คนไม่มีหัวใจ


ดิฉั้นชินชากับความคิดถึงเพราะจมจ่อมนอนขลุกอยู่กันจนชาชินกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปโดยปริยาย ไม่รู้สึกอะไรกับการต้องอยู่โดยลำพัง ไม่คิดถึงใครให้ทรมานตัวเอง

ดิฉั้นมีพี่น้อง 9 คน เรียกได้ว่าพี่ พี่เป็นคนเลี้ยงน้องถัดๆ กันมาตามลำดับในวัยเด็กเราชินกับการดูแลตัวเอง..ตัดสินใจและจัดการตนเอง เข้ามาอยู่เมืองกรุงตั้งแต่จบมัธยมต้นใคความดูแลของพี่ชายอายุ 20 ต้น ๆ ซึ่งทำงานไปเรียนต่อไปด้วย ไม่ค่อยได้ดูแลน้องพูดกันเพียงเงินหมดแล้วยัง..เป็นสิบวันกว่าจะถามกันที...ติดต่อสื่อสารกับทางบ้านใช้การเขียนจดหมาย โทรเลข ไม่มีโทรศัพท์มือถือดังเช่นทุกวันนี้ รู้สึกเศร้า เหงา คิดถึงบ้านก็ต้องเก็บงำไว้ไม่ได้เล่าง่ายบอกง่ายเช่นทุกวันนี้ นี่ถ้าเจ้าความเหงาทำให้คนตายได้ดิฉั้นคงตายไปแล้วเป็นความชินชากับความคิดถึงแม่คิดถึงบ้านจมจ่อมขลุกอยู่กันจนกลายเป็นเพื่อนสนิทไปโดยปริยายไม่รู้สึกอะไรกับการต้องอยู่โดยลำพังสัญชาติญาณการอยู่รอดสอนให้ดิฉั้นคิดว่าเราต้องอยู่ได้ด้วยตนเองไม่เอาใจไปผูกไว้กับใครหรืออะไร ดิฉั้นกลายเป็นคนแข็งไม่ค่อยปริปากแสดงอารมณ์..รัก..โกรธ..ไม่พอใจให้ใครเห็นเพราะหากดิฉั้นตามใจตนเองมัวคิดถึงบ้านคิดถึงแม่..โกรธพี่ที่มัวแต่ทำงานมัวแต่เรียนจนพาลเศร้าสร้อยไม่อยู่กับหน้าที่ที่ต้องทำในปัจจุบัน..ดิฉันก็จะเรียนหนังสือไม่ได้เที่ยวเล่นคะนอง เกเรไปตามเรื่อง
คิดถึงรู้มั๊ย...คิดถึงจัง....ทำอะไรอยู่...วันนี้เป็นไง...สบายดีมั๊ยเป็นจริงที่ดิฉันไม่ค่อยรู้สึกอินกับคำเหล่านี้เท่าไรเพราะวิถีของดิฉั้นไม่บ่อยที่จะบอกกล่าวอารมณ์เหล่านี้กับใครแต่ทว่าไม่ได้มองสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องของความอ่อนไหวอ่อนแอหรือเรื่องเหลวไหลแต่หากจะให้พูดบอกยากมาก เมื่อใครบอกคิดถึง"ขอบคุณค่ะ"เป็นสิ่งแรกที่นึก "ขนาดนั้นเชียว"  "เว่อร์ เว่อร์ เว่อร์ อะไรจะขนาดนั้น"  "ไม่เชื่อ" ล้วนเป็นคำกวนอารมณ์
     แกล้งนึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง..กลายเป็นความแข็งกระด้างกลายเป็นมนุษย์ที่มีแต่เหตุผลไม่มีอารมณ์ ..เพื่อนในสำนักงานที่รักกันเคยสรรพยอกว่าไม่เห็นเคยสนใจอะไรเลยนอกจากงานในคราที่เธอมีความทุกข์และอยากจะระบายให้ดิฉั้นฟัง ...เธอบอกว่าเธอจ้องดิฉั้นอยู่ 3 วันกว่าเธอจะได้พูด...ดิฉั้นใจหายนี่เราไม่สนใจใครขนาดนี้เจียวหรือ...การไม่มีบุคลิกพึ่งพิงของดิฉั้นทำให้ดิฉั้นมีเพื่อนนับคนได้..คนที่คบหาปัจจุบันที่ถูกคอก็คุยเรื่องงานเป็นส่วนใหญ่..

ไม่เคยมีใครรู้ว่าดิฉั้นอยู่ไหน ทำอะไรสบายดีหรือเปล่าไม่เคยบอกอะไรใครในรายละเอียดแม้คนใกล้ตัวเธอจะรู้คร่าวๆว่าไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนไป-กลับยังไงไม่เคยไม่เคยบอกไม่เคยเล่าเรื่องเพื่อนให้แฟนฟังไม่เคยโทรศัพท์หากันเพียงเพื่อบอกเล่าว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนหรือสบายดี
        คราหนึ่งที่ดิฉันไปประชุมกับเพื่อน..ก่อนขึ้นเครื่อง ลงเครื่อง รถติด ถึงโรงแรม จะไปหาข้าวกิน กินข้าวกับอะไรจะอาบน้ำ...เขาโทรเล่าสู่กันตลอดทุกช่วงที่กล่าวจนดิฉัน..งง..ว่ามันจะเล่ากันทำไมว่ะ..สำหรับดิฉั้นแล้วเพียงโทรหาลูก..ก่อนลูกจะนอนแม่รักหนูนะคะ..เท่านั้นก็หรูแล้ว เราปกติดีอยู่หรือเปล่าที่ไม่เคยบอกเล่าอะไรให้ใครฟังเลย  แม้คนใกล้ตัว ดิฉั้นถามตัวเองในวันนั้นว่าตัวเองปกติดีมั๊ย

       หากงานไม่เสร็จดิฉันจะทำไม่เลิกการกลับบ้านดึกดื่นกลายเป็นเรื่องปกติกลางดึกคืนหนึ่ง"อยู่ไหน"คนที่บ้านส่งมาตามสายโทรศัพท์...ดึกมากแล้วดิฉั้นยังไม่กลับบ้าน...อ้าว!..น้องอยู่กรุงเทพฯไม่รู้เหรอคะ..บอกแล้วนี่นา..จำได้..ปรากฎว่าดิฉันบอกแต่ลูกไม่ได้บอกพ่อเค้า...ลืม..

การเป็นแบบนี้ของดิฉั้น(การไม่สนใจบอกรายละเอียดชีวิตกับใคร)ทำให้เรามีชีวิตคู่ที่เป็นสุขเพราะดิฉั้นไม่สนใจที่เขาจะกลับดึกกลับผิดเวลา หรือใช้เวลามากมายกับการทำสิ่งเขาชอบเราต่าง มีอิสระที่จะทำงานหรือมีชีวิตของตน..โดยไม่มีใครจู้จี้บ่นหยุมหยิมในรายละเอียดของชีวิตของกันและกัน มีเวลาทำเรื่องส่วนตัวไม่ต้องบอกเล่ารายงาน..กันทุกเรื่อง..ทุกนาที... ด้วยความเข้าใจ

 

 

หมายเลขบันทึก: 93305เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2007 00:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

คิดถึงรู้มั๊ย คิดถึงจัง  ทำอะไรอยู่...วันนี้เป็นไง...สบายดีมั๊ย เป็นจริงที่ดิฉันไม่ค่อยรู้สึกอินกับคำเหล่านี้เท่าไรเพราะวิถีของดิฉั้นไม่บ่อยที่จะบอกกล่าวอารมณ์เหล่านี้กับใคร

ว่าแต่...คืนนี้คิดถึงจริง คิดถึงจัง.....ฮา......

กลับบ้านก่อนนะคะ  แล้วค่อยมาเยี่ยมใหม่

มีความสุขกับการใช้ชีวิตนะคะ

ฝันดี...คือไม่ฝันค่ะ

  • ถ้าไม่อ่านบันทึกนี้ไม่น่าเชื่อว่าพี่เมตตาจะ "กระด้างกลายเป็นมนุษย์ที่มีแต่เหตุผลไม่มีอารมณ์"
  • เพราะเท่าที่รู้จักและใครๆที่พากันไปร่วมงาน UKM ที่สงขลา (ตัวเองไม่ได้ไป)มีแต่เสียงชมเรื่องการดูแลต้อนรับและการประสานงานค่ะ
  • หญิงแกร่งหญิงเหล็กข้างนอกแต่ข้างในแฝงความอ่อนหวานอ่อนไหวกระมัง
เขียนดีเหลือใจ อ่านแล้วประทับใจ อยากอ่านอีก เอาอีก เอาอีกๆๆๆๆ หลายๆตอน
สวัสดีค่ะ..คุณsomporn มาดึกจังนะคะ...ขอบคุณค่ะไม่เชื้อ...ไม่เชื่อ..
คุณพิชชาขอบคุณค่ะ...เดือนนี้เราแข่งกันนะ...แข่งกันบันทึกให้ได้ทุกวัน...นะคะ
พ่อครูบาคะ ขอบคุณค่ะ...มีคนโทรมาให้เปลี่ยบชื่อเรื่องเป็น.."คนไม่มีหัวใจ" เลยตามใจเปลี่ยนชื่อเรื่องให้ค่ะ...แต่จริงๆมีนะคะหัวใจน่ะ...
มาเยี่ยมครับ....ตอนนี้ถึงปัตตานีแล้วครับ

อ่านแล้ว  อ่านอีก

ทวนแล้ว ทวนอีก

คิดว่าอ่านเรื่องตัวเองอยู่

ก๊าก

แหม สองสาวหาดใหญ่หัวใจเดียวกันจริง ๆ เหรอจ๊ะ

เวลาไปไหนไม่ต้องบอกพี่ก็ได้ แต่จะโทรถามเอง  ฮา...ชอบบอกค่ะ.....อบอุ่น....มีความสุขดี......

ในความเคยชิน   บางครั้งต้องหักมุมเปลี่ยนแปลง

ในความคิดถึง    บางครั้งไม่จำเป็นต้องบอกใคร

ในความเป็นจริง   คนรู้ใจก็ยังต้องการคำว่า  คิดถึงมากแล้ว

และในคนจริงใจ   ของคุณจิ๊บ  ไม่ต้องบอกก็รู้

                       คิดถึงน้องๆ มาก  ไก่โตมากแล้ว  กำลังซน  คุ้น&เคยกับมนุษย์มากที่สุด  สงสัยจำอดีตฝังใจ

  • แวะมาทักทาย
  • ผมเข้าใจดีครับ  เพราะผมก็ไม่ต่างกันหรอกนะครับ
  • บุคลิกเช่นนี้  ผมทราบบ้างจากบันทึกครั้งกระโน้น
  • ยืนยันว่าปกติดี..และผมก็ปกติดีเช่นกัน
  • มีความสุขในทุกวันนะครับ
  • ไม่ค่อยได้ใช้คำนี้เลย
  • คิดถึงรู้มั๊ย คิดถึงจัง  ทำอะไรอยู่...วันนี้เป็นไง...สบายดีมั๊ย
  • ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
  • สงสัยเป็นคนที่ไม่มีหัวใจจริงๆๆ
มายืนยันด้วยคนเป็นเพื่อนคุณแผ่นดินค่ะว่า ปกติดีนะคะ เพราะพี่โอ๋-อโณก็เป็นเหมือนกัน อาจจะดีกรีน้อยกว่าคุณจิ๊บนิ้ด.ด.ด.นึง  

ไม่ทราบปกติหรือไม่ แต่รู้สึกเหมือนคุณรัตติยาว่า เหมือนกำลังอ่านเรื่องตัวเองอยู่ !

คุณจิ๊บคะ

อ่านประโยคนี้หลายรอบ

คิดถึงรู้มั๊ย...คิดถึงจัง....ทำอะไรอยู่...วันนี้เป็นไง...สบายดีมั๊ยเป็นจริงที่ดิฉันไม่ค่อยรู้สึกอินกับคำเหล่านี้เท่าไรเพราะวิถีของดิฉั้นไม่บ่อยที่จะบอกกล่าวอารมณ์เหล่านี้กับใครแต่ทว่าไม่ได้มองสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องของความอ่อนไหวอ่อนแอหรือเรื่องเหลวไหลแต่หากจะให้พูดบอกยากมาก เมื่อใครบอกคิดถึง"ขอบคุณค่ะ"เป็นสิ่งแรกที่นึก

 

เอ......มีใครแอบบอกคิดถึงอยู่บ่อยหรือเปล่าคะเนี่ย

ตาร้อน ตาร้อน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท