน้า แต่เพราะคำนำของผู้แปล (คุณวิยะดา คาวางุจิ) ตอนหนึ่งบอกว่า “ดิฉันอยากให้คุณค่อยๆอ่าน อย่ารีบ แล้วคุณจะได้ยิ้ม ได้หัวเราะ รู้สึกเครียด สับสน อับอาย สงสัย ดีใจไปพร้อมๆกับตัวละครหลักของเรื่อง”รวมทั้งคำบอกเล่าว่า “ถ้าเด็กสาวทั้งสองได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนคงไม่ฆ่าตัวตาย” ทำให้อ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไปและวางไม่ลงจนจบเล่ม
นิยายเล่มนี้เป็นแนว Heart Warming Comedy ที่เขียนได้อย่างเข้าใจสังคมวัยรุ่นมัธยมต้น ผู้ต้องต่อสู้กับอารมณ์ความรู้สึก มิตรภาพ และความต้องการสิ่งเติมเต็มให้กับตัวเอง ได้อย่างลึกซึ้ง จนไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น ทั้งๆที่การดำเนินเรื่องค่อนข้างบีบคั้นเคร่งเครียดชวนเศร้าหมอง เ
ป็นเรื่องเล่าของ “ผม” ผู้ซึ่งได้รางวัลจากสวรรค์ให้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ในร่างของหนุ่มน้อยชื่อ โคบายาชิ มาโคโตะ ที่เป็นอัจฉริยะด้านวาดภาพ ที่มีภาระในการทำหน้าที่ใน “โฮมสเตย์” ซึ่งมีพ่อเห็นแก่ตัว แม่มีชู้ พี่ชายชาเย็น และผู้หญิงที่ไปชื่นชอบก็มีพฤติกรรมน่าอับอาย และยิ่งไปกว่านั้นคือเพื่อนไม่คบ อ่านแล้วจะเห็นว่าเป็นนิยายที่นำความกลมกลืนของวิธีคิดแบบตะวันตกกับวิถีชีวิตแบบตะวันออกมาเรียงร้อยได้สอดประสานกลมกลืนยิ่ง
คำนำที่สำนักพิมพ์ (อิมเมจ) เขียนไว้ได้ใจความชัดเจน คือ โมริ เอโตะ ได้แสดงให้ผู้อ่านเห็นชัดเจนว่า บรรดาความอบอุ่นในครอบครัวและกำลังใจในการดำเนินชีวิต ไม่ใช่สิ่งไกลเกินเอื้อม ขอเพียงเรามองคนรอบข้างในแง่ดีขึ้น มองให้รอบด้านขึ้น ที่สำคัญคือ “สื่อสาร” กันมากขึ้นบนพื้นฐานของความรักและความปรารถนาดีต่อกัน
อ่านจบแล้ว นึกขอบคุณหลานสาวที่แนะนำหนังสือเล่มนี้ และอยากแนะนำต่อสำหรับคนอื่นๆ บนโลกใบย่อมๆ ..ที่จู่ๆ อาจรู้สึกมีเทวดาไม่เคยรู้จักมักจี่มาก่อนมายืนขวางหน้าและพูดว่า “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณคือผู้โชคดี” เหมือนกับโคบายาชิ มาโคโตะ ก็ได้
ได้อ่านคำวิจารณ์ของพี่แล้วอยากไปหาอ่านเลยครับ ขอบคุณสำหรับการแนะนำหนังสือดีๆ ครับ
จากหนอนอ้วนๆ ที่กินหนังสือไม่หมดซะที
มาแล้วรอบหนึ่งคะ....(ยิ้มๆ)
ตีพิมพ์ไม่ผ่าน...
ก็เลยรอให้ net เร็วขึ้นอีก...
จึงกลับมาใหม่...
คงต้องตาม...หามาไว้อ่าน...คะ
แต่ชอบมากเลยที่ว่า...ผู้ต้องต่อสู้กับอารมณ์ความรู้สึก มิตรภาพ และความต้องการสิ่งเติมเต็มให้กับตัวเอง ได้อย่างลึกซึ้ง
คุณจันทร์เมามายคะ
หนังสือจัดจำหน่ายโดย บริษัทซีเอ็ดยูเคชั่น ราคา 145 บาท พิมพ์ครั้งที่ 3 เมื่อ 2546 ค่ะ
http://www.se-ed.com หรือโทร 0-2751-2588 (ไม่ได้ค่าโฆษณาค่ะ แต่เห็นว่าน่าจะช่วยลดเวลาในการหาหนังสือได้เร็วขึ้นค่ะ) หรือเดินแวะไปหอสมุดแห่งชาติค่ะ
หนอนอ้วนชอบอ่านหนังสือ...ดีจังค่ะ...
Dr .Ka-poom คะ
....มีอยู่อย่างหนึ่งที่อยากบอกด้วยค่ะ ว่า ถ้าเด็กวัยรุ่นที่กำลังเผชิญกับความกดดัน บีบคั้น และหลงวัตถุนิยม จะมีใครที่เกี่ยวข้องเข้าใจผ่านหนังสือเรื่องนี้ ซึ่งน่าจะรวมพ่อแม่ด้วย...คงจะดียิ่ง
ยกคำหนึ่งมาอ้าง จากคำของเด็กสาวที่ "ขายตัว" ในเรื่อง "ของพวกนี้ฮิโรกะอยากได้ตอนนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสวยๆ กระเป๋า หรือแหวน ฮิโรกะไม่รอซื้อตอนโตเป็นผู้ใหญ่หรอก ถ้าฮิโรกะเป็นป้าแก่ๆของพวกนี้ก็หมดค่า ซื้อของสวยๆใส่ตอนเราหมดค่ามันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าถึงวัยที่เหมาะกับผ้ากันเปื้อนและเสื้อชั้นในคนแก่เมือ่ไหร่ ฮิโรกะถึงจะทำตัวเรียบร้อย ใส่ผ้ากันเปื้อนกับเสื้อชั้นในคนแก่จ๊ะ"
ดีใจที่ Dr .Ka-poom สนใจและชอบกับประโยคสีเหลืองค่ะ
อาจารย์ขจิตคะ
ตัวการ์ตูนภาพไม่ขึ้นค่ะ
โมริ เอโตะ คนเขียนหนังสือมีชีวิตวัยเด็กต่างจากนักเขียนคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มจากการชอบอ่านแล้วจึงเกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นนักเขียน....แต่เธอมักเอาแต่เที่ยวเล่นและไม่ชอบอ่านหนังสือ
จุดเปลี่ยนในชีวิตที่ทำให้เธอสนใจงานเขียน เมื่อเรียงความของเธอได้รับคำชมมากมายบ่อยครั้งจากเพื่อนและคนรอบข้าง.....
เป็นตัวอย่างที่ดีนะคะว่า คนหนึ่งคนสามารถผันตัวเองเข้าสู่สิ่งที่ได้แสดงศักยภาพอันสุดขีด....เมื่อได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จเล็กๆน้อยๆที่สะสม
เริ่มสนใจอยากอ่านเพิ่มขึ้นบ้างไหมคะ ^_^
อาจารย์จันทรัตน์ครับ
อาจารย์ได้แนะนำผมครั้งหนึ่งในหนังสือของบาร์บาร่า เอห์เรนไรช์ เขียนแล้ว ผมชักอยากอ่านเล่มเต็มๆของ "Nickel and Dimed: On (Not) Getting By in America " แล้วซิครับ ตอนนี้ทราบว่ากำลังวางตลาด
มีหนังสือหลายเล่มทีเดียวที่ผมหาซื้ออ่าน แต่ยังหาไม่ได้
ผมสังเกตเห็นห้องสมุดประชาชนที่ ปายมีหนังสือดีๆเยอะเลยครับ แต่หนังสือดีๆเหล่านั้นกลับใหม่เอี่ยม เหมือนไม่ถูกเปิดทักทาย
อาจารย์น่าจะเป็นนักอ่านที่ละเมียด อยากให้อาจารย์เขียนบันทึกเรื่องหนังสือน่าอ่านบ่อยๆ
ผมจะได้ติดตามและหาซื้อมาเก็บ (อ่าน) ครับ
ค่ะ คุณจตุพร
เรื่องห้องสมุด เป็นสิ่งที่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ระหว่างห้องสมุดไทยกับต่างชาติ ในช่วงหนึ่งที่ไปใช้ชีวิตในแคนาดา ที่พบว่าที่นั่น ผู้คนตั้งแต่เด็กน้อยจนสูงวัยใช้ห้องสมุดคุ้มค่ามาก วันหลังจะเรียบเรียงเล่าสู่ให้ฟังค่ะ
ขอบคุณค่ะกับที่บอกว่าน่าจะอ่านหนังสือละเมียด...ถือเป็นคำชมที่มีค่ามากค่ะ...ที่ผ่านมามักมีคนวิจารณ์ว่า เป็นคนอ่านจับผิด ...เลยต้องปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอๆ
วันหลังถ้าเจอหนังสือดีๆอีก จะเล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นคนใช้หนังสือจากห้องสมุดไม่ค่อยได้ซื้อ ตอนหลังซื้อบ้าง เพื่อนส่งมาให้บ้าง...ทำให้ได้อ่านหลากหลายขึ้นค่ะ บางเล่มก็อ่านไปแล้ว เมื่อเวลาผ่าน การอ่านใหม่ก็ทำให้ได้มุมคิดอีกแบบก็มีค่ะ