ตามจริต (8) : การขยายขอบเขตแห่งความสุข
วันนี้เป็นวันแรกของการทำงาน หลังจากกลับจากการแข่งขันกีฬาที่จังหวัดนครสวรรค์ เช้าของการทำงานวันนี้ มีเรื่องกองอยู่เต็มโต๊ะ (พระเจ้าช่วย.....กล้วยปิ้ง....แอบอุทานในใจ)
ใจเริ่มคิดแล้วว่า จะตั้งตัวอย่างไรดี ทำไมถึงมากอย่างนี้
จัดการอ่านหัวข้อทุกเรื่อง
จัดการเรียงลำดับความสำคัญ
ตั้งเป้าหมายว่าวันนี้ต้องทำให้อะไรเรียบร้อย
เรื่องที่ 1 ทำไมเรื่องนี้ไม่เรียบร้อย บอกให้น้องดำเนินการให้แต่ทำไมยังค้างอยู่
เรื่องที่ 2 เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ทำไมยังไปไม่ถึงไหน
เรื่องที่ 3 .....
เรื่องที่ 4 .....
ใจ.......เริ่มขุ่น เริ่มขุ่น เริ่มขุ่น
แต่.......มันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเรา เราฝากไว้ ในเมื่อไม่ก้าวหน้า ก็ต้องเป็นเรื่องที่เราต้องรีบดำเนินการสานต่อ
เมื่อคิดได้ ด้วยการมีสติ แทนที่จะโวยวาย แต่ใช้การลงมือทำ มันทำให้เราไม่คิดชั่ว จิตใจที่เคยคับแคบกับขยายขอบเขตแห่งความคิดดี เมื่อคิดดีสิ่งที่เกิดตามคือความสุข ความสุขเกิดได้ทุกที่ถ้าเราเกิดความพอดีในการทำงาน
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ขอบเขตแห่งความสุขได้ขยายไปถึงการทำงาน เพราะการใช้สติ
อ่านช่วงครึ่งแรกของบันทึก นึกว่าจะมีเรื่องซะแล้ววันนี้
มีบ้างครั้งที่เพื่อนร่วมงานต้องไปราชการ แล้วฝากงานให้ผมไว้ ซึ่งบ้างอย่างเราไม่สามารถตัดสินใจได้ทั้งหมด เลยต้องหยุดไว้รอให้เจ้าของงานกลับ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเราไม่อยากทำ
เห็นด้วยครับกับการคิดในทางบวกคิดดีๆ แล้วก็มีความสุขกันทุกคนครับ
โวยวายไปก็ไม่ได้งานเสร็จเหมือนเดิม
กัมปนาท
ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยม
ทวงรูปค่ะ..........
แต่ "ขู่" ไว้แล้ว ห้าม "แก่" เหมือนป้าติ๋วนะ
ฮา ๆ ๆ ๆ
คิดถึงเด็ก ๆ จัง ตกลงน้องน้ำฝนได้ MP4 หรือเปล่าค่ะ...
ขอบคุณแจ๊คครับ
ถึงแม้การทำงานปัจจุบันต้อง one stop service
แต่ควรมีการทำงานแทนกันได้ เพราะถ้าเราเป็นอะไร หรือมีกิจจำเป็นเร่งด่วน งานมันต้องดำเนินการต่อไป
ในส่วนของคณะได้ดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเขียน Job Module เป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานของแต่ละคน เพื่อว่าจะสามารถทำงานแทนกันได้ ลองเอาตัวอย่างมาให้ดู Job Module และจะได้นำมาแลกเปลี่ยนกันอีกในหลาย ๆ เรื่องค่ะ
ขอบคุณสำหรับ Job Module จะลองศึกษาและนำไปปรับใช้นะครับ เป็นแนวคิดที่ดีครับ
เพราะการผูกขาดการทำงานแต่เพียงผู้เดียวนั้น จะทำให้การพัฒนาเกิดได้ช้า แบบว่า "พวกกั๊ก" ก็มีมากครับ