ผมยังคงมีความสุขที่จะเขียนเรื่อง “เรียนล่วงหน้า” ต่อไปอีกสักเรื่อง นั่งคิดอยู่เป็นนานจึงตัดสินใจเอาเรื่อง "ไปวัดไปวา" ของนิสิตใหม่เหล่านี้มาบอกกล่าวเล่าความต่อท่านทั้งหลาย
ผมใช้เวลาไม่นานต่อการอธิบายถึงข้อมูลของวัดทั้งสองให้นิสิตได้ทราบ โดยเฉพาะการเน้นย้ำให้เห็นว่าวัดทั้งสองมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยในแง่ใดบ้าง รวมถึงกิจกรรมที่จะมีขึ้นทั้งการฟังเทศน์และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อวัด ...
การไปวัดไปวาครั้งนี้, ผมไม่ได้ให้บทเรียน หรือการบ้านใด ๆ ต่อพวกเขา เพียงเพราะอยากให้นิสิตใหม่ไปวัดอย่างสบายอกสบายใจ ไม่มีการบังคับลากจูง ใครใคร่ไปทำบุญก็ไปกับเรา... โดยเชื่ออยู่อย่างลึกเร้นว่า เมื่อไปถึงวัดแล้ว กระบวนการเรียนรู้ในพื้นที่ทางธรรมก็จะเกิดขึ้นโดยปริยาย ...
คนไทยและสังคมไทยไม่เคยไกลวัด .... และผมก็เชื่อว่า คนหนุ่มสาวก็ยังเข้าวัดเข้าวาอยู่เหมือนเคยนั่นแหละ เพียงแต่มีจำนวนลดน้อยถอยหลังลงเท่านั้นเอง แต่การที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับวัดเช่นนี้ ก็นับเป็นโอกาสอันดีของผู้ที่มาเรียนในมหาวิทยาลัยจะ "ไปวัดไปวา" หรือ "เข้าวัดเขาวา" ได้อย่างไม่ยากเย็น ...
สวัสดีค่ะ
ดีใจที่เห็นคุณพาเด็กๆหน่มสาวไปวัด คนเราต้องใกล้ชิดวัด จึงจะมีจิตใจดี และอยู่ในศีลธรรม
อีกด้านหนึ่งของดิฉัน และครอบครัว ใกล้ชิดวัดมาก เรียกว่า คนวัดเลยค่ะ
ดิฉันนั่งสมาธิได้ในระดับหนึ่ง และพาคนเข้ามามิใช่น้อย อาจจะได้บุญนี้ จึงทำให้รอดพ้นวิกฤติในชีวิตมาได้หลายครั้งค่ะ
ชื่นชมกับกิจกรรมดีๆ ของท่าน
ความจริงในใจลึกๆ ของเด็กเขามีความยึดติดอยู่กับวัด เหมือนบรรพบุรุษ
เพียงแต่รอผู้นำ
คำว่า ไปวัดไปวา น่าจะมาจาก
วา เป็นมาตราวัดระยะ เช่น คืบ ศอก วา
คำว่าวัด ถ้าเป็นคำกิริยา หมายถึง หาระยะ หาความยาว
แต่คำนามหมายถึงที่อยู่ของพระ
คนก็จับมาปนเปกัน เนื่องจากคำว่าวัดมันคล้องคำว่า วา
เวลาสอนวิชาเครื่องมือวัด
ก็มักจะอธิบายให้เด็กฟังว่า ไม่ใช่จอบ เสียม ปิ่นโต บาตร ของวัดไหนนะ
แต่มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดขนาดของงาน เช่น ฟุตเหล็ก เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ เป็นต้น
ขอชื่นชมกับผู้ริเริ่ม ผู้สนับสนุน กิจกรรมดีๆอย่างนี้ครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมถือว่าตนเองเติบโตมาจากวัด สมัยเรียนประถม ทุก ๆ เช้าจะไปวัด,ถวายภัตตาการและกินข้าวที่วัดแล้วถึงไปโรงเรียน ..รวมถึงการเข้าออกวัดจนเป็นขาประจำกุฏิหลังต่าง ๆ ของพระ
บัดนี้ ลูก ๆ โตขึ้นก็ล้วนเหมือนจะได้รับการส่งต่อเช่นนี้เหมือนกัน, ลูกชายคนโตรักและชอบเล่นเป็นพระเณรอย่างไม่รู้เบื่อ...
แต่ผมยังไม่ได้เรียนรู้และฝึกด้านสมาธิอย่างจริงจัง..
ขอบพระคุณครับ
มาเยี่ยม...คุณ
เห็นแล้วนึกถึงคำกล่าวผญานี้ว่า...
สถาบันบ่อนนี้นั้น...
หากเป็นดังกระแสชล...แท้เนอ
ลูกอิสานคนจนได้ดื่มกินทั้งใซ้...
เป็นขวัญใจคนไฮ้ไทเฉียงเหนือตะวันออก...
ลูกซาวนาบ้านนอกอยู่ตามตรอกขอกตื้อ...
สะดือพุ่ง...นุ่งห่มธรรม...ใสเมียง ๆ ฮา ๆ เอิก ๆ
นายวรชัย หลักคำ |
ขอบคุณมากครับที่กรุณามาช่วยขยายความเกี่ยวกับความหมายของคำว่า ไปวัดไปวา ... เพราะตอนที่เขียนบันทึกผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก, คิดแต่คุ้นเคยกับการใช้คำนี้โดยทั่ว ๆ ไป เหมือนกับคำว่า "เข้าวัดเข้าวา"
แต่อันที่จริงส่วนหนึ่งที่เราพอได้คุ้นเคยบ้างเกี่ยวกับคำนี้ก็ใช้ในทำนองที่แปลว่า "หน้าตาพอดูได้" (พอไปวัดไปวา)
นั่นคือส่วนหนึ่งที่ผมเข้าใจ, ขอบคุณมากครับ
ตอนนี้เหลือเวลาให้จัดกิจกรรมเรียนล่วงหน้าอีกเพียง 3 วันก็จะปิดโครงการแล้วนะครับ .. เรายังมีความสุขกับการทำงานเหมือนเคย
บ่ายวันนี้ได้อ่านผญาชุ่มฉ่ำใจจากอาจารย์แล้วรู้สึกรักบ้านเกิดเมืองนอนขึ้นมาเยอะเลยครับ เสียดายก็แต่ลูกหลานชาวอีสาน ต้องจ่ายค่าเทอมกับแพง ๆ ค่าครองชีพแพง ๆ ..และการแข่งขันในสายการศึกษาที่มากมายจนน่าเป็นห่วง..
เพราะมากครับ...เลยขออนุญาตนำมากล่าวซ้ำอีกรอบ
สถาบันบ่อนนี้นั้น...
หากเป็นดังกระแสชล...แท้เนอ
ลูกอิสานคนจนได้ดื่มกินทั้งใซ้...
เป็นขวัญใจคนไฮ้ไทเฉียงเหนือตะวันออก...
ลูกซาวนาบ้านนอกอยู่ตามตรอกขอกตื้อ...
สะดือพุ่ง...นุ่งห่มธรรม...ใสเมียง ๆ ฮา ๆ เอิก ๆ
ตอนเรียน ป.ตรีที่ ม.อุบลราชธานี ก็ชอบไปทำบุญที่วัดเหมือนกันครับ เวลาจัดงานของสาขา ตอนเช้าก็จะทำบุญกันที่วัด พาน้อง ๆไปถวายภัตตาหาร เพล กวาดลานวัด ทำความสะอาด อย่างน้อยจะทำให้เรารู้จักเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว และที่สำคัญในวัดสงบเงียบ สมถะ ทำให้เราย้อนมองตัวเองได้ ว่าตอนนี้เราคือใคร หน้าที่ของเราคืออะไร และเราควรจะดำเนินมันต่อไปอย่างไร และยังสะท้อนถึงความคิดอีกอย่างที่ว่า "วัดพึ่งบ้าน บ้านพึ่งวัด" ผมเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากครับ
สวัสดีครับ
ยินดีที่ได้รู้จัก, ...นะครับ
หลายครั้งที่เข้าไปใช้ชีวิตในบริบทของวัดจะรู้สึกถึงความนิ่งเงียบและเงียบสงบ จนเข้าใจว่า คนแก่คนเฒ่าให้ไปนอนอ่านหนังสือในวัดนั้นมีสมาธิแค่ไหน (ถ้าไม่กลัวผี) ..
กิจกรรมนิสิตนักศึกษาก็ควรไม่ห่างวัดเหมือนกัน ถึงแม้จะนานทีมีครั้ง แต่นั่นก็ถือว่าดีงามแล้ว
ขอบคุณครับ
ผมเพิ่งหายตกใจกับการรุกล้ำของเจ้าตุ๊กแกตัวน้อย...
ใช่ครับ... ก็หวังอย่างยิ่งว่าในอนาคตจะเป็นดังเช่นที่คุณนู๋ทิมได้คาดหวังไว้ ว่า
อย่างน้อยวันข้างหน้าเขาอาจจะเดินเข้าวัดเองโดยไม่ต้องอาศัยกิจกรรมที่เราจัดให้
ขอบคุณครับ
วัด แบ่งเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายคามวาสีหนี่ง อรัญญวาสีหนึ่ง
คามวาสี อารามที่พำนักสงฆ์อยู่ใกล้หมู่บ้าน หรือ ใจกลางหมู่บ้าน
อรัญญวาสี อารามที่พำนักสงฆ์อยู่ห่างไกลหมู่บ้าน หรือ ในราวป่า
ทางภาคอีสาน นิยมฝ่ายอรัญญวาสี มากกว่า เท่าที่เคยสัมผัสมานะ
ความศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใส นั้นอยู่ที่จิตใจของแต่ละคน ว่าเป็นอย่างไร
ไม่สามารถบอกได้ว่า เสื่อมลง หรือ เจริญขึ้น ได้ในทางรูปธรรม
อาราม ที่มีชื่อเสียงนั้น มุ่งที่วัตถุมากกว่ามุ่งที่จิตใจของคน ด้วยว่า คนเรามีนิสัยอย่างหนึ่งคือ ชอบสิ่งสวยงาม และ ชอบตามเขาไป
ฉะนั้น หากอารามไหนที่มีศาสนวัตถุที่สวยงาม ย่อมเป็นที่เจริญตา ใคร่อยากจะเข้าไปทำบุญ หรือ ชื่นชมในศาสนวัตถุนั้น
อีกอย่างหนึ่ง ภิกษุสงฆ์ ใดที่มีความเคร่งครัดต่อการปฏิบัติ ย่อมจะมีคนอยากเข้าไปหา เข้าไปใกล้ จนบางทีก็ถูกหลอกเอามาหลายราย ก็มี
หากลองไปท่องเที่ยวดูตามอาราม ที่อยู่ห่างไกลผู้คน อยู่ในชนบทที่ห่างไกล ไร้ความเจริญแล้ว จะพบว่า ความเป็นอยู่ของภิกษุสงฆ์ มีความลำบากหลายประการ
ศาสนวัตถุ ก็เก่าจวนจะพังมิพังแหล่ ของใช้ในพิธีกรรม ก็แทบจะหาไม่ค่อยได้ และ ภิกษุสงฆ์ ก็มีความเป็นอยู่ลำบากมาก ของใช้ส่วนตัวหายาก การเดินทางไปไหนก็ลำบากมากเลย
ที่ร้ายไปกว่านั้น มีอยู่เพียงลำพังรูปเดียวบ้าง สองรูปบ้าง ไม่เกินนี้ ภาคอีสานมีอยู่ทั่วไป น่าจะชวนนักศึกษาไปบ้างนะ จะได้บุญมากเลยทีเดียว
น่านับถึอ ท่านเหล่านั้น ที่สามารถอยู่ได้หลายสิบปี โดยมิได้สึกหาลาเพศไป เฝ้าดูแลศาสนสมบัติไว้
ดังนั้น การทำบุญ อยู่ที่ผู้กระทำว่า จะเลือกกระทำบุญที่ไหน และ กับใคร การไปวัด ก็เช่นกัน
ไม่ควรหวังว่า ทุกคนที่ไปวัด จะรู้สึกเหมือนกับที่คุณรู้สึกอยู่ เพียงหวังว่า จะจรรโลงศาสนาธรรม นั้นให้อยู่ยาวนานต่อไปอย่างไร จะดีกว่า
ตอบยาวมาก ถ้าเขียนได้คงจะได้บทความหนึ่งทีเดียว ไม่เอาล่ะ เดี๋ยว คุณพนัสจะว่า มาแย่งเขียน ล้อเล่นนะ อย่าถือเป็นจริงจังไป ทำใจให้สดชื่น ระลึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำมา จะมีความสุขมาก
สดชื่นวันละนิด จิตแจ่มใสนะ
สุข สงบ เย็น
เดียวดายกลางสายฝน