กรุงเทพ ย้อนดูตน.....
ถามว่า เอาข้อมูลมาจากไหน ?
อาตมาบวชมา ๒๓ พรรษา (ปี) ...จำนวนผู้บวชตามประเพณีไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผู้สมัครใจบวชอยู่นานๆ ประจำวัดต่างๆ น้อยลงทุกปี....
ถ้าอยู่สบายจริง ก็คงจะมีพระ-เณรประจำวัดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น...
ดังนั้น ข้อมูล 1 ไม่ถูกต้อง
........
ปัจจุบันมี มหาวิทยาลัยสงฆ์ไทยอยู่ ๒ แห่ง ดูลิงค์
พระ คือผู้ละซึ่งกิเลศ แสวงหาทางสงบ ละทางโลก
ละซึ่งทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศสรรเสริญ
นักการเมือ คือ ?
หมอ คือ ?
ครูบาอาจารย์ คือ ?
ข้าราชการคือ ?
พ่อแม่คือ ?
ถามว่า กลุ่มชนที่ยกตัวอย่างมาเหล่านี้ ทำหน้าที่ตามอุดมคติที่ควรจะเป็นครบถ้วนบริบูรณ์หรือไม่ ?
นี้คือข้อมูลและคำย้อนถามบางอย่างในข้อ 2
.......
สถาบันศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ลองระบุดูซิว่า มีอะไรบ้างที่สามารถดำรงอยู่โดยมิได้เชื่อมโยงจากสิ่งอื่นๆ เลย
ส่วนประเด็นที่ว่า ไม่รู้จะทำอะไรไปบวชเป็นพระ ...
ประเด็นนี้ มีมานานแล้ว... ตั้งแต่สมัยพุทธกาลก็มีทำนองนี้แล้ว....แต่มิใช่ทั้งหมดหรือส่วนใหญ่
นี้คือ ความเห็นในข้อ 3
......
ส่วน กรุงเทพ ย้อนดูตน .... แม้ตัวเองก็มิกล้าเปิดเผย...
ถามหน่อย...
ระหว่างผู้ที่เปิดเผยและผู้ที่ปิดบังมิกล้าเปิดเผย ใครจะมีน้ำหนักหรือควรแก่การเชื่อถือมากกว่ากัน ?
เจริญพร
นมัสการพระคุณเจ้า
ขอถามอย่างผู้อ่อนด้วยธรรมะ
หากพระคิดที่จะสร้างโบสถ์ ศาลา ใหม่ (อันเดิมมีอยู่แล้ว และก็ยังใช้ได้ดี) ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ถือว่าพระมีกิเลสหรือไม่ ??
สิ่งที่ถามนี้เป็นความคิดที่ขัดแย้งในใจผมมาตลอดว่าจะสร้างไปทำไมอีก ทำไมไม่ทำให้ร่มรื่น ปลูกต้นไม้ ทำเป็นลานที่มันใช้เงินน้อยๆ ไม่ดีกว่าเหรอ ประหยัด ประหยัด ไม่อยากให้อวดวัตถุ แต่ให้อวดธรรมะ
ผมไม่ทราบว่าพระที่คิดจะสร้างสิ่งปลูกสร้างให้ใหญ่ขึ้น ถือว่าเป็นกิเลสหรือไม่ เพราะไม่รู้จริงๆ ครับว่าท่านมีเหตุผลใด (อกุศลมูล ๓, โอวาทปาฏิโมกข์)
แต่คุณ dream_farm เป็นทุกข์กับสิ่งที่ตัวไม่ได้ทำทำไมครับ
เรียนคุณ conductor
ผมไม่ได้เป็นทุกข์เลยครับ ผมถามด้วยความสงสัย เนื่องจากอ่อนด้อยด้วยธรรมะจริง ตามประโยคที่ขึ้นต้นครับ เพื่อจะได้รับทราบความจริง
เรียน BM.chaiwut
ผมไม่มีเจตนาให้ข้อมูลเท็จ แต่ในมุมของผม
คนสิ้นคิดมากมาย เลือกเป็นพระเก๊ พระปลอม
คนผิดหวัง ไม่มีฐานะ ไม่มีที่ไปเลือกเป็นพระ
ข่าวหนังสือพิมพ์มีพระจริง ยุ่งการเมือง ปลุกพระเครื่อง โกงเงินชาวบ้าน เป็นต้น
และคนดีมากมายเลือกเป็นพระ เพราะธำรงศาสนาของเรา เช่น พระ BM.chaiwut
โลกเรามีกลางคืน กับกลางวัน
ไม่ใช่พระทุกองค์ที่เป็นมิจฉาชีพ เหมือนกับที่บอกว่าไม่ใช่คนทุกคน ที่เป็นคนดี
หาข้อมูลเพิ่มเติม
+ ปัญหาของพระนอกรีด ที่ไม่ใช่ทุกองค์ http://webboard.mthai.com/52/2007-04-20/316419.html
เด็กเก่งไปเป็นหมอ หรือวิศวะ http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=9413
+ อาชีพครูเงินเดือนน้อยกว่าหมอ http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=28495
+ ทำไมวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าวัด http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=52331&page=1
+ พระใบ้หวย http://webboard.mthai.com/5/2006-06-18/245144.html
+ พระปลอม เกลื่อนออกเรี่ยไรตามตึกรายได้วันละ5พัน! http://www.hunsa.com/2005/view.php?cid=17099&catid=87
+ "ชีปลอม" ทะลักกรุง http://www.skyd.org/html/hot/fake-nun.html
เห็นด้วยครับ สมมุติสงฆ์หลายๆรูป หลายๆวัดไม่พอเพียง อาคารมูลค่าหลายสิบล้านถูกสร้างด้วยเงินของคนจนที่เขาศรัทธา แข่งกันสร้างของใหญ่ๆ
สมมุติสงฆ์เหล่านี้หลงไปกับวัตถุนิยมโดยไม่มีสติ ทำบุญหวังขึ้นสวรรค์
สร้างเจดีย์เจ็ดชั้นไม่เท่าช่ายชีวิตคนเพียงคนเดียว
"พระ เป็นอาชีพใหม่ มีตำแหน่ง มีระดับการศึกษา งานสบาย ก้าวหน้า มีการศึกษา"
อ่านแล้วใจหายครับ คือว่า ตอนนี้กำลังอยู่ใน "สมณะเพศ" หมายถึง ขณะนี้อาตมาก็กำลังบวชเป็น "พระ" อยู่ในพระพุทธศาสนาเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาไม่นานนัก แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตมากมายจริง ๆ
แต่ปกติแล้ว คนในเวป Blog gotoknow ทุกท่านจะแสดงตน หมายถึงเปิดเผยตนเอง และความเปิดเผยจริง ๆ ที่แสดงการมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างจริงใจนี่เอง นำมาซึ่งความบริสุทธิ์ใจ มองโลกอย่างง่าย ๆ และ เปิดใจมองทางบวกให้มากขึ้น แม้ว่า จะไม่สามารถแปลเจตนา ของการเขียนหัวข้อ ดังกล่าวของท่านได้อย่างแน่ชัด แต่ทัศนะส่วนตัวแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจจะเป็นเพราะความห่วงอย่างมากของท่านนั่นเอง
ปล. อ่าน Reply แรกของท่าน BM.chaiwut แล้วรู้สึกประทับใจที่ท่านได้ทำหน้าที่ของสงฆ์ได้อย่างดีเยี่ยม ในการทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา และสำหรับ ข้อมูลข่าวสารที่ตีแผ่นั้น ในมุมมองของอาตมา เห็นว่า "พระ" ที่ท่านกรุงเทพกล่าวถึงนั้น ในทางพุทธศาสนา ไม่ได้มีสภาพความเป็น "พระ" แล้ว
ขอแลกเปลี่ยนเพียงเท่านี้
เจริญพร
ในฐานะพระวัดฝายหิน มช.อีกรูปหนึ่ง
อย่าจับเอาปลาเน่าหนึ่งตัวในข้องขึ้นมาอวด ทั้งที่ปลาทั้งบ่อยังว่ายไปมา ได้อยู่
บุญรักษา ........เจริญพร โยม
มนัสการพระคุณเจ้า
ผู้อ่อนด้อยด้วยธรรมะขอถาม เพื่อความกระจ่างในข้อธรรมด้วยความจริง มิมีไรเคลือบแฝง ต้องการถามเพื่อให้รู้สิ่งที่ไม่รู้ " หากการคิดแบบลบไม่เป็นภูมิคุ้มกันที่ดี แล้วก็หันไปคิดแบบบวกจะดีอย่างไรหรือครับ"
เจริญพรโยม...
อาตมาเองก็มิได้มีธรรมะที่เข้มแข็งอะไรมากนักหรอกแต่ว่าหลักการคิดเชิงบวกหรือ positive thinking เป็นหลักการสากลของมวลเวไนยสัตว์ ซึ่งเป็นหลักธรรมชาติของการสร้างวิธีคิดและการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข หากมองในทางพุทธก็คือ กุศลจิต นั่นเอง
หลักง่ายในการที่จะเป็นคนดี ก็คือ คิดดี พูดดี ทำดีี แล้วสังคมก็จะดีตามไปด้วย
การคิดแบบบวกก็เป็นการปล่อยวางชนิดหนึ่งนะโยม อย่างเช่นเราคิดง่ายๆนะ เราทำเงินหล่น หากเราคิดว่าคนที่เก็บตังค์เราไป เอาเงินไปในทำบุญหรือไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตัวเราเองก็จะสบายใจไม่เป็นทุกข์ ไม่ร้อนใจ สิ่งดีๆก็จะตามมาเอง หากเราคิดไปในทางลบคิดว่าเขาต้องเอาตังค์เราทำโน่นทำนี่ เราก็จะร้อนใจและไม่เป็นอันทำอะไร การงานเสียไปหมด อารมณ์เสียใส่เพื่อนร่วมงาน ใส่ลูกน้อง
ในความคิดเห็นของอาตมา คิดบวกย่อมเป็นภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากกว่าคิดในทางลบ แน่นอนโยม ความคิดทางลบนอกจากจะเป็น อกุศลจิต ยังทำให้คนคิดเกิด ความระแวงสิ่งรอบตัวยิ่งๆขึ้นไป
.........เจริญพร..................
positive thinking แต่ในโลกจริงกำลังไม่เป็นเช่นนั้น สื่อหลักกำลังทำแบบเดียวกันกับการจับปลาเน่ามาอวด และทำโดยตลอดมาและอาจจะตลอดไป
ทีสมมุติสงฆ์.......หมาแล้วขึ้นหน้า 1 พอพระทำดีแล้วทำไมไม่ขึ้นหน้า 1บ้าง
นิมนต์คิดในแง่ลบขอรับ พฤติกรรมหมาปัญญายุง โลกนี้มันเสรีอยุติอธรรมเช่นนั้นเอง
เจริญพรญาติโยมชาว G2K ทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็น
เราอย่าตกเป็นเครื่องมือของเขาเลยครับ ประเด็นคำถามแบบนี้ใครอ่าน ใครคิด ใครตอบก็จะตกเป็นเครื่องมือของเขา นั่นก็คือความสำเร็จของคนตั้งคำถามครับ เพราะเขาทำให้เราบ้า ทำให้เราวิตก ทำให้เรากังวล
ทำใจให้สบาย ๆ ดีกว่าครับ
อ่านหลายความเห็นแล้ว ยังนึกถึงตอนที่พระพุทธศาสนาแยกออกเป็นหลายสำนัก หลายนิกายก็เพราะว่าบรรดาพระสาวกทั้งหลายมีความคิดเห็นแตกต่างกันตอนนี้คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ทำไมเราถึงลืมคำสอนที่พระองค์เคยสอนไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิ่งสมมติ แม้พระสงฆ์ในปัจจุบันยังเป็นสมมติสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาสก็เป็นเรื่องของสมมติสัจจะคือเป็นจริงโดยสมมติ แต่โดยพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นคนยากจน คนรวย พระ ฆราวาส พระนอกรีต ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานอย่างเดียวกันคือ "คน" แต่มักจะเรียกตัวเองว่า "มนุษย์" ผู้มีใจสูงทั้งๆที่การกระทำของแต่ละคนยังต่ำอยู่.
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนเป็นเช่นไรก็คือกุศลกรรมและอกุศลกรรม แม้บางคนจะทำชั่วซักแค่ไหน กฎหมายบ้านเมืองยังเอาผิดไม่ได้ แต่อกุศลกรรมที่ทำนั่นแหละจะเป็นตัวนำพาไปรับสิ่งที่กระทำไว้ในนรก..อาตมาเชื่ออย่างนี้
พระแย่งยศฐาบรรดาศักดิ์กันวุ่นวาย
เราอยากเรียกพระอาจารย์ฝั้น
อาจารย์มั่น หลวงปู่ขาว
อยากเรียกอย่างนี้ ปัจจุบันเรียกชื่อพระไม่ได้เพราะจำชื่อไม่ได้ มีพัดยศ มีตำแหน่ง มีเงินเดือน พุทธะตรัสไว้ เราละแล้วซึ่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ จึงออกบวช