คนกับนายแปลมาจากภาษาอังกฤษเรื่องMaster and Man เป็นเรื่องราวการเดินทางในคืนๆเดียวท่ามกลางหิมะที่ตกหนักของตัวละคร 3 คน/ตัว คือนาย บ่าวและม้า
เมื่อรถม้าหลงทาง นายหนีตายจากความหนาวเย็น ทิ้งบ่าวไว้เอาตัวรอดเพียงผู้เดียว นายดิ้นรนกระเสือกกระสนหาทางออกแต่ก็ต้องวนกลับมาที่เดิม ครั้งแล้วครั้งเล่า
บ่าวซึ่งมีชีวิตที่ทุกข์ยากมาโดยตลอดยอมรับชะตากรรมในความตายจากความหนาวเย็นที่คืบคลานเข้ามา รวมทั้งม้าซึ่งยอมศิโรราบให้กับความตายที่แผ่คลุมเข้ามาโดยดุษฎี หลังจากที่นายหมดเรี่ยวแรงที่จะแข็งขืนออกเดินค้นหาทางออกอีกต่อไป
จากความดิ้นรนหนีตายด้วยความเห็นแก่ตัว เมื่อกลับมาที่จุดทิ้งสัมภาระโดยมีบ่าวนอนรอความตายเป็นเพื่อนท่ามกลางหิมะขาวโพลนในความมืด ในเสี้ยววินาทีของความสงบเงียบนั้น ขณะสัมผัสตัวบ่าวจิตของนายเกิดเปลี่ยนเป็นความอนาทร ห่วงใยในตัวบ่าวจนถึงกับใช้ร่างกายของตนเป็นกำบังหิมะและให้ความอบอุ่นแก่บ่าว
ความเปลี่ยนแปลงของจิตใจจากความเห็นแก่ตัวทิ้งเพื่อนเพื่อเอาตัวรอดเพียงลำพังกับความรักที่ไร้ซึ่งความเป็นตัวตนซึ่งเกิดขึ้นในจิตดวงเดียวกัน และค่ำคืนนั้นความสงบสุขอย่างล้ำลึกได้เกิดขึ้นกับจิตใจของนายพร้อมกับความตายที่ไม่ได้มีความหมายใดๆ
รุ่งเช้ามีคนมาพบหิมะถมทับนายกับบ่าว บ่าวยังไม่ตาย และมีชีวิตตามครรลองในความทุกข์ยากต่อไป
เรื่องชีวิตที่เผชิญความตายของตอลสตอยมีอีก2เรื่องที่น่าสนใจคือความตายของอีวาน อินลิซ และฮัชจี มูรัส
ถ้าไม่บอกว่าเป็นนักเขียนรัสเซีย และด้วยกลิ่นอายของท้องเรื่องสังคมรัสเซีย ผมคิดว่าพลังกระทบใจของเรื่องสื่อถึงมนุษย์ทุกคนทุกเชื้อชาติที่โตพอที่จะรับรู้เรื่องราว เพราะจิตหนีตายเอาตัวรอดด้วยความเห็นแก่ตัว และจิตที่เต็มไปด้วยความรัก ความเห็นแก่ผู้อื่นโดยไม่มีความเห็นแก่ตัวหรือไม่มีตัวตนเหลืออยู่เลยก็อยู่ภายในจิตใจของเราทุกคน เป็นจิตคนละดวงในจิตดวงเดียวกัน
จิตของเรามีนับไม่ถ้วนในแต่ละวัน มีทั้งประเสริฐเลิศเลอและต่ำช้าสามานย์ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่อิงอาศัยกัน ถึงที่สุดแล้วไม่มีจิตเดิมแท้ในพุทธศาสนาความเข้าใจของตอลสตอย-ชาวคริสต์ที่ตีความศาสนาคริสต์ด้วยความเรียงและวรรณกรรม ต่อศาสนาคริสต์ซึ่งให้ความสำคัญกับชีวิตในโลกนี้แทนที่โลกหลังความตายก็ไม่ต่างจากการตีความศาสนาพุทธของท่านอาจารย์พุทธทาส และการเข้าใกล้พระเจ้าของตอลสตอยก็คือการลดความเห็นแก่ตัวจนไร้ซึ่งตัวตนนั่นเอง
เรื่องสั้นนี้ยกให้บ่าวเป็นเสมือนพระเยซูที่มาชี้ทางหรือชักนำให้ จิตใจของนายเข้าใกล้พระเจ้า
ผมชอบเรื่องนี้ของตอลสตอยมาก และเข้าใจการสื่อสารของตอลสตอยในเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ
อาจารย์ภีมนี่มีวรรณศิลป์อยู่ในการใช้ภาษานะครับ รออ่านอีก 2 เรื่องนะครับ
เคยถามตัวเองว่า พุทธที่แท้คืออะไร เพราะมีความต่างระหว่าง หินยาน มหายาน หรือแม้แต่ภายในหินยานด้วยกัน ชอบคำสอนของท่านพุทธทาส การตีความของท่านพุทธทาสนั้นมีแนวคิดหลายๆอย่างร่วมกับมหายานด้วย
สำหรับผมเอง ความเข้าใจต่อศาสนาพุทธอาจพอสอบผ่าน แต่การปฏิบัติ..สอบตก..ครับ ตอนนี้ต้องตั้งหลักชีวิตกันใหม่
ผมชอบคริสต์ตรงที่ยอมให้มีการสารภาพบาป จริงๆการมีพระเจ้าก็เหมือนกับให้มีเพื่อนที่ดีอยู่ในใจ คนเราเวลามีทุกข์ก็ต้องการเพื่อน บางเรื่องเราบอกคนอื่นไม่ได้ อย่างน้อยก็มีพระเจ้าเป็นเพื่อนที่พร้อมจะรับฟัง และให้โอกาสการเริ่มต้นชีวิตใหม่
การดิ้นรนจะหลุดพ้น เพื่อเอาชนะใจตัวเองอยู่โดยลำพังนั้น บางครั้งก็เหนื่อยและล้าครับ
เล่มนี้ หรือคะ ได้อ่านเหมือนกันคะ...
บางที เราเฝ้าหา การหลุดพ้น ถึงแม้จะมาพบตอนที่ใกล้ตายและตาย
ก็ตายอย่างมีความสุข ดีนะคะ
ตายพร้อมกับความเข้าใจในการให้
ให้อย่างพร้อมที่จะให้...
"จิต" ของคนเราเหมือนการเล่น "เก้าอี้ดนตรี" ที่นั่งได้เพียงครั้งละหนึ่งคน...
ถ้าความสุขนั่งอยู่ ความทุกข์ก็เข้ามานั่งในใจไม่ได้ ...
และถ้าความทุกข์นั่งอยู่ ความสุขก็หาที่ในใจเราไม่ได้.
จิตที่ไม่ "มั่นคง" เดี๋ยวก็สุข...เดี๋ยวก็ทุกข์ ก็เพราะเจ้าของ "จิต" ชอบคิดคำนึงถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่สร้างทั้ง "ความสุข" และ "ความทุกข์" ให้กับตัวเอง
หากไม่อยากให้ชีวิตมีความทุกข์ ก็ให้คิดถึงแต่เรื่องราวที่ดี...แล้วก็ทำแต่ในสิ่งที่ดี....แล้ววันหนึ่ง "ความสุข" ที่เราทำความดีก็จะมี "พลัง" ที่มากพอ สามารถ "แทรกตัว" เข้าไปนั่งเก้าอี้ดนตรีในใจ และ "เบียดขับ" เจ้าความทุกข์ให้ออกไปจากใจได้มากขึ้นและมากขึ้น จนในที่สุด... ใจเราก็จะมีแต่ความสุขอันเป็นนิรันดร์
ทางเดินของจิตน่าจะเป็นเช่นนี้....