รัฐบาลกำหนดนโยบายผลักดันเกาะช้าง เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก โดยมอบหมายให้องค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ซึ่งเป็นองค์กรมหาชน เป็นเจ้าภาพในการประสานการพัฒนาหมู่เกาะช้าง และเป็นผู้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเกาะช้าง เป็นผู้กำหนดงบประมาณพัฒนาในแต่ละด้าน เพื่อส่งต่อให้กับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีอยู่ 4 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง, องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้างใต้, องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก และองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด
“ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เป็นภาคที่ยังอยู่ได้ดี สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติดีที่สุด มากที่สุด เงินที่เข้ามาในประเทศ เป็นรายได้เน็ตๆ ไม่มีต้องหักต้นทุนอะไรมาก จึงเป็นที่มาของนโยบายพัฒนาเกาะช้างเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยการประกาศให้เกาะช้างเป็นพื้นที่พิเศษ ทั้ง 52 เกาะ เพื่อให้ อพท.เข้าไปดูแล หลักการของอพท. จะเข้าไปดูแลได้ จะต้องเป็นพื้นที่พิเศษ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการ เมื่อประกาศเขตพื้นที่พิเศษเราก็จะกำหยดยุทธศาสตร์ กำหนดแผนแม่บท เพื่องบประมาณโดยอพท. ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดำเนินการ” ธันยา หาญพล รักษาการผู้อำนวยการ อพท. กล่าวกับบิสิเนสไทย
เขา บอกว่า อพท. เหมือนเป็นพี่เลี้ยงให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการพัฒนาหมู่เกาะช้าง ซึ่งตามแผนแม่บท จะใช้เวลา 8 ปี ในการพัฒนา ใช้งบประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเกาะช้างในทุกๆ ด้าน โดยใน 5 ปีแรก ใช้งบประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท และ 3 ปี สุดท้าย ใช้งบประมาณในส่วนที่เหลือ 5 ปีแรก ต้องใช้เงินมาก เพราะเป็นช่วงเริ่มต้น ต้องศึกษาและจัดทำแผน ต้องสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น
“เงินลงทุน 10,000 ล้าน อาจจะมองว่ามาก แต่หากมองรายได้ที่จะได้กลับบ้านก็ถือว่า คุ้ม เพราะเรามีรายได้ปีละ 450 ล้านบาท เมื่อเราพัฒนารายได้จะเพิ่มปีละ 10% รายได้ส่วนที่เพิ่มนี้ 8 ปี ก็คิดเป็นเงิน 80,000-90,000 ล้านบาท หรือเกือบ 100,000 ล้านบาท”