ในปี ๑ ผมได้รับตำแหน่งเป็นน้องใหม่ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องของรุ่นพี่ และก็เป็นหน้าที่ของ ปี ๑ ที่จะต้องมารับเสด็จ โดยจะได้เพียงแค่ยืนอยู่ริมถนน มองรถพระที่นั่ง ผ่านเข้าไป ณ ห้องพระราชทานปริญญาบัตร ซึ่งแค่นั้นก็ตื่นเต้นมากแล้วครับสำหรับนิสิตใหม่ที่ต้องตื่นแต่ตี ๔ หลังจากรับเสด็จแล้ว(รวมถึงก่อนด้วย) พวกปี ๑ จะต้องบูมพี่ๆบัณฑิตหาเงินเข้าชั้นปีด้วย(เอาไว้จัดกิจกรรมรับน้องครับ) ในส่วนของผมรับหน้าที่มือกลอง ก็ต้องตีกลองให้จังหวะกับ คนเชียร์ คนบูม หนักหนาสาหัสพอสมควรครับ กับฝ่ามือบางๆที่แตกที่พอง และท้ายที่สุดในปีนั้น ผมรับงานถ่ายวิดีโอให้พี่บัณฑิตคนหนึ่งที่มารับปริญญา เรียกว่าปี ๑ นั้นวิ่งไปวิ่งมา เนื่องจากรับหลายงานมากเกินครับ แต่ก็ผ่านมาได้และได้เงินเก็บจากน้ำพักน้ำแรงและความรู้ของตน ภูมิใจครับ โดยที่เป็นไฮไลท์ก็คือช่วงที่รถพระที่นั่งเสด็จผ่าน ด้วยความไม่รู้จึงยกกล้องวิดีโอขึ้นมาถ่ายตรงริมถนนตรงที่ยืนนะครับ ปรากฏว่า 555 โดนตำรวจสันติบาล เข้ามาล็อคตัวครับ โดนอบรมเรื่องกฏระเบียบยกใหญ่ เอาซะเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิทเลยที่เดียว
ในปี ๒ ผมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมงานถ่ายทอดสดงานพระราชทานปริญญาบัตรครับ ในปีนั้นก็เลยต้องขลุกอยู่ในโดมทั้งวันทั้งก่อนงาน ระหว่างงาน และหลังงาน เพื่อติดตั้งระบบต่างๆนาๆ ตามที่ระบบต้องการ ปีนี้ก็เลยได้เห็นสมเด็จพระเทพฯ ผ่านทางจอมอนิเตอร์ครับ อีกอย่างหนึ่งคือในปีนี้ผมก็รับงานถ่ายภาพพี่บัณฑิตรับปริญญามาอีกหนึ่งเจ้าครับ ก็ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโดมเป็นว่าเล่น (พอดีปีนั้นได้บัตรเข้าออกโดมได้) ไหนจะไปถ่ายภาพที่รับจ้างมา ไหนจะงานถ่ายทอดสด แล้วยังจะแอบไปดูน้องบูมพี่ๆที่คณะได้อีกด้วย ยุ่งวุ่นวายกว่าปี ๑ อีกครับ และที่เป็นไฮไลท์ก็คือ ใครจะไปคิดว่านิสิตเดินดินคนหนึ่งจะได้มีโอกาสปีนไปเดินเล่นอยู่บนเพดานของอาคารอเนกประสงค์ (โดม) ผมทำมาแล้วครับ รวมถึงปีนผนังห้องพระราชทานปริญญาบัตรด้วย เรียกว่าเอาไปคุยให้น้องๆรุ่นหลังได้อีกนานเลยครับ เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
ในปี ๓ ก็คือปีนี้ครับผมก็รับจ้างถ่ายภาพอีกตามเคย และปีนี้งานถ่ายทอดสดผมก็ไม่ได้เขาไปทำแล้วเพราะมีน้องคลื่นลูกใหม่ ที่มาทดแทน ผมจึงว่างกว่าทุกปีครับ และด้วยความที่ผมได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานสภานิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จึงมีโอกาสได้รับเสด็จพระเทพฯได้ใกล้ชิดขึ้นครับ คือผมได้ไปยืนแถวหน้าบริเวณลานสมเด็จพระนเรศวร ในนาทีที่พระเทพเสด็จผ่านหน้าผมไป เกิดความรู้สึกตื้นตันครับ ที่พระองค์ทรงสละเวลามาพระราชทานปริญญาบัตรให้กับพวกเรา แม้พวกเราจะมีจำนวนมากแค่ไหน เคยทำดีทำชั่วอะไรมา ท่านก็ไม่เคยแบ่งแยก ทรงปฏิบัติกับพวกเราอย่างเท่าเทียม
ในปีหน้านั้นช่วงนี้ผมคงกำลังฝึกงานอยู่ครับ ไม่รู้ว่าจะได้กลับมารึเปล่า แต่อยากจะกลับมาครับ ส่วนปีถัดไปนั้นก็เป็นปีของผมที่ผมจะได้รับปริญญา
การเดินทางผ่านกาลเวลานั้น แม้ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหน แต่ในวันที่เราหยุดยืนมองกลับไป มันสวยงามเสมอครับ วันนี้ ผมมองกลับไปเห็น น้องปี ๑ ที่มายืนริมถนนแทนที่ผม เห็นน้องปี ๒ เทคโน มาจับกล้องทำงานถ่ายทอดสดแทนผม ความทรงจำเมื่อปีก่อนๆก็กลับมาครับ มันสวยงามมาก แม้ว่าผมจะต้องเดินต่อไป และในปีหน้าผมอาจไม่ได้มาร่วม แต่ในปีที่ผมกลับมารับปริญญาภาพทั้งหมดของผมจาก ปี ๑ - ปี ๔ คงจะมาอยู่ครบในงานๆนี้ ทั้งน้องปี ๑ ที่ต้องตื่นแต่เช้ามารับเสด็จริมถนน น้องปี ๒ เทคโน ที่มีไฟแรงกำลังทำงานถ่ายทอดสดอยู่ในโดม พี่ปี ๓ ที่รับตำแหน่งผู้นำนิสิตใส่สูทมารับเสด็จอยู่หน้าแถว พี่ปี ๔ ไปฝึกงาน กลับมาไม่ได้
ชีวิตเราก้าวไปข้างหน้าเสมอครับ มีเรื่องประทับใจทุกวัน อยู่ที่เราจะเลือกจำเรื่องดีๆเอาไว้ หรือจำแต่เรื่องนินทากาเล ที่เราคอยด่าว่าคนอื่น จับผิดคนอื่น ด้วยความหมั่นไส้ อิจฉา และอคติ เราเลือกที่จะจำได้ครับ เราจะจำในสิ่งที่เราทำ หากท่านทำดีในใจท่านก็จะมีแต่สิ่งดีๆบันทึกไว้ หากท่านมีแต่กิเลสใจท่านก็จะจำแต่สิ่งนั้นๆ ที่ท่านได้ทำลงไป
.................................................
หนูบีเวอร์
ทุกช่วงเวลาของหนูมีค่า และหนูก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้เป็นกำไรชีวิต
หนูเป็นเด็กที่มีสติอยู่ตลอดเวลา ดีใจแทนผู้ปกครองของหนูมาก
คนเราถ้าคิดแต่สิ่งดี ๆ ชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคตของหนูย่อมมีแต่สิ่งดี ๆ
เด็กอะไรคิดอะไรเป็นปรัชญาไปหมด ทำอย่างไรสิ่งเหล่านี้จะเกิดกับเยาวชนของไทยเรา
ป้าดีใจที่ได้รู้จักหนู
อนาคตเป้นสิ่งที่ไม่แน่นอนครับ แต่ที่แน่นอนคือความฝันของผม ไม่มีเปลี่ยนครับ แม้การเป็นครูเป็นอาจารย์จะเหนื่อย เปรียบเหมือนเรือจ้าง แต่หากว่าการพายของเรือจ้างนั้นทำให้สังคมดีขึ้น ผมก็พร้อมจะพายครับ
ขอบคุณค่ะ ... ขอบคุณมาก
วันนี้ก็ไปรับเสด็จเหมือนกัน ตื่นตั้งแต่เช้าเลย มารอตั้งนาน ตอนแรกก็เบื่อๆนะแต่พอเห็นพระเทพก็รู้สึกชื่นใจจังและรู้สึกดีที่ได้มา
ตอนที่รถพระเทพเสด็จผ่านก็คิดเหมือนกันว่าถ้ามีกล้องนะ จะถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย ดีนะที่ไม่มีไม่งั้นโดนจับแบบพี่ปืนแน่เลย
พี่ปืนมีความทรงจำดีมากๆมายและถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าชื่นชมเหมือนละครชีวิตเรื่องหนึ่งที่น่าติดตาม
พี่ปืนเป็นคนที่มีความสามารถ หนูว่าถ้าพี่ปืนอยากทำอยากเป็นอะไรก็คงสำเร็จทุกอย่าง
สู้ๆค่ะ
หนูเป็นเด็กที่มีสติอยู่ตลอดเวลา ดีใจแทนผู้ปกครองของหนูมาก
คนเราถ้าคิดแต่สิ่งดี ๆ ชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคตของหนูย่อมมีแต่สิ่งดี
เด็กอะไรคิดอะไรเป็นปรัชญาไปหมด ทำอย่างไรสิ่งเหล่านี้จะเกิดกับเยาวชนของไทยเรา
ป้าดีใจที่ได้รู้จักหนู
-------------------------------------------
นู๋....ก็ดีใจที่ได้รู้จักพี่ปืนเช่นกับผู้ใหญ่ท่านนี้เช่นกันค่ะ นู๋...คิดว่าท่านได้กล่าวในสิ่งที่นู๋...อยากบอกกับพี่ทั้งหมดแล้ว
สู้ต่อไปน่ะคะ ........ หากวันใดเหนื่อยล้า ลองหันกลับมาตรงนี้น่ะ กำลังใจให้พี่เต็มเพียบ