เดินจากบ้านที่เตรียมบายศรีตัดเข้าไปในหมู่บ้าน ถามทางไปบ้านผู้ใหญ่ชวน พี่ป้าน้าอาชี้บอกทางและบางคนเดินตามมาส่งอีกต่างหาก พอมาถึงก็จัดแจงยกเครื่องวีข้าวแบบใช้แรงคนออกมากลางลานเพื่อสาธิตการวีข้าวลีบออกจากข้าวเปลือก ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องจักรจัดการให้หมดแล้วเครื่องใช้มือจึงไม่ค่อยได้ใช้แล้ว บางบ้านปล่อยให้ผุพังไปโดยไม่ได้จัดการอะไร
ลานตากข้าวเปลือก นิยมตากตามลานหน้าบ้าน
เครื่องวี (พัด) ข้าวแรงคน วิธีการใช้ง่ายๆ เพียงนำข้าวเปลือกใส่ลงในเครื่องและหมุนเครื่องให้เกิดลมพัดเอาข้าวที่เบากว่าออกทางด้านบนและข้าวที่หนักกว่าจะถูกส่งลงมากองกับพื้นด้านหน้า ใช้คนทำงานอย่างน้อย 3 คน ได้แก่ คนตักข้าวใส่เครื่องด้านบน คนหมุนให้เกิดลมพัด และคนคอยกวาดข้าวให้ออกห่างจากเครื่องเพื่อเปิดทางให้ข้าวที่เหลืออยู่ในถังด้านบนตกลงมาได้สะดวกขึ้น และอาจมีบางคนที่เหลือคอยคนให้ข้าวร่วงลงมาง่ายขึ้นจากเครื่องข้างบนซึ่งบางครั้งจำเป็นและบางทีไม่ต้องก็ได้
แต่วันนี้เรามีสมาชิกมาช่วยออกแรงหลายคน ข้าวกองโตๆ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็จัดการเรียบร้อย หลังจากนำข้าวใส่กระสอบเรียบร้อยแล้ว ผู้มาร่วมออกแรงได้ของกำนัลเป็นน้ำสีเหลืองอำพัน 1 ขวดกลม หัวเราะกันครื้นเครงไป
***หมายเหตุตบท้าย หนึ่ง บ้านในชนบทไทยเรา ไม่มีรั้วเหมือนในเมือง เดินทะลุถึงกันหมดไม่มีซอย ที่สำคัญไม่มีใครหลงทาง
***หมายเหตุตบท้าย สอง พึ่งรู้ว่าพี่นิด (สุวรรณา) เก่งเรื่องการจัดการข้าวเปลือก ข้าวลีบ เพราะโตมากับโรงสีข้าว มิน่าช่วยเขาทำงานคล่องซะขนาดนั้น