คิดเรื่องงาน (4) : บ้านหลังที่สองของชีวิต


ผมมีเหตุผลหลักที่ยึดมั่นอย่างไม่คลอนคลาย นั่นก็คือ "ความรักและความศรัทธาต่อองค์กร"

ในโลกการทำงาน,  เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า   เพราะเหตุใดจึงปักหลักปักใจทำงานอยู่กับองค์กรนั้นอย่างยาวนาน, 

 

ไม่มีที่ไป,  รายได้ดี  มั่นคง เป็นกอบเป็นกำ,  ใกล้บ้าน,  เจ้านายใจดี, เพื่อนร่วมงานมีน้ำใจ,  มีโอกาสก้าวหน้าในเร็ววันนี้  หรืออื่น ๆ อีกมากมายก่ายกองที่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนเป็นที่ตั้ง

 

ผมถูกตั้งคำถามเช่นนี้จากคนรอบข้างอยู่บ่อยครั้ง   และถามในทำนองว่าเหตุใดจึงจมปลักและจ่มจ่อมอยู่เช่นนี้  ทั้ง ๆ  ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา   มีโอกาสไม่น้อยต่อการก้าวไปสู่ความก้าวหน้าทางอาชีพในองค์กรอื่น

 

เป็นคำถามที่ผมไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานต่อการให้คำตอบ  เพราะคำตอบของวันนี้  เป็นคำตอบเดียวกับเมื่อ 10  ปีที่แล้ว

 

ก่อนเข้ามาเป็นบุคคลากรตัวน้อย ๆ ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้   ผมเคยใช้ชีวิตในโลกการทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ   ผมมีรายได้มากกว่าปัจจุบัน  และมีโอกาสที่จะก้าวหน้าอยู่อย่างต่อเนื่อง   รวมถึงการสอบเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ  แต่สุดท้ายก็ละทิ้งโอกาสการเข้าสู่มหาวิทยาลัยแห่งนั้น   เพียงเพราะปรารถนาที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่ตนเอง "เคารพรัก"

 

ผมตัดสินใจทิ้งการงานที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำโดยไม่ใยดีต่อคำทัดทานของผู้บริหารองค์กร    มุ่งหน้ากลับมารับราชการใน  มหาวิทยาลัยที่เป็นเสมือน "มารดาทางความรู้"  ของตนเอง 

 

ผมรู้สึกเสมอว่า   มหาวิทยาลัยเป็นองค์กร   หรือสถาบันที่มีพระคุณต่อผม  ที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  เป็นส่วนหนึ่งของการหล่อหลอมและสร้างผมมาอย่างมี "ตัวตน"   เมื่อมีโอกาสเข้ามาทำงานในจุดที่ตัวเราเองมีตัวตนที่ชัดเจนเช่นนี้   ผมจึงยิ่งสบายใจ   เพราะเป็นการมาทำงาน "ต่อยอด"  ในสิ่งที่เราเคยได้ร่วมก่อร่างสร้างตำนานไว้บ้างแล้ว   ไม่ใช่การมารื้อใหม่  หรือสร้างใหม่เสียทั้งหมด

 

ผมกำลังบอกว่าวันนั้นและวันนี้ที่นับเวลา 10  ปีของการทำงาน  ผมมีเหตุผลหลักที่ยึดมั่นอย่างไม่คลอนคลาย  นั่นก็คือ  "ความรักและความศรัทธาต่อองค์กร"  และนี่ก็คือต้นทุนที่มีอยู่อย่างมากล้นในจิตใต้สำนึกของผม  ....

 

เมื่อไม่เคยสูญเสียความรักและความศรัทธาต่อองค์กร   ผมจึงไม่เคยสูญสิ้นกำลังใจที่จะทำงานให้กับองค์กรอย่างสิ้นคิด  และไม่เคยมีแม้แต่วูบเดียวที่จะบอกกับตนเองว่า  "เช้าชามเย็นชาม" ..

 

ผมมีความสุขกับการทำงานที่นี่ ,    มีความสุขที่ได้ทุ่มเทความคิดและแรงกายอย่างไม่ลดละ   เพราะผมรู้สึกเสมอว่า  การทำงานในทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นการทำงานเพื่อทดแทนสถาบันอันเป็นที่รักของตนเอง

 

ความรักและความศรัทธาที่มีต่อองค์กร  ช่วยให้ผมทำงานได้อย่างไม่ลังเล  ..  และถึงแม้จะเหนื่อย   หรือสับสนไปบ้างในบางจังหวะ  แต่ผมก็ไม่เคยสูญเสียศรัทธาที่มีต่อองค์กร ... ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้นี่เองที่ช่วยให้ผมมีจุดยึดอย่างมั่นคง   และกล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อองค์กร

 

ผมไม่เคยแม้แต่ที่จะคิดว่าหน่วยงานเป็น  "อู่ข้าวอู่น้ำ"   แต่กลับตระหนักอยู่ทุกขณะจิตว่า   หน่วยงานที่กำลังทำงานอยู่นี้   เป็นเสมือน "บ้านหลังที่สอง"  ของผม  !

 

ผมจึงทำงานอย่างมีความสุข  ราวกับได้ดูแลต่อเติมบ้านอยู่ทุกฤดูกาล   หรือแม้แต่การปลูกบ้านหลังใหม่ให้คนในครอบครัวได้เข้าไปพักพิง....

แล้วท่านล่ะครับ ....  ท่านมีทัศนะต่อองค์กร  หรือหน่วยงานที่กำลังทำงานอยู่อย่างไรบ้าง   .... 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 94907เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2007 06:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 13:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

เรียนท่านแผ่นดิน

 "บ้านหลังที่ ๒ ครองงาน ครองฅน"

 บางท่านไม่ได้ใส่ใจบ้านหลังนี้เท่าใด เห็นเป็นเพียงแค่ทางผ่าน หรือ แหล่งประลองวิชาเท่านั้น

 บ้านหลังที่ ๒ สร้างองค์กู ให้มีตัวตน และ ทำให้องค์กร มีชีวิต ขึ้นมาได้ครับ

สำหรับน้อง...

  • บ้านหลังแรก คือบ้านที่เชียงใหม่
  • บ้านหลังที่สอง คือ ม.เชียงใหม่ 
  • บ้านหลังที่สาม คือ ม.ขอนแก่นนี่เองค่ะ
  • ดิฉันคิดว่าที่ทำงานคือบ้านหลังที่ 2 บ้านที่เราต้องดูแล ต้องทำให้มั่นคง  ดูน่าอยู่  เพื่อการอยู่อย่างเป็นสุขของทุกคนในบ้าน
  • แม้ว่าบางครั้งเราจะเหนื่อย ท้อ ต่อการดูแลบ้าน ที่บางคนในบ้านละเลย
  • แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเราคิดว่าที่นี่คือบ้าน...เราก็ยินดีที่จะทำต่อไป
  • ขอบคุณที่ทำให้ได้หวลนึกถึง...บ้านหลังที่ 2 ค่ะ
  • เรามีความคิดที่เหมือนกันหลายอย่างนะน้องแผ่นดิน
  • มีเพื่อนพ้องถามหลายว่าพี่น่าจะไปทำงานอื่น แต่พี่ตอบว่า "พี่เป็นลูกพระบิดา กรมหลวงสงขลานครินทร์ เพราะพี่เป็นศิษย์เก่าม.อ." มีความมุ่งมั่น ต้องการสร้างความเจริญให้กับรุ่นน้อง
  • เพราะพี่พูดเสมอว่าม.อ.เปรียบเสมือน   "บ้านหลังที่สอง"  ของพี่เช่นกันค่ะ

ม ขอนแก่น ก็เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2

มีความรู้สึกตลอดมาว่า อยู่ใน ม. แล้ว รู้สึกถึงความปลอดภัย ไม่ว่าจะกลางวัน หรือกลางคืน

อยู่ใน ม. มาตั้งแต่ มาเรียนปริญญาตรี จนป่านนี้ ยังไม่ได้ไปใหนเลย

สวัสดีครับ อาจารย์หมอ JJ ขอบพระคุณในทุกทัศนะและทุกคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อผมมาก ต้นทุนที่ดีของการทำงานในองค์กร ก็คือ ทัศนคติที่ดี ซึ่งประกอบด้วย รัก, ผูกพัน และศรัทธา ต่อองค์กรที่เป็นเสมือนบ้าน ... ถ้าเป็นเช่นนั้นได้จริง ... องค์กรก็จะเกิดการพัฒนาและตัวเราเองก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน ....ขอบพระคุณครับ...
สวัสดีครับ คุณพิชชา บ้านหลังแรก คือบ้านที่เชียงใหม่ บ้านหลังที่สอง คือ ม.เชียงใหม่ บ้านหลังที่สาม คือ ม.ขอนแก่นนี่เองค่ะ ... แล้วบ้านหลังต่อไปล่ะครับ...ปลงใจแต่งงานที่ไหน น้อ..ยิ้ม ๆ
  • ดีใจที่ที่ทำงานเป็นบ้านหลังที่สอง
  • ขอให้มีความสุขกับการทำงานมากๆๆนะครับ
  • ขอบคุณครับ
  • มีน้องลูกช้างมาฝาก
  •  ที่นี่ครับ

สมเป็นลูกในบ้านว่านในสวนของ ม.มส. แท้ ๆ

เมืองไทย บ้านหลังเดียวของ ผมครับ

ตอบเวอร์ไปป่ะครับ

...

ที่มมส ฝนตก ลมแรงมั้ยครับ

สวัสดีครับ อาจารย์ลำดวน ... ขอบพระคุณอาจารย์มากครับที่แวะมาให้กำลังใจ และช่วยยืนยันแนวคิด หรือทัศนคติที่ควรมีต่อหน่วยงาน... ถึงแม้จะเหนื่อยล้าสักแค่ไหน และความเหนื่อยล้านั้นอาจมาจากการกระทำของเรา หรือแม้แต่คนอื่น เราก็ไม่เคยละทิ้งหน่วยงาน เพราะตระหนักเสมอว่า ที่นี่ คือ "บ้านหลังที่สอง" ...ที่เราต้องดูแลและรักษาอย่างใกล้ชิด
สวัสดีครับ พี่อัมพร... เพียงเพราะเป็นคนกิจกรรมนี่เองที่ทำให้รู้สึกรักสถาบันอย่างเข้มข้น ... ผมเคยต่อต้านการเคลื่อนไหวของบางกลุ่มบ้าง ซึ่งผมมักจะถูกทาบถามไปร่วมขบวนการต่าง ๆ แต่ผมก็ไม่เคยหลงทางไปกับกระแสนั้น... และไม่เป็นเครื่องมือใคร แต่ก็ย้ำเตือนว่า อย่าทำให้มหาวิทยาลัยบอบช้ำ...ถ้าวันหนึ่งเราทนไม่ได้ เราจะพานิสิตลุกขึ้นมายุติทุกอย่างเอง...และแล้วผมกับนิสิตก็ลุกขึ้นมาปกป้องมหาวิทยาลัย...
สวัสดีครับ คุณกาเหว่า รัก ผูกพันและศรัทธา คือเหตุผลของการดำรงอยู่ในมหาวิทยาลัยสืบมาใช่ไหมครับ...ขอให้มีความสุขกับบ้านนี้มาก ๆ นะครับ..เสมอไปและตลอดไป
สวัสดีครับ อ.ขจิต เมื่อตอนกลางวันถือโอกาสแวะไปเยี่ยมน้องลูกช้าง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ... ขอบคุณมากครับที่แวะมาให้กำลังใจ เช่นกันนะครับ..ขอให้ อ.ขจิต มีความสุขกับการงานและชีวิตเสมอไป

สวัสดีครับ อ.ขุน

P

พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็น "เด็ก มมส"  ที่รักและหลงใหล มมส เป็นชีวิตจิตใจ.

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ  คุณตาหยู

P

ไม่เวอร์หรอกครับ...ผมมีประเทศไทย เป็นบ้านหลังใหญ่ของผมเหมือนกัน...

ช่วงนี้สารคามมีฝนตกอยู่บ่อยครั้ง  วันเว้นวันก็มี...แต่ไม่ถึงกับตกแรงดังที่ใจอยากจะให้เป็น

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับ
   ดีใจที่ได้อ่านแล้วพบว่ามีอะไรคล้ายๆกัน .. แต่ผมขอเสริมว่า นอกจากความรู้สึกดีที่ได้ทดแทนคุณ ด้วยการมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ดูแล  พัฒนา  รักษาบ้านเก่าแล้ว  แท้จริงยังมีสิ่งหนึ่งที่มัดใจเราอยู่นั่นคือ ผลที่เกิดกับคนที่ผ่านเข้ามาในระบบที่เราทำหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่ .. ชีวิต จิตใจของคนเหล่านั้นได้รับการพัฒนากล่อมเกลาโดยมีเราเข้าไปมีส่วนร่วม มากบ้าง น้อยบ้าง เราเหนื่อยแต่ก็สุขใจกับหน้าที่ด้วยเหตุนี้ด้วยกระมังครับ  กรณีของผมนั้น 30 ปีกว่าแล้ว ไม่คิดจะย้ายไปไหน เช่นกันทั้งที่โอกาสมีเงินมากรออยู่อย่างชัดแจ้ง แต่ไม่ใช่ทางของเราก็เลยไม่ไปครับ มีบันทึกเก่าที่พอจะเชื่อมโยงกับเรื่องเหล่านี้ได้บ้างครับ

สวัสดีครับ

P

ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับทราบว่า  บันทึกของผมบันทึกนี้มีแนวคิดที่สอดรับกับแนวคิดของท่านอาจารย์ 

เมื่อสักครู่ผมได้เข้าไปอ่านบันทึกที่ท่านอาจารย์ได้แนะนำไว้แล้ว,  ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะทัศนคติที่ดีที่มีต่อการดำรงชีวิตและการทำงาน

ขอบพระคุณอีกครั้ง,  ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท