ช่วงวันหยุดติดกันสามวันที่ผ่านมาเมื่อ5-7 พฤษภาคม ผมได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยุ่ที่บ้าน(พัก) กับครอบครัว ผมกลับจากการทำงานที่กระทรวงสาธาณณสุขถึงบ้านประมาณ 1 ทุ่มเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมแล้วก็ไปร่วมงานเลี้ยงรับเลี้ยงส่งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลบ้านตากกว่าจะเลิกก็เกือบห้าทุ่ม มาถึงบ้านก็อาบน้ำแล้วก็นอน ลูกคนเล็ก(น้องขลุ่ย)หลับไปแล้ว
เช้าวันที่ 5 ผมตื่นประมาณ 7 โมงกว่าๆ รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปร่วมงานบวชพระของนพดล(ตอนนี้เป็นพระนพดล) เจ้าหน้าที่งานบริการสุขภาพชุมชน ผมไปกับภรรยา น้องแคน น้องขิม ไปที่วัดวิเศษวานิช ตำบลสมอโคน บ้านตาก ไปที่วัดปรากฎว่าเจ้าภาพยังไม่มา ก็ได้นั่งคอยสักพัก เป็นการบวชที่เรียบง่าย ไม่มีมหรสพอะไร พอนาคมาถึงก็เข้าไปที่วิหารให้พระเทศสอนนาค เสร็จแล้วก็มีการผูกข้อมือทำขวัญนาค(ไม่มีหมอทำขวัญ เป็นแต่เพียงพ่อแม่ ญาตผู้ใหญ่ผูกข้อมือ) แล้วก็พานาคเดินเวียนรอบโบสถ์สามรอบและเข้าสุ๋พิธีบวชที่จัดขึ้นในโบสถ์
น้องแคนได้ตามผมเข้าไปในโบสถ์ด้วย ผมก็เลยถือโอกาสสอนลูกเกี่ยวกับพิธีบวช ว่าต้องทำอะไรบ้าง ขณะทีพระสวดหรือทำพิธีอยู่เขาเรียกว่าอะไรบ้าง ซึ่งน้องแคนสนใจมาก การบวชแบบนี้ใช้คณะสงฆ์เป็นผูบวช มีพระอุปัชฌาย์เป็นประธาน มีพระคู๋สวด 2 รูปเป็นผู้ช่วยและพระสงฆ์ที่มาร่วมประกอบพิธีอีก 9 รูป ผมบอกลูกว่าการบวชแบบนี้เรียกว่าสมมติสงฆ์ แต่สมัยพระพุทธเจ้าเรียกเอหิภิกขุ อุปสัมปทา จึงเป็นการเรียนวิชาพระพุทธศาสนาที่เห็นจริง
หลังจากนั้น ผมก็พาคุณแม่ ภรรยาและลูกๆ ไปทานก๊วยเตี๋ยวที่ร้านป๋องบ้านตาก เป็นก๊วยเตี๋ยวไทยธรรมดา แต่อร่อยมาก ถ้าไปบ้านตากอยากแนะนำให้ไปทาน เสร็จแล้วภรรยาผมเขาไปสอนหนังสือของ วชช.ตาก(สอนที่ รพ.บ้านตาก) ผมก็พาลูกๆกับคุณแม่ไปดูตลาดนัดต้นไม้ที่ตาก ผมซื้อต้นไม้มาหลายต้น ส่วนน้องแคนก็ซื้อปลามาเลี้ยงที่บ้าน
ตอนบ่ายกลับมาที่บ้าน ฝนตกพอประมาณ ผมก็มานั่งเพาะต้นไม้ ส่วนน้องแคนก็นำปลาที่ซื้อมาเลี้ยง ส่วนขิมกับขลุ่ยก็เล่นน้ำฝน(และลุยโคลน)อยู่หน้าบ้าน ดูเด็กๆสนุกมาก
ตอนเย็นก็ไปจ่ายตลาดที่บ้านตาก ไปซื้อกับข้าว ผมพาลูกๆเดินในตลาดสดและแนะนำให้รุ้จักผักผลไม้ที่วางขายในตลาด น้องแคนขอซื้อปลาเพื่อไปทำอาหาร พอมาถึงบ้านน้องแคนก็ทำหน้าที่พ่อครัวทอดปลาที่ซื้อมาเอง น้องแคนอายุ10 ขวบ ทำอาหารกินเองได้ทั้งแต่ 8 ขวบ เก่งกว่าผมอีก
วันอาทิตย์ตื่นเช้าสบายๆ ผมก็นอนดูการ์ตูนกับขิม ขลุ่ย ส่วนแคนก็ไปสนใจอยู่กับปลาที่เลี้ยงไว้ พอสายหน่อยผมก็ขึ้นไปทำงานที่บนโรงพยาบาลบ้านตาก พอเที่ยงก็พาครอบครัวไปทานอาหารที่ในเมืองตาก(ห่างจากบ้านตาก24กิโลเมตร) เด็กๆอยากไปทานที่ร้านป๊อปอาย เป็นอาหารแบบฝรั่งหน่อย น้องแคนอยากกินพิซซ่า ก็เลยพาไป หลังจากนั้นก็พาไปซื้อชุดนักเรียนเพราะใกล้เปิดเทอมแล้ว ปีนี้น้องขลุ่ย จะเข้าชั้นอนุบาลหนึ่ง ส่วนน้องขิมเข้าอนุบาลสองและน้องแคนเข้าชั้นปอห้า
เสร็จจาก ซื้อชุดนักเรียนก็พาไปร้านหนังสือซีเอ็ด พาเด็กๆไปเลือกหนังสืออ่าน ...
ยังเล่าไม่จบจะมาเล่าต่อใหม่ครับ
กลับมาเล่าต่อครับ ช่วงแรกอยุ่ที่กรุงเทพฯ(เมื่อตอนบ่ายโมงกว่าๆ) ตอนนี้กลับมาที่บ้านตากแล้ว (เวลา 22.11 น.)
เสร็จจากซื้อชุดนักเรียนก็จะพาลูกๆและภรรยา(น้องเอ้) ไปที่ร้านหนังสือซีเอ็อ ซึ่ง เรามักจะไปกันเกือบทุกสัปดาห์ ทั้งพ่อ แม่ ลูกก็จะไปหาและอ่านหนังสือที่แต่ละคนชอบ น้องขลุ่ยจะชอบหนังสือเกี่ยวกับพระนเรศวรและพระเจ้าตากสินมาก ซื้อมาเก็บไว้หลายเล่มแล้ว มีอยู่วันหนึ่งน้องขลุ่ยเปิดหนังสือพระนเรศวรขึ้นมาอ่าน ผมตกใจมาก ทำไมลูกอ่านหนังสือได้เพราะยังไม่ได้เข้าเรียนอนุบาลเลย ปรากฎว่าเจ้าลูกชายท่องจำไว้ได้จากการที่ย่าอ่านให้ฟังบ่อยๆ ผมเปิดดูแล้วจำได้ทุกคำในหนังสือหน้านั้นเลย ส่วนน้องขิมก็ชอบนิทานที่มีนางฟ้า ส่วนน้องแคนจะสนใจหนังสือเกี่ยวกับปลาและการเลี้ยงปลามาก ซื้อมาไว้หลายเล่มแล้วเช่นกัน
กลับจากซื้อหนังสือ ผมพาน้องแคนไปดูร้านที่เขาเพาะพันธุปลาขาย เพราะน้องแคนอยากจะไปดูว่าเขาทำอย่างไรและจะหาซื้อปลามาเลี้ยงด้วย ปรากฎว่าปิดกิจการไปหลายร้าน เหลือร้านเดียวซื้อลูกปลาดุกกับปลานิลมาอย่างละ 20 ตัวเพื่อมาทดลองเลี้ยงที่บ้าน ราคาไม่แพงตัวละ 1 บาทเท่านั้น เวลาไปขายตามตลาดตัวละ 10 บาท ต่างกันสิบเท่าเลย
หลังจากนั้นก็กลับที่บ้านตากและก็เลยจ่ายตลาดกันที่บ้านตาก แม่ค้าที่ตลาดถามผมว่า ทำไมคลินิกปิดบ่อยจัง เมื่อวันก่อนไปหา ปรากฎว่าไม่เจอ ผมเลยบอกไปว่าผมปิดคลินิกถาวรแล้วตั้งแต่ 1 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมา ซื้อกับข้าวเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่บ้านภรรยาทำกับข้าวมื้อเย็น น้องแคนจัดการเรื่องปลาที่ซื้อมาเลี้ยง ผมกับน้องขิมช่วยกันทำแปลงปลูกผักสวนครัวหลังบ้าน ผมเป็นคนขุดดินทำแปลงผัก ใส่ปุ๋ยคอก ส่วนน้องขิมเป็นคนหว่านเมล็ดผัก ทำได้ 2 แปลง ดูน้องขิมพอใจผลงานของตนเองมาก ส่วนน้องแคนก็อยากมาช่วยแต่ต้องรับผิดชอบเรื่องเลี้ยงปลา น้องขลุ่ยเองเป็นคนขอซื้อเม็ดแตงโมเพื่อมาหยอด ส่วนแปลงผักก็ปลูกผักกาด ผักชีและผักบุ้งจีน
น้องแคนอยากได้ทรายมาใส่อ่างเลี้ยงปลา ผมเลยพาไปที่แม่น้ำปิง ขิม ขลุ่ยก็ไปด้วย เนื่องจากเริ่มเย็นแล้ว ทำให้น้ำในแม่ปิงสูงขึ้นมาเล็กน้อย เราต้องขับรถไปหาท่าน้ำที่มีหาดทราย พอเจอปรากฎว่าต้องลุยน้ำไปเพราะหาดทรายอยู๋กลางน้ำ ผมสังเกตดูว่าแม่น้ำจะดูไหลแรง แต่ไม่น่าจะลึก จึงให้น้องแคนค่อยๆหย่อนตัวลงไปแต่ให้จับที่เสาไม้ท่าน้ำด้วย ส่วนผมก็คอยดูใกล้ๆ เพราะมั่นใจว่าไม่ลึกและจะสามารถช่วยเหลือเขาได้(น้องแคนว่ายน้ำได้แล้ว) แคนเดินลุยน้ำไปเอาทรายที่ชายหาด ขิมกับขลุ่ยขอไปด้วย แคนจึงให้ขิมขี่หลังไป ส่วนผมอุ้มน้องขลุ่ยไปด้วย เล่นน้ำและหาดทรายกันพักใหญ่ จึงกลับบ้าน ผมสอนแคนว่า ถ้าไม่ได้มากับพ่อ อย่าลงเล่นน้ำเด็ดขาด น้ำที่เราดูว่าไม่ลึก อาจจะลึกมาก็ได้ เด็กที่ตกน้ำส่วนใหญ่ก็เพราะคิดอย่างนี้
มื้อเย็นเรารับประทานอาหารที่บ้านฝีมือคุณแม่(ของลูกๆ) เสร็จแล้วก็นั่งดูทีวีกันแล้วก็เข้านอน
น้องแคนชอบเรื่องปลามาก พอไปดูของจริงมาก็เปิดหนังสือและอินเตอร์เน็ตอ่านว่าเป็นปลาอะไร มีลักษณะเด่นอย่างไร เลี้ยงอย่างไร กินอะไรบ้าง ตอนนี้น้องแคนรู้จักปลาเยอะมาก ตอนที่พาไปเที่ยวทะเล ไปจ่ายตลาดน้องแคนรู้จักปลาที่วางขายหมดเลย น้องแคนเรียนไม่ค่อยเก่ง อยู่ปอ 4 เรียนได้อันดับที่ 17 จาก 19 คน ในโรงเรียนประชาบาลข้างโรงพยาบาลบ้านตาก ลูกไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเรียน ไม่ค่อยทำการบ้าน แต่ลูกบอกว่าตอนกลางวันเข้าไปอ่านหนังสือห้องสมุดทุกวัน อ่านเฉพาะเรื่องที่เขาสนใจ ผมเองก็บอกครูไปว่าลูกผมจะได้คะแนนอันดับที่เท่าไหร่ ไม่ซีเรียส ขอเพียงอย่าให้สอบตกก็แล้วกันและขอให้เขาเล่นกับเพื่อนๆได้ ก็พอแล้ว และผมเองก็จะไม่ให้ลูกเรียนพิเศษด้วย ตอนปิดเทอมนี้ ผมจะพาเขาไปเรียรู้ธรรมชาติ ทุ่งนา แม่น้ำ เมื่อตอนสงกรานต์ผมให้เขาไปลอยข่ายในแม่น้ำยมกับน้าผมที่สุโขทัย เขาจับปลามาได้หลายตัว ดูเขาสนุกมาก แคนเขาชอบเลี้ยงปลา เขาบอกว่าอยากเรียนประมง ผมก็เลยพาเขาไปดูปลา ซื้อหนังสือเรื่องปลาและค่อยๆสอนเรื่องการปลูกพืชให้เขา ช่วงต้นเดือนเมษายน ก็ให้เขาไปลุยจับปลาในสระที่น้าเขาวิดสระ แคนเขาชอบมาก
วันที่ 7 เป็นวันหยุด ตอนเช้าก็ไปรดน้ำแปลงผัก ดูทีวีด้วยกัน พอตอนเที่ยงผมก็พาไปทานอาหารกลางวันที่ร้านป้าอึ่ง ซึ่งขายข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง อยู่ที่ริมน้ำปิง บ้านตาก ขณะนั่งรออาหารน้องแคน ขิม ขลุ่ย ก็จะนั่งดูปลาในแม่น้ำปิง ที่เห็นจะมีปลาเข็ม แต่โชคดีเจอปลาเสือพ่นน้ำ 1 ตัว น้องแคนตื่นเต้นมาก อยากลงไปจับ แต่เนื่องจากผมดูแล้ววันนี้น้ำลึก ไหลแรงและทางลงก็เป็นดินโคลนลื่น จึงไม่ได้ให้ลงไป ที่ร้านป้าอึ่ง น้องขิมจะชอบทานซุปหน่อไม้มาก พอทานอาหารเสร็จก็ทานไอศครีมต่อ
หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เราก็ไปไหว้พระที่วัดพระบรมธาตุ ที่มีเจดีย์แบบชเวดากองและหลวงพ่อทันใจ ซึ่งเราไปไหว้กันเกือบทุกสัปดาห์เช่นกัน
กลับถึงบ้านประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง ผมก็เดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สุโขทัยเพื่อไปช่วยงานที่สำนักงานรัฐมนตรี
วันนี้(9พ.ค.) กลับบ้านลงเครื่องที่สุโขทัย พี่คำ(คนขับรถ) ไปรับ พร้อมกับแม่ผม และแคน ขิม ขลุ่ย ก็ตามไปด้วย ผมแวะไปหายายผมที่บ้านที่ห่างจากสนามบินสุโขทัยประมาณ 15 กิโลเมตร เพื่อพาแม่ผมและลูกๆไปหายาย(ผม) และญาติๆ ทุกครั้งที่ผมพาลูกๆกลับบ้าน ผมจะให้เขาไปไหว้รูปและโกฐกระดูกพ่อผมเสมอ เพื่อให้ลูกระลึกถึงปู่ ซึ่งน้องขิมเคยบอกว่าฝันเห็นปู่บ่อยๆ ทั้งที่ลูกไม่เคยเจอพ่อผมเลย นอกจากนี้การกลับบ้านที่สุโขทัยทำให้ลูกๆได้สานสัมพันธ์และคุ้นเคยกับญาติพี่น้องเพื่อให้เขาเห็นความสำคัญของเครือญาติ ก่อนแวะไปที่บ้าน ผมแวะไปที่สวนที่ผมปลูกไว้อยู่ใกล้ๆบ้าน ทำเลดีมากอยู่ข้างๆทุ่งนา มีอยุ่ 4 ไร่ ตอนนี้ต้นไม้เริ่มโต บางต้นออกผลแล้ว ผมพยายามจะทำเป็นแบบสวนผสม ลูกๆจะผูกพันกับที่แปลงนี้มากเพราะผมบอกเขาเสมอว่าที่นี่คือของพวกเขา ต้นไม้ที่ปลูกทุกต้นลูกๆจะอยู่ในเหตุการร์ด้วย ช่วยยกปุ๋ย พรวนดิน ยกกล้าไม้ เขาจึงได้เห็นตั้งแต่เริ่มปลูก ด้านหลังเป็นสระเลี้ยงปลาที่น้องแคนชอบมากและตั้งใจจะมาเลี้ยงปลาไว้
วันนี้กลับมาถึงบ้านตากประมาณ 2 ทุ่ม จึงได้ทานอาหารเย็นกัน แล้วก็มานั่งเล่าในบันทึกนี้ครับ
บันทึกนี้อาจดูไร้สาระสำหรับท่านผู้อ่านไปบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยครับ เป็นเรื่องเล็กๆของครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่ง ณ มุมหนึ่งของเมืองไทยครับ
เรียนท่านอาจารย์ หมอพิเชฐ
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นครับ ฝากความระลึกถึงคุณย่า และ คุณยาย ด้วยครับ
ขอบคุณอาจารย์หมอเจเจ คุณน้องและอาจารย์ขจิตครับ ที่ตามมาให้กำลังใจและระลึกถึง ผมไม่ได้แวะเวียนไปหาใครเลย งานยุ่งมาก แต่ก็พยายามปลีกตัวมาเขียน ช่วงก่อนๆเข้าไปอ่านแต่ไม่มีเวลาเขียน ช่วงนี้เขียนบ้าง เลยลดเวลาอ่านลงไปครับ
เรียนอาจารย์ขจิตครับ ลูกผมสามคนชื่อเป็นดนตรีไทยคือแคน ขิม ขลุ่ย ทั้งสามคนเกิดวันที่เดียวกันหมดคือวันที่ 3 แต่เดือนจะเรียงกันสามฤดูคือร้อน(เมษา) ฝน(สิงหา)และหนาว(ธันวา)ครับ และทั้งสามคนผมเป็นคนทำคลอดเองด้วยครับ