ตอนที่เรียนเกี่ยวกับเรื่องการบริหารผลตอบแทนพนักงาน (compensation and benefit management) กลุ่มของเราทำรายงานเกี่ยวกับพนักงานที่เป็นผู้บริหารระดับกลาง เมื่อเข้าไปค้นข้อมูลเพิ่มใน internet ก็พบว่ามีหลายบทความที่พูดถึงเรื่องความแตกต่างของคนในรุ่นต่างๆ ที่เข้ามาทำงานในองค์กร
จากการศึกษาในครั้งนั้นซึ่งเพิ่งผ่านมาไม่นานทำให้เราเริ่มเข้าใจปัญหาต่างๆ หรือข้อสังเกตที่พบในบริษัทของเราที่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง หลายคราในช่วงสามปีที่ผ่านมา
กรณีที่หนึ่ง ผู้จัดการฝ่ายท่านหนึ่ง บอกว่าเด็กที่เข้างานมาใหม่ ไม่ค่อยอดทน เข้ามาทำงานสองปีอยากเป็นผู้จัดการแล้ว ให้อยู่ทำงานเลิกมืดหน่อย สักพักก็ลาออก ทำไมไม่ทุ่มเทเหมือนอย่างรุ่นเราที่ทำงานกันหนักแค่ไหนไม่เคยบ่น
กรณีที่สอง กรรมการผู้จัดการท่านหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการให้เงินเป็นค่าตอบแทนให้กับวิทยากรภายใน บอกว่า การเป็นวิทยากรก็ถือว่ามีเกียรติแล้ว บางคนยังไม่ทันเป็นจะเรียกร้องสิ่งตอบแทน ไม่อยากเอาเงินหรือรางวัลมาเป็นสิ่งล่อใจ อยากให้ทำมาจากใจมากกว่า
กรณีที่สาม น้องที่มีอายุงาน 2 ปี จบ ป.โทมาจากเมืองนอก ทำงานดี ชอบอิสระ ทำอะไรด้วยตัวเอง ตัดสินใจเอง ไม่ค่อยรายงานให้ ผบ.ทราบ ว่าตัวเองจะทำอะไร ปล่อยให้นายรู้เอง อยู่มาวันนึงจัดงานใหญ่เสร็จ จะพาทีมงานไปเลี้ยง ผบ.บังเอิญทราบเรื่องจึงสั่งระงับ และบอกว่าต้องขออนุญาต คณะกรรมการจัดงานก่อน ไม่มีสิทธิ์ทำโดยพลการ สร้างความไม่พอใจให้กับน้องจน วีนใส่พี่คนนึงที่อยู่ในคณะกรรมการด้วยต่อหน้าทีมงานหลายคน
จากเหตุการณ์ตัวอย่าง แล้วอ่านคำอธิบายข้างล่าง (ได้มาจาก e-mail ที่เพื่อนส่งมาค่ะ) พอจะเดาได้ใช่ไหมคะว่า ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดจากความคิด ความเชื่อของคนยุคใด กับ ยุคใด
กลุ่มเบบี้บูม— เกิดปี 2499-2507 หลังสงครามยุติ ประเทศเข้าสู่ความสงบ การรณรงค์คุมกำเนิดยังไม่แพร่หลาย จึงเกิดพลเมืองตัวน้อยๆ ขึ้นมากมาย เบบี้บูมเติบโตขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันกับคนวัยเดียวกันเพื่อให้ได้งาน ยิ่งเมื่อประเทศกำลังพัฒนาไปสู่ความเป็นอุตสาหกรรม เบบี้บูมก็ยิ่งจำเป็นต้องทำงานหนักมากขึ้น อาจทำงานเต็มเหยียดวันละแปดชั่วโมงวันละหกสัปดาห์ ลูกจ้างเบบี้บูมมักเคยชินกับการพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้นายจ้างยอมรับในศักยภาพ การก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่นั้นต้องใช้เวลาและแรงผลักดันอย่างสูง
กลุ่มเจนเนเรชั่น X — เกิดปี 2508-2523 เจเนอเรชั่น X ลืมตาดูโลกเมื่อมนุษยชาติส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกได้สำเร็จ ของเล่นฮิต ของเด็กรุ่นนี้จึงไม่ใช่ม้าโยกหรือตุ๊กตาหมีอีกต่อไป แต่คือวิดีโอ เกมกดและวอล์คแมน พวกเขา เติบโตมาในยุครอยต่อของอนาล็อกกับดิจิตอล ท่ามกลางเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ทว่าสังคมที่เปลี่ยนแปลงในทางวัตถุกลับทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอน ความภักดีในองค์กร ของคนรุ่นนี้จึงคลายลงมาก นำมาสู่การลาออกและเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่แปลกที่ชาวเบบี้บูม ผู้ไม่เคยเกี่ยงที่จะทำโอทีจนดึกดื่น จะอึ้งที่ชาวเจนเนเรชั่น X จะปฏิเสธและอาจลาออกไปหางาน ใหม่หน้าตาเฉย ทั้งนี้เพราะชาวเจนเนเรชั่น X เชื่อว่างานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต
กลุ่มมิลเลนเนียม— เกิดปี 2524 เป็นต้นมา
นี่คือกลุ่มคนทำงานหน้าใหม่ไฟแรงที่ยังอ่อนประสบการณ์ บางคนอาจยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำหรือมีแผนชีวิตที่จะเรียนต่อ นี่คือกลุ่มที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งระบบการศึกษาที่เริ่มให้ความสำคัญกับการคิดมากกว่าการท่องจำ พวกเขามีพ่อแม่ที่มีความรู้สูง จึงสนับสนุนให้ได้เสริมทักษะในด้านต่างๆ ตั้งแต่ยังเด็ก มิลเลนเนียมจึงชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและสนุกกับการทำงานเป็นทีม ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข ดังนั้นขณะที่เจนX เปลี่ยนงานครั้งที่สิบสองไปเป็นผู้บริหารระดับสูงกินเงินเดือนเรือนแสน มิลเลนเนียมอาจลาออกไปเริ่มธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง
สรุปว่า คนทำงานร่วมกันก็เหมือนคนในครอบครัวที่มีคนอายุต่างกัน ยิ่งเป็นครอบครัวใหญ่ก็ยิ่งต่างกันมาก จะอยู่ร่วมกันได้ก็ต้อง
แม้จะยากหน่อย แต่ถ้าทำได้ก็จะทำงานร่วมกันได้ ในฐานะคนที่ทำงานด้านบริหารบุคคล จะคิดจะทำระบบอะไรขึ้นมาใหม่ ก็ต้องตอบสนองคนได้ทุกรุ่น เรียกว่าทำแบบ tailored-made ไงคะ
แล้วท่านผู้อ่านที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมเป็นรุ่นไหน มีประสบการณ์ยังไงกันบ้าง มาแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ
หวัดดีคับพี่ส้ม ผ่านมาแวะทักทายครับ
ผมเป็นคนทำงานในกลุ่มมิลเลนเนียมครับผม หลายๆประเด็นค่อนข้างตรงนะครับสำหรับตัวผม เช่น ความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม..555 แต่ผมก็มีบางความคิดที่เป็นความคิดในกลุ่มเจนเนอเรชั่น X เช่น งานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตครับ..555
เมื่อมาทำงานผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคำกล่าวที่เคยได้ยิน คือ Experience make perfect ครับ ผมจึงพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งจากทางตรงและทางอ้อม ให้ได้มากที่สุด เรียกได้ว่า ตั้งแต่ทำงานมาอะไรที่ทำแล้วได้ประสบการณ์ผมโอเคเลยครับ
และค่อนข้างเห็นด้วยกับบทสรุปของพี่ส้มที่สรุปไว้ได้เป็นอย่างดีครับ ในการที่เราจะทำงานกับคนหลากยุคหลากวัย เราจำเป็นต้องมีการยอมรับความแตกต่างระหว่างกัน เปิดใจยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่า Human is rational ครับ