กลเม็ดแก็งค์ล้วงกระเป๋า


กลเม็ดแก็งค์ล้วงกระเป๋า


 

จากข่าวเบื้องหลังการล้วง.......”มนตรี รุ่งรัศมีหรือ อ๊อดหนุ่มใหญ่วัย 32 ปี ชาวกรุงเก่า ผู้พลิกผันจากงานชิปปิ้งมาเป็นแก๊งล้วงกระเป๋าตั้งแต่เขามีวัยเพียง 18 ปี หลังจาก จุดประกายได้ติดต่อขอให้เขาเปิดเผยเรื่องราวไว้เป็นอุทาหรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้คนในสังคมต้องตกเป็นเหยื่อ

 

          เขาทำงานเป็นชิปปิ้งในการท่าเรือแห่งประเทศไทย รายได้ก็ตกราวเดือนละ 8,000-9,000 บาท ซึ่งก็พออยู่ได้ เพราะเขาพักอาศัยอยู่ในชุมชนคลองเตย อ๊อดบอกแล้วก็เล่าต่อว่าพอเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ชีวิตก็ผกผัน รายได้ก็ลดน้อยลง จากจุดนี้เองทำให้เขาได้รู้จักเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ใกล้กันในชุมชนคลองเตยนั่นเอง ทุก ๆ วันเพื่อนรุ่นพี่คนนี้จะแต่งกายภูมิฐาน มีเงินใช้สอยไม่ขาดมือ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำงานอะไรเลย


          กระทั่งวันหนึ่ง หลังจากรู้จักกันมากขึ้นแล้ว เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ก็เอ่ยปากชักชวนให้เขาเข้าร่วม แก๊งล้วงกระเป๋าผมกำลังตกงาน ไม่มีเงินใช้ ก็เลยตกลงรับปากเข้าร่วมแก๊งทันที  หัวหน้าแก๊งก็จะสอนวิธีการล้วงกระเป๋าในเบื้องต้นให้ ก่อนที่จะให้เข้าร่วมปฏิบัติการล้วงกระเป๋า งานชิ้นแรกในการปฏิบัติการล้วงกระเป๋าที่ อ๊อดได้รับมอบหมายก็คือ “‘กัน-ยืนบังเหยื่อไม่ให้รู้สึกตัว   โดยหัวหน้าจะเป็นคนล้วงกระเป๋าเอง

 

อ๊อดบอกว่าก่อนออกปฏิบัติการแต่ละครั้ง หัวหน้าแก๊งจะเรียกสมาชิกราว 5-6 คน มาประชุมหารือนัดแนะวิธีการทำงานก่อนที่จะแบ่งหน้าที่กันทำว่าใครต้องล้วง ใครต้องบัง ใครต้องรับของที่ล้วงมาได้แล้วหลบหนี  เขาบอกว่าทุกครั้งที่พวกเขาออกปฏิบัติการ ทุกคนจะสวมเสื้อแขนยาว ผูกเนคไท ดูแล้วสะอาด ภูมิฐาน บางคนใส่สร้อยคอทองคำ สวมสร้อยข้อมือทองคำ ทำให้เห็นว่าเป็นคนมีฐานะ มีเงิน เพื่ออำพรางตัวเองไม่ให้คนสงสัยว่าเป็นพวกแก๊งมิจฉาชีพ

 

ช่วงเวลาลงมือก็จะเริ่มตั้งแต่ตีห้าไปจนถึงประมาณเจ็ดโมงเช้า อีกรอบตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไปจนถึงค่ำ เพราะทั้งสองช่วงนี้ มีคนพลุกพล่าน ทุกคนจะรีบเดินทางกลับบ้าน จุดที่มีคนพลุกพล่านจะเป็นป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้า สยามสแควร์ มาบุญครอง เซ็นทรัล หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งสถานีรถไฟ สถานีขนส่งทุกจุดในกรุงเทพฯ  พูดง่ายๆ ทุกจุดที่เป็นแหล่งชุมชน
ย่านที่คนอยู่หนาแน่นและพลุกพล่าน

 

สำหรับอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการล้วงกระเป๋าก็จะมีกระดาษหนังสือพิมพ์ สมุด เอกสารขนาดใหญ่ ถุงกระดาษ อย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับใช้ปิดบังตอนล้วงกระเป๋า เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น  เป้าหมายของพวกเราจะเน้นผู้หญิงแต่งตัวดี สะพายกระเป๋ามีราคา ดูแล้วมีฐานะ ไม่จำกัดอายุว่าจะต้องเท่าได โดยหัวหน้าจะเป็นคนคอยเล็งดูเหยื่อว่าคนไหน ถ้าเจอเหยื่อแล้วก็จะส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมทีมปฏิบัติการรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อสีอะไร แล้วลูกทีมก็จะเดินทางตามประกบ ถ้าเหยื่อขึ้นรถเมล์ ลูกทีมก็จะขึ้นตามไปยืนประกบทั้งข้างหน้าข้างหลัง เพื่อไม่ให้เหยื่อขยับตัวได้ จากนั้นหัวหน้าทีมผู้มีความชำนาญการล้วงกระเป๋าก็จะเดินเข้ามาหาเหยื่อแล้วใช้กระดาษที่เตรียมมายกขึ้นบัง มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบกระเป๋าเงินออกมา ผมบอกได้เลยว่าคนล้วงกระเป๋าเป็นคนมือเบาและรวดเร็วมาก จนเหยื่อไม่รู้ตัวเลยอ๊อดยืนยันพร้อมกับบอกว่าเมื่อทำสำเร็จแล้วทุกคนก็ทะยอยกันลงจากรถเมล์ตามจุดต่าง ๆ ก่อนที่จะมาพบกันที่บ้านเพื่อแบ่งเงินกัน ทุกครั้งที่ทำสำเร็จหัวหน้าแก๊งจะไม่ยอมบอกว่าได้มาเท่าไร แต่จะแบ่งให้ลูกน้องคนละ 500.- - 1,000.- บาทเท่านั้น ก็แล้วแต่จำนวนเงินล้วงมาได้มากน้อยแค่ไหน บางครั้งล้วงกระเป๋ามาแล้วไม่ได้เงินเลยก็มี รายที่ได้มากที่สุดมาจากบัตรเอทีเอ็มที่อยู่ในกระเป๋า มีหมายเลขรหัสมาด้วย ตอนนั้นไปกดเงินได้เกือบหนึ่งแสนบาท 

อ๊อดเล่าถึงปฏิบัติการล้วงกระเป๋าครั้งแรก โดยเขาบอกว่า เป็น การเริ่มต้นฝึกน้องใหม่ว่า เกิดขึ้นที่ป้ายรถเมล์ ถนนพระราม 4 เพราะใกล้บ้านแล้วก็มีคนน้อย ผมเริ่มทำงานครั้งแรกตื่นเต้น กลัวมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่ก็ต้องทำเพื่อเงิน ตอนนั้นทำกันเพียง แค่ 2 คน แต่จะมีหัวหน้าคอยสอนและชี้ให้จับเหยื่อว่าเป็นใคร คนไหน แต่งกายอย่างไรเมื่อได้ เหยื่อซึ่งเป็นผู้หญิงแล้ว เขาจะเดินตามประกบขึ้นรถเมล์ยืนอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา เมื่อหัวหน้าเดินถือกระดาษหนึ่งแผ่น เข้ามายืนข้าง ๆ เหยื่อแล้วใช้มือล้วงกระเป๋าเงินไป กระทั่งเขาเองยังไม่รู้เลยว่าหัวหน้าล้วงกระเป๋าเงินไปตั้งแต่ตอนไหน ครั้งแรกผมได้ส่วนแบ่งเพียง 500.- บาทเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเงินที่ล้วงมาได้มีท่าไหร่อ๊อดบอกพร้อมกับเล่าว่ากระเป๋าส่วนใหญ่ที่เขาล้วง ผู้หญิงที่เป็นเหยื่อมักจะสะพายไว้ข้างลำตัวหรือไม่ก็ไพล่ไว้ข้างหลัง

 

ข้อมูลนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ชั้นดีสำหรับคุณผู้หญิงเวลาขึ้นรถเมล์ แก๊งของอ๊อดจะปฏิบัติการล้วงกระเป๋าโดยไม่มีการกำหนดเวลาว่าวันละกี่ครั้ง บางวันทำงานแค่ครั้งเดียวได้เงินจำนวนมากก็พอใจแล้ว บางวันล้วงกระเป๋าแล้วไม่ได้เงินก็จะออกไปทำใหม่จนกว่าจะได้เงินเพียงพอ แต่จะไม่ล้วงกระเป๋าในสถานที่เดียวกันภายในวันนั้น ต้องเปลี่ยนไปทำที่อื่นแทน ถ้าล้วงกระเป๋าที่ป้ายรถเมล์หน้าห้างมาบุญครองแล้วจะไม่กลับไปทำอีก ต้องไปทำที่อื่นก่อน พอผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนค่อยกลับมาหากินที่เดิมจะทำอย่างนี้เป็นประจำ

 

ถ้าทำที่เดิมเป็นประจำจะมีคนจำหน้าได้ หรือบางทีจะมีตำรวจสายสืบอยู่ พวกมิจฉาชีพจะรู้ว่านี่คือตำรวจ ก็จะไม่ลงมือทำงาน  อ๊อดยอมรับว่าเคยมีบ้างเหมือนกันที่ล้วงกระเป๋าแล้วมีตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จะมีวิธีการหลบหนีด้วยการโยนกระเป๋าที่ล้วงมาได้ให้กับเพื่อนร่วมทีมอีกคนวิ่งหลบหนีไปก่อน เพื่อนร่วมทีมที่เหลือก็จะแกล้งเดินชนตำรวจ  เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
หรือถ้าถูกจับก็ไม่มีของกลางแล้ว ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้

 

ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานกับแก๊งล้วงกระเป๋ามาเกือบ 10 ปี ไม่เคยโดนถูกตำรวจหรือเหยื่อจับได้เลย ลูกพี่ผมเคยโดนตำรวจจับมาหลายครั้ง สุดท้ายพอออกมาได้แล้วก็มาทำเหมือนเดิมอีก เพราะพวกแก๊งล้วงกระเป๋าส่วนใหญ่จะติดเฮโรอีน เคยติดคุกมาก่อน เช่น พี่ยุทธ พี่ศักดิ์ พี่เป็ด พี่แดง พี่ปุ๊  อ๊อดยืนยัน เขาบอกว่าแก๊งล้วงกระเป๋าส่วนใหญ่พอได้เงินมาก็ซื้อผงขาว บางคนตายเพราะฉีดเฮโรอีนเกินขนาด บางคนมีเงินซื้อบ้านหลังใหญ่โต บางคนติดคุก บางคนแก่ตาย  แต่เด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามายึดอาชีพแก๊งล้วงกระเป๋าก็ทำได้ไม่ดี เพราะไม่มีใครสอนวิชาให้ ประกอบกับเด็กรุ่นใหม่ใจไม่กล้าพอที่จะทำงาน อ๊อดบอกด้วยเสียงหนักแน่นว่าตอนนี้เขาหันหลังให้กับแก๊งล้วงกระเป๋าในชุมชนคลองเตยอย่างเด็ดขาดนานแล้ว เพราะถูกเอาเปรียบจากหัวหน้าแก๊ง เนื่องจากทุกครั้งจะแบ่งให้ลูกน้องแค่คนละ 500.- -1,000.- บาทเท่านั้น โดยไม่มีโอกาสรู้เลยว่าหัวหน้าได้เท่าไร ลูกน้องจะถูกเอาเปรียบตลอด

 เขาบอกทิ้งท้ายเพื่อเตือนหญิงสาวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งล้วงกระเป๋าว่าควรสังเกตผู้ชายแต่งตัวดี ดูมีฐานะ ถือหนังสือตำราเรียน กระดาษ เอกสารขนาดใหญ่ ถ้าหากเดินเข้าใกล้ให้รีบหนีทันที โดยเฉพาะช่วงเวลาเย็น จะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงเวลาของแก๊งล้วงกระเป๋าออกปฏิบัติการ ถ้าอยู่บนรถเมล์หรือยืนรอรถเมล์ ถ้าหากมีคนมายืนเบียดข้าง ๆ ตลอดเวลา จะต้องระวังให้ดี นักล้วงกระเป๋ากำลังเริ่มปฏิบัติการแล้ว 

ปฏิบัติการล้วงกระเป๋าที่ได้รับการถ่ายทอดจากประสบการณ์ของ อ๊อดจะเป็นอุทาหรณ์เตือนให้ผู้หญิงได้มีความระมัดระวัง ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของจิ้งจอกสังคมเมืองหลวง

คำสำคัญ (Tags): #อุทาหรณ์
หมายเลขบันทึก: 94083เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2007 14:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท