ติดยาเสพติด เป็นโรค


โรคติดยา
ติดยา เวลาที่เราๆท่านๆ นึกถึงคำนี้้ หรือ นึกถึง คนที่ติดยา เรามักจะนึกถึงคนที่ ขาดความรับผิดชอบ รักสนุก ใจอ่อน ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ หลายคนอาจนึกถึง อันธพาล นักเลงหัวไม้ ด้วยซ้ำ ผมคิดว่า น้อยคนนักที่จะนึกถึงคนกลุ่มนี้ว่าเป็นผู้ป่วย 
คำสำคัญ (Tags): #ยาเสพติด
หมายเลขบันทึก: 97238เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2007 20:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 01:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีค่ะ

  • ดิฉันเข้าใจเอาว่าที่คนส่วนใหญ่คิดทำนองนั้นเพราะในบางครั้งผู้ป่วยอาจจะไม่ใช่บุตรหลานหรือญาติ  เลยทำให้เกิดอคติมังคะ
  • จริงๆ แล้วเรื่องยาเสพติดในโรงเรียนก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกันค่ะคุณหมอ
  • วันหลังจะเข้ามาอ่านแล้วนำความรู้จากคุณหมอไปปรับใช้กับเด็กๆ บ้างแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ จริงๆ ผมยังไม่ทันเขียนเสร็จ บังเอญมัวแต่ตอบอีเมล์อยู่ แต่เผลอไป บันทึกเลยขึ้นมาแบบห้วนๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ
เรื่อง เพราะไม่ใช่บุตรหลานก็คงมีส่วนถูกครับ แต่ ในบางรายแม้ว่าเป็นลูกหลาน หลายคนก็ยังมองเด็กว่าเป็นเด็ก ไม่ดี มาก กว่า คนป่วยครับ แต่จริงๆ ผมไม่ได้พยายามบอกว่าเขาเหล่านั้นผิด เพราะเด็กที่ติดยา หลายคนก็เป็นเด็กไม่ดีจริงๆ แต่ที่อยากจะบอก คืออย่างนี้ครับ ถ้า เราต้องการช่วยเขา การที่เรามองเขาเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี จะทำให้เราช่วยเขาได้ไม่ดี ในทางตรงกันข้ามการมองเขาเป็น ผู้ป่วย จะทำให้เราช่วย เขาได้ดีขึ้น เพราะอะไรหรือ ครับ เพราะว่า ในการช่วยผู้ป่วยติดยา การให้อภัย เป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการช่วย และ ตัวผู้ป่วยเอง การที่เรามองเขาเป็นผู้ป่วยจะทำให้เราให้อภัยเขาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ทางการแพทย์เรายังพบว่า คนที่ติดยา นั้น มีความผิดปกติของสมอง ยาเสพติดที่เขาเสพติดต่อกันเป็นเวลานานนั้น ไปมีผลทำให้สมองเขาทำงานผิดปกติไป ความผิดปกติของสมองที่เกิดขึ้นนี้สามารถตรวจพบได้ และจะคงอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานแม้ว่าหยุดยาแล้ว กว่าจะกลับคืนเป้นปกติใช้เวลาหลายเดือนจนถึงเป็นปี ผิดปกติอย่างไรเอาไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
เรื่องยาเสพติดในโรงเรียนเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก ครับ ที่น่ากังวลคือ โรงเรียนส่วนใหญ่เลือกที่จะปกปิด ปัญหา ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ไล่เด็กออก มากกว่าที่จะช่วยกันแก้ปัญหา เด็กเหล่านั้น พอออกจากโรงเรียนเลยมีเวลาใช้ยาเสพติดกันเต็มที่ พอใช้มากเข้าก็ต้องพยายามหาเงินมาใช้ สุดท้ายก็ต้องเข้าสู่วงจรขายยา ในวงการเขามีศัพท์เรียกเด็กกลุ่มนี้ว่า "นิ้ว" ครับ พวก นิ้วนี้จะเป็นผู้ค้ารายย่อยที่กล้า เอายาส่งให้ผู้เสพหน้าใหม่ (พวกผู้ค้ารายใหญ่เขาไม่กล้าทำเพราะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นสายให้ตำรวจหรือไม่) ทีนี้ถ้าเราลองมานึกว่า เด็กที่ถูกให้ออกจาก รร มาเป็นนิ้วนี้จะต้องหาลูกค้ารายใหม่มาซื้อสินค้าของเขา เขาจะไปหาลูกค้าที่ไหนละครับ ก็คงต้องเริ่มจากเพื่อนๆ เขาก่อน เพื่อนที่ไหนที่หาง่ายที่สุดละครับถ้าไม่ใช่เพื่อนโรงเรียนเดิมของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกมาแล้ว แต่เพื่อนๆก็ยังเป็นเพื่อนเขาอยู่ พอหาลูกค้าได้ใหม่ สักพักเพื่อนคนนั้นก็ถูกไล่ออกบ้าง แล้วก็เข้า่วงจรนี้ไปเรื่อยๆ เห็นไหมครับการ ไล่เด็กออก ไม่ได้ทำให้ปัญหายาเสพติดของโรงเรียนนั้นลดลง เพียงแต่ทำให้ผู้บริหารโรงเรียน สบายใจขึ้น ชั่วคราวเท่านั้น การแก้ปัญหาให้เด็ก เป็นเรื่อง ไม่ง่าย แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ครับ เอาไว้คงต้องค่อยๆเล่าว่าเราจะช่วยกันได้อย่างไรบ้าง 

ผมไม่สงสัย หรือ ไม่ว่าอะไรเลย หากจะเรียก การติดยาเสพติดว่าเป็นโรค

แต่ผมสงสัยอย่าง คือ ความชรา

ทำไมส่วนใหญ่ผู้ที่เสียชีวิต ด้วยความชรา ถูกรายงานว่า เสียชีวิต ด้วย โรคชรา

ความชรา เป็นสิ่งที่รักษาได้หาย หรือว่า ป้องกันได้ งั้นหรือ???

ความชราเป็นสิ่งที่เรารังเกียจงั้นหรือ???

หมอ ทำให้ใครอยู่ค้ำฟ้าได้งั้นหรือ???

ตามมาอ่านครับ ผมก็เคยมีคนใกล้ชิดมากติดยา+suicide ตอนนั้นครอบครัวทุกข์มากตอนนั้น

คนที่อยู่ในปัญหา ถึงมีทักษะที่พอจะแก้ได้ก็หมดปัญญา เพราะว่าตอนนั้นเหมือนตาบอด มองอะไรไม่เห็น ไม่รู้จะแก้อย่างไร ได้อ่านตรงนี้กลับไปนึกถึงอดีต

ผมว่าเป็นผู้ป่วยที่ต้องเยี่ยวยาด้วยความรัก ความห่วงใย นอกเหนือจากการบำบัดด้วยยา

และที่สำคัญการให้โอกาส สำคัญสุด

ความจริง คำว่าโรคชรา เป็นคำที่ใช้แทนคำว่า แก่ตาย ครับ แต่จะเป็นคำไหนก็ชั่งมันเถอะครับ เพราะมันก็วงจรเดิม เกิด แก่ เจ็บ ตาย ผมว่าอย่าไปสงสัยเลยว่าทำไมใช้คำว่าโรค สงสัยว่า ความเจ็บ สอนอะไรเราบ้างดีกว่า ได้ประโยชน์ดีครับ

 เรื่องความเมตตา ความรัก การให้โอกาสกับผู้ติดยานั้น เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ แต่คงต้อง เป็นการเมตตาที่มาพร้อมทั้ง กรุณา มุฑิตา และ อุเบกขา ครับ ผมเขียนบทความเรื่องนี้ไว้นิดหน่อยไว้จะเอามาใส่ในบล๊อกนะครับ

การทำงานด้านยาเสพติดชนิดใดๆก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก แต่เมื่อเราในฐานะเป็นเพื่อนมนุษย์ ที่มีความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ร่วมกันคนละนิดคนละหน่อน ในการช่วยกันสอดส่องดูแล ร่วมช่วยแก้ไขปัญหา ดิฉันเชื่อว่า สักวันปัญหายาเสพติดคงจะหายไปจากโลกนี้ได้ แม้จะดูเหมือนฝันเฟื่องไปบ้าง แต่ตราบใดที่ยังมีคนทำงานดีๆ สร้างสรรค์สังคมอยู่ ฝันนั้นก็ยังมีโอกาสเป็นความจริง ...ขอให้กำลังใจทุกท่าน ที่มีโอกาสเข้ามาสร้างกุศล โดยการทำงานป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดนะคะ

ไม่อยากให้มองว่า เป็นผู้เสพ ผู้ติด ขี้ยา หรือจะใช้คำอื่นในแง่ที่ฟังดูไม่ดี   อยากคิดเสียว่า  กิจกรรมการเสพติด เป็นกิจกรรมนึงในหลายกิจกรรมที่อยู่คู่กับสายพันธ์มนุษย์  มาเป็นหลายพันปีเท่าที่จะมีการกล่าวถึง  จะกล่าวตัวอย่างเช่น  กิจกรรมเสพเมถุน  ก็ทำกันมานานถึงทุกวันนี้  ทำมากไปสุขภาพทรุดโทรม  สังคมประนามว่า หมกมุ่น  บ้ากาม  -ถ้าทำผิดที่ผิดทาง จิตวิปริต วิตถาร  -ทำผิดบุคคล ผิดศีลธรรม ผิดกฏหมาย -ไม่ทำเลย พวกหมดสมรรถภาพ

กิจกรรมทุกอย่างต้องทำด้วยความพอเหมาะพอดี ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองมากกว่าโทษ  มันก็เลยต้องเกิดความพยายามควบคุมซึ่งกันและกัน  มันเป็นที่มาของคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการต่อต้านยาเสพติด   ซึ่งควรอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจในตัวผู้ที่ใช้  กิจกรรมการเสพติด อย่างถ่องแท้  อย่าตั้งตัวเป็นพวกตรงข้าม  แบ่งฝั่ง  เพราะคุณจะไม่ได้รับการยอมรับ  ถ้าเปิดใจพวกเขาได้  การจะชวนให้เขาคิดเพื่อตัวเอง  ด้วยเหตุผล  จะง่ายขึ้นมากๆ  แต่จะทำไง...  นั่นเป็นประเด็น !!

 

จิงๆแล้วการติดยาไม่ได้จำกัดความอยู่แค่ยาเสพติดที่ผิดกฎหมายเท่านั้นได้หรือเปล่าคะ อย่างเช่นการใช้ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์เสพติดอย่างเช่นมอร์ฟีน เพททีดีนได้ด้วยหรือเปล่าคะ อาการจะคล้ายกันมั๊ยคะ แล้วถ้าได้รับโดยบังเอิญอันเกิดจากอาการปวด และสั่งโดยแพทย์ แพทย์จะผิดมั๊ยคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท