บันทึกจากโครงการนวดสานสายใยฯ : เล่นกับ “ผี” วิธีเล่นกับเด็ก


เอ่ยคำว่า “ผี” หลายท่านคงมีประสบการณ์ต่างกันไป แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ประสบการณ์เกี่ยวกับ “ผี” ที่วัดถ้ำลอด ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุนับร้อยปี ก็เลยนำมาลงเป็นบันทึกไว้
  • 25 เมษายน 2550
 

เอ่ยคำว่า  ผี หลายท่านคงมีประสบการณ์ต่างกันไป แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ประสบการณ์เกี่ยวกับ ผีที่วัดถ้ำลอด ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุนับร้อยปี ก็เลยนำมาลงเป็นบันทึกไว้

 

เราสามารถมอง ผีได้หลายความหมายนะครับ จะมองแบบวิทยาศาสตร์ แบบไสยศาสตร์ แบบพุทธศาสนา แบบสังคมศาสตร์ หรือแบบอื่นๆก็ได้ หากมีใครมอง ผี ในความหมายที่ต่างจากเราไป ก็คงเข้าใจว่าแต่ละคนสามารถให้ความหมายได้ต่างกัน และไม่จำกัดว่าใครต้องเชื่อในความหมายใดความหมายหนึ่งนะครับ

 

สำหรับผม กลางเดือนที่ผ่านมา ผมคิดว่า ผมจะใช้ผีในความหมายทางการพัฒนาชุมชน

 

เรื่องของเรื่องคือ ผมต้องจัดประชุมกลุ่มเด็กหมู่บ้านถ้ำลอดเมื่อกลางเดือน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้ารับการฝึกอบรมเป็นอาสาสมัครนวดแผนไทยประจำหมู่บ้าน ตาม โครงการนวดสานสายใย เยาวชนใฝ่กตัญญู ที่ผมได้รับงบมาจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (สพช.)

 

โครงการนี้เป็นโครงการระยะสั้น เน้นให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างเด็ก ชุมชน และสถานีอนามัย แล้วนำร่องไปบรรจุไว้ในแผนงานของ อบต. ผมทำหน้าที่เป็นผู้จุดชนวนแล้วสร้างกระบวนการขับเคลื่อนให้เกิดสุขภาวะ เด็ก เก่ง ดี มีสุข

 

อันที่จริงเราประชุมกลุ่มเด็กหลายครั้งแล้วครับ ครั้งแรกเป็นการเตรียมร่างโครงการ ครั้งที่สองเป็นการชี้แจงผลการอนุมัติโครงการและวางแผนงาน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนจัดกิจกรรมการฝึกนวด ทุกครั้งเราจะจัดประชุมกันที่บ้านแกนนำเยาวชน มาวันนี้อยากจัดในที่ใจกลางชุมชน เผื่อมีผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่สนใจจะร่วมวง ในขณะนี้เด็กๆเราก็พร้อมที่จะเปิดรับผู้ใหญ่แล้ว

 

ตรงนี้ ผมเรียนรู้ว่า การให้เด็กทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ จำต้องเตรียมความพร้อมให้เด็กมีความเข้าใจ และมั่นใจในสิ่งที่ตนเองจะทำเสียก่อนครับ เมื่อเด็กรวมกลุ่มกันชัดเจนในหลักและกระบวนการขึ้นมาแล้ว จึงค่อยๆเปิดให้ผู้ใหญ่มาร่วม เพื่อที่พวกเขาจะไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง และความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา

 

แล้ววกมาเรื่อง ผีได้อย่างไรเนี่ย?

 

คืออย่างนี้ พลบค่ำวันนั้น เราจัดประชุมกันที่วัดถ้ำลอด ที่เลือกวัดก็อย่างเหตุผลข้างต้น คือเราอยากจะให้ผู้ใหญ่มาร่วมวงด้วยได้แล้ว แต่เผอิญวันนั้นมีงานศพคนในหมู่บ้าน จัดที่บ้าน ชาวบ้านก็ไปร่วมงานกันหมด แต่การประชุมก็จัดได้ แม้จะช้าหน่อย เพราะต้องไปตามเด็กๆจากงานศพ กว่าจะมาพร้อมกันได้ ฟ้าก็จวนมืดเต็มที

 

ปกติแล้ว วัดนี้มีพระสงฆ์อยู่รูปเดียว และมักจะไปจำวัดในถ้ำ ปล่อยวัดให้ทิ้งร้างไว้กลางชุมชน เวลามีงานบุญทีจึงจะมีคนมาร่วมกันเอิกเริก  บรรยากาศในบริเวณรอบๆวัดจึงเงียบสงบ และวิเวกวังเวงยามค่ำ

   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">วัดถ้ำลอดนี้ มีเรื่องชวนคนหัวลุกอยู่เนืองๆครับ น้องสาวในทีมงานของผมก็ยืนยันว่าเคยสัมผัสกับ เสียงประหลาดๆที่วัดแห่งนี้  คนเฒ่าคนแก่หลายคนเห็นสิ่งที่เรียกว่า เปรต และวิญญาณ จริงเท็จอย่างไร ผมก็ไม่รู้ แต่คนในหมู่บ้านเชื่อและยืนยันว่าประสบกันมาหลายคน</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ตอนดึก ชาวบ้านหลายคนเจอคนขอโบกติดรถไปส่งบ้าน ก็มีน้ำใจพาไปเพราะเห็นว่าค่ำแล้ว ครั้นพอนั่งซ้อนท้ายไปด้วยกันสักพัก เหลียวไปดู ไม่เห็นมีใครสักคน เหวอ!!!</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">อันนี้ เป็นความหมายของ ผีในมุมมองของชาวบ้าน เป็นวิญญาณชั่วร้าย ที่สามารถทำร้าย หลอกหลอนผู้คน (ตอนที่ผมพิมพ์อยู่นี่ ดึกมากแล้ว  ฟ้าคำรามครืนๆ ฝนกำลังจะตก ลมกรรโชกแรง ไฟติดๆดับๆหลายที ประตูเดี๋ยวปิดเดี๋ยวเปิด เล่นเอาใจแป้วๆ  ถ้าไฟดับตอนนี้ คงไม่สวยเท่าไร เพราะผมก็ชักเสียวสันหลังๆเหมือนกัน ขอเอาไปพิมพ์ต่อพรุ่งนี้เช้านะครับ)</p>  <ul style="margin-top: 0cm"><li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify; tab-stops: list 36.0pt">

26

เมษายน 2550 </li></ul><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">เขียนต่อจากเมื่อคืนนะครับ ความหมายของ ผีในมุมมองของเด็กๆที่มาร่วมประชุมก็ไม่ต่างจากชาวบ้านเท่าใดนัก ช่วงนี้หนังทีวีเรื่อง ปู่โสมเฝ้าทรัพย์กำลังครองใจเด็ก ผมก็เลยเอาเล่า เล่าไปเล่ามาก็มาตกอยู่เรื่องผีที่วัดแห่งนี้ เด็กๆก็คุยสนุกกันใหญ่</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ครั้งนี้ ผมประเมินการประชุมว่าแตกต่างจากการประชุมกลุ่มทุกครั้ง เพราะเด็กๆให้ความเป็นกันเองเป็นอย่างดี ผมคิดว่ามาจากการที่เราได้มีเวลาเอาเรื่อง ผีมาคุยกัน เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องก่อนเข้าประเด็นได้เป็นอย่างดี</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ผีในความหมายของนักวิจัยและพัฒนาอิสระอย่างผมในครั้งนี้ ก็เลยถูกใช้ในความหมายของ เครื่องมือในการเข้าถึงคนใน และผมคิดว่า นักวิจัย นักพัฒนาชุมชนจำนวนไม่น้อย ก็อาศัยวิธีนี้ ในการสังเกตความสัมพันธ์เชิงอำนาจของผู้คน รหัสความคิดที่ซ่อนอยู่ในหัวสมองของพวกเขา เพื่อที่จะปรับความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่เหมาะสม</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">และแม้ว่า นักวิจัยและนักพัฒนาจะไม่เชื่อในเรื่องผีๆแบบชาวบ้าน ชาวบ้านเองก็มักจะมีวิธี กลืนให้คนนอกเหล่านี้ ต้องผนวกเข้าไปมีสัมพันธ์กับผีของพวกเขา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">นึกได้ว่า ผมมีกรณีศึกษา ที่เพื่อนฝรั่งคนหนึ่งของผมเป็นนักศึกษาปริญญาเอกจากเยอรมัน มาทำวิจัยเรื่องดินที่หมู่บ้านลาหู่แห่งหนึ่งที่แม่ฮ่องสอน ทำไปทำมาเขาเกิดอาการตาแดง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย  ชาวบ้านว่าเขาไปสร้างเครื่องทดลองขวางทางน้ำ ทำให้ผีน้ำโกรธ ต่อมาเกิดตาแดงแพร่ไปถึงผู้ช่วยนักวิจัยที่เป็นชาวลาหู่ในหมู่บ้านด้วย ชาวบ้านก็เรียกร้องให้ฝรั่งทำพิธีเลี้ยงผีขอขมา เจ้าเพื่อนผมก็ลองดู ปรากฏว่าอาการป่วยก็หายไป </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">วกมาที่การประชุมกลุ่มเด็กที่วัด ท้ายสุด การประชุมเสร็จสิ้นลงด้วยดี ขาดแต่ผู้ใหญ่ไม่ได้มาร่วมอย่างที่คิดเพราะติดงานศพกัน ผมไม่อยากปล่อยเด็กกลับบ้านค่ำนัก เพราะหลายคนอยู่บ้านไกล ไม่มีไฟกิ่ง ต้องใช้ไฟฉายส่องทาง ก็น่าเป็นห่วง ทุ่มเศษๆก็เลยให้กลับกัน </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ผมเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกจากศาลาวัด เพราะต้องไล่ปิดไฟทุกดวง คนอื่นๆลงไปกันนานแล้ว ผมยังความหาสวิตช์ ไฟดวงสุดท้ายไม่เจอ และไฟดวงสุดท้ายก็อยู่ข้างในสุด หน้าพระประธาน หมายความว่าผมไล่ปิดไฟทุกดวงหมดแล้ว เหลือแต่ไฟหน้าพระประธานดวงเดียว บรรยากาศบนวัดก็วังเวงมาก </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ในที่สุด ผมก็ปิดสวิสตช์ไฟดวงสุดท้ายได้ แต่พอปิดเสร็จแล้ว บนวัดมืดสนิท มองนิ้วมือตัวเองยังไม่เห็นเลย ผมก็ใจแป้วอยู่ แลดูทางลงศาลาก็อยู่ไกลอีกหลายเมตร ผมก็คลำทางเดินตรงไป ทำใจแข็ง แต่ก็อดหวั่นไม่ได้ว่าอย่ามี อะไร โผล่มาตอนนี้ละกัน  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ระหว่างที่ระวังหลังอยู่ ก็ไม่ทันระวังหน้า ผมหล่นลงไปที่พื้นต่างระดับเต็มแรง ข้อเท้าพลิกแต่ก็พอทรงตัวได้ เด็กๆได้ยินเสียงดังบนวัดก็รีบวิ่งมาดู พอดีผมเดินเขยกมาถึงทางลงศาลา ผมก็บอกกับเด็กๆว่า ผมคิดว่ากลางวัดไม่น่าจะมีพื้นต่างระดับนะ เพราะเท่าที่ดูก่อนมืด ก็เห็นมีพื้นต่างระดับเฉพาะใกล้ทางออกอยู่ที่เดียว แต่ตะกี้ทำไมมันมีสองที่ จนผมตกลงไปขาแพลง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">เด็กคนหนึ่งว่า บอกแล้ว อย่าไปเล่าเรื่องผีบนวัด</p> ผมไม่รู้ว่าการที่ผมเกิดเจ็บตัวนี่ แล้วเด็กมาพูดประโยคนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตัวเด็กเอง หรือ ตัว ผีเอง จะพยายามผนวกเอาตัวผมให้ไปเชื่อในสิ่งที่ชุมชนมองเห็นหรือไม่  อีตอนกลับนี่ ผมก็เลยชักไม่แน่ใจว่าจะใช้นิยามความหมายของ ผีในแบบวิชาการอย่างเดียวดีรึเปล่า?   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center">Abstract</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">As social researcher and social worker , “Ghost” is Socio-cultural meanings of community, reflect power relation and cosmology of insider. We can use it as tool to make friend with them. </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> This narration is about my fieldwork experience in Pang Ma Pha , Mae Hon Son (2007). It is an example how to use “ghost” to be advantage in child development program.  </p>

หมายเลขบันทึก: 93229เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2007 17:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

กุ๊กๆกู๋ มาเลยนะคะ

พี่คิดว่าผีเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปได้ ในชุมชนยิ่งมีผีอยู่ในทุกที่ทุกสิ่ง น้องยอดดอยคงทราบดี

โครงการสอนเด็กนวดฯดีมากเลยค่ะ ได้ทั้งการสืบสานความรู้การนวดของไทย และได้สร้างสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย

ได้ทำโครงการให้เด็กๆเล่าเรื่องสัตว์ และสัตว์เลี้ยงของเขาหรือยังคะ ทำแล้วอย่าลืมเอามาเล่าให้อ่านกันบ้าง เด็กๆชอบมีมุมขำๆดีที่ผู้ใหญ่นึกไม่ถึง

หายเจ็บข้อเท้าหรือยังคะ

ขอบคุณที่นำเรื่องจากแดนไกลมาฝากค่ะ

แหม เขียนๆ ไปแล้วมีการกลัวด้วยนะครับเนี่ย คุณยอดดอย

ผมเองเคยเปรยกับเพื่อนต่างชาติ เพราะสังเกตมานานว่าคนเอเชียมีความเชื่อเรื่องผีหนักแน่น และลึกซึ้งกว่าฝั่งตะวันตก ผมหมายถึงว่ามีความกลัว และผูกพันในหลายมิติ ผมรู้สึกว่าน่าสนใจตรงที่เมื่อใดก็ตาม ที่คนเอเชียไปเยือนดินแดนตะวันตก มักจะทิ้งความเชื่อเหล่านี้ไปชั่วคราว ผมเองเคยอยู่ในโบสถ์อายุหลายร้อยปี ในอังกฤษ เดินผ่านหลุมศพข้างโบสถ์ในคืนเดือนมืด แล้วเจอคนสวมชุดขาวเดินสวนมาทักทาย ผมก็ทักกลับ ให้ตายเถอะครับ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดที่วัดบ้านเรา ผมคงขนหัวลุก

ผมรู้สึกว่ามันแปลกดีเท่านั้นแหละครับ ลองถามพี่น้องหลายคนในต่างประเทศก็คิดไปแบบนี้เหมือนกัน คือมาอยู่เมืองนอกแล้วจะไม่กลัวผีไทย ผีฝรั่งก็ไม่น่ากลัวเท่าบ้านเรา

เล่ามาแบบนี้ไม่รู้จะวกเข้าเรื่องยังไงนะครับ เอาเป็นว่าผมขอแสดงความคิดเห็นแบบส่วนตัวๆ ไว้ก็แล้วกัน

ขอให้หายเจ็บข้อเท้าไวๆ นะครับ 

ตอบคุณแว้บ

  •  สำหรับผม "ผี" เป็นสิ่งที่น่าจะอยู่ในใจ หรือในมโนสำนึกของเรามากกว่านะครับ คือจิตไปปรุงแต่งขึ้นมา
  • ถามว่า ใครสร้างผีก็มนุษย์ไง ถ้าตายก็กลายเป็นผี หรือถ้าคิดเห็นใบกล้วยเป็นมือผี มองๆไปก็เห็นเป็นผีได้
  • ข้อเท้าหายเจ็บเกือบร้อยเปอร์เซนต์แล้ว ขอบคุณทุกแรงใจครับ
  • แต่ที่น่ากลัวกว่าผี นี่เป็นคนนะครับ โดยเฉพาะ คนที่มีหัวใจเป็นผีร้าย อันนี้หลอกเราได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

คุณนายดอกเตอร์ครับ

  • โครงการนวดสานสายใย เดินไปด้วยดีครับ เด็กๆลุยเกินคาด แต่หน่วยงานสาธารณสุขไม่ยักจะฉวยโอกาสพัฒนาเด็กเหล่านี้ สานต่อให้เป็น อสม.น้อยๆ หรือกองพลคนรักสุขภาพ แต่เอาเถอะ ใครไม่ทำ ผมจะทำเท่าที่แรงและงบจะมี
  • ติดตามความก้าวหน้า และเก็บตกจากโครงการนวดสานสายใยในบันทึกของผม จะทยอยลงนะครับ
  • เรื่องที่อยากให้เด็กๆเล่าเรื่องสิง สา รา สัตว์ของพวกเขา อันนี้จะเอาไปหารือในที่ประชุมเด็กนะครับ ถ้าพวกเขาโอเค เราคงได้เห็นหนังสือทำมือ ที่เขียนเรื่องเหล่านี้จากพวกเขา
  • คอยติดตามอ่านเรื่องราวหนังสือทำมือ คาดว่าจะเริ่มลงบันทึกเร็วๆนี้ ดูในบันทึก เครือข่ายงานพัฒนาเด็กและเยาวชนแม่ฮ่องสอน ที่ลิงค์จากบล็อกนี้นะครับ

 

ทำงานนวดสานสายใยน่าสนใจ การนสดมีประโยชน์มาก เมื่อกลางวันดู Discovery เขายังบอกว่าวิธีการนวดดีกว่าหลายๆวิธีที่ทำกันอยู่ แต่ต้องเป็นการนวดถูกต้องตามหลัก คนโบราณอยู่ได้เพราะการนวดหลายอย่าง แถมปัจจุบันการนวดกลายมาเป็นธุรกิจไปแล้ว แบบนี้เป็นอีกวัตถุประสงค์หนึ่ง

พี่เคยให้หมอนวดตาบอดนวยฝ่าเท้าที่ปวดเนื่องมาจากเดินมาก นวดเสร็จดีขึ้นมากเลย ทิ้งไว้เว้นวันเกือบหายเป็นปกติ

ดีครับมีเด็กสืบสานต่อภูมิปัญญาท้องถิ่น

  • สวัสดีครับ
  • แวะมาให้กำลังใจคนทำงานเพื่อสังคม
  • .....
  • ในทุกหมู่บ้านเต็มไปด้วยเรื่องราวอันหลากหลาย  ซึ่งเรื่องราวจำนวนไม่น้อยเป็นเรื่องแห่งการบันทึกรากเหง้าวัฒนธรรมของชุมชนนั้น ๆ
  • การบอกเล่าอาจจะเป็นมุขปาฐะ (ปากต่อปาก) แต่จะให้ดีหากมีการนำมาบันทึกอย่างเป็นระบบ  จะช่วยให้เกิดประโยชน์ในแง่ของการศึกษาได้เป็นอย่างดี  และสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือการเรียนรู้และพัฒนาความยั่งยืนของชุมชนได้
  • ....
  • ยืนยันอีกครั้ง...ผมแวะมาเป็นกำลังใจให้คนทำงานที่มีหัวใจอันบริสุทธิ์,  ครับ..

ขอบคุณที่แวะมาครับพี่บางทราย

  • นวดตัวแล้วนวดไปถึงหัวใจ ก็เลยกลายมาเป็นโครงการเล็กๆโครงการนี้ครับ
  • ส่วนตัวผมก็ชอบถูกนวดนะครับ โดยเฉพาะนวดจับเส้นบริเวณหลังและเอว ส่วนแฟนผมชอบนวดหลังและฝ่าเท้า
  • การนวดในครอบครัว ทำให้ครอบครัวผมอบอุ่นผมกับภรรยาผลัดกันนวดประจำครับ แต่ตอนนี้เบาแรงผมหน่อย เพราะมีเด็กๆมาช่วยนวดเพิ่ม
  • อีกสองสามวันผมมีค่ายเด็กที่หมู่บ้านกะเหรี่ยง จะมีให้เด็กๆจัดการนวดบริการชุมชนด้วย 
  • เรื่องเด็กยังมีให้บันทึกเรื่อยๆ...ผมยังต้องเรียนรู้อีกมาก ยังไงก็เชิญติดตามต่อนะครับ

ยินดีต้อนรับครับพี่แผ่นดิน

  • จริงๆแล้ว ผมอยากให้เด็กๆเป็นคนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวเขาเองนะครับ แต่อินเตอร์เน็ตมันเป็นช่องทางสื่อสารราคาแพงของเด็กยากจนเหล่านี้ ผมเลยจะให้พวกเขาทำเป็นหนังสือทำมือแทน ถ้ายังไง ลองติดตามอ่าน แต่รอหน่อยนะครับ
  • ผมเชื่อว่า "การฝึกให้เด็กรู้จักบันทึก ไม่ยากและยั่งยืนเท่าการทำให้เด็กรักการบันทึก"  เพราะความรักนำไปสู่การใฝ่รู้ และทักษะจึงตามมา
  • สโมสรเล็กๆของเราพยายามสร้างความรักให้นำไปสู่ความรู้ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา และความล้มเหลวมาช่วยให้เราเข้มแข็งครับ
  • ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆที่ชอบทำงานอิสระ มีเวลาอยู่กับลูกกับเมีย ได้อ่านหนังสือที่อยากจะอ่าน และออกกำลังกายในแบบที่ไม่วุ่นวายกับใคร พรุ่งนี้ ผมอาจจะตายแล้วก็ได้ จึงต้องทำในสิ่งที่คิดว่าดี ก็เท่านั้นครับ
    เลย เมื่อก่อนนู๋จะทำบุญกับเพื่อนบ่อยๆพระท่านก็ทักว่ายังเด็กยังเล็กรู้จักทำบุญกันแล้วเหรอ จนเมื่อไม่นานมานี้สักปีสองปีได้เพื่อนที่ชอบไปด้วยกันเขาไปกรุงเทพฯ โครงการของพี่ดีมากๆเลยค่ะ พอดีผ่านมาเจอข้อความของพี่ที่หน้าเว็ป เห็นวันที่25 เมษา แบบว่าตรงกับวันเกิดนู๋พอดีค่ะเลยเข้ามาอ่านดู นู๋ก็เป็นคนหนึ่งที่เจอผีบ่อยตั้งแต่เด็ก จำความได้ก็เจอนู๋ไม่ได้ไปทำบุญ เลยฝันเห็นฝูงผี วิ่งตามบ้างคลานตามบ้างเยอะมากมาหานู๋ ฝันมาได้2ปีแล้วค่ะ อ่านเรื่องของพี่รู้สึกอยากจะไปทำบุญแล้วสิ  การทำบุญมีหลายแบบทั้งแบบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อย่างที่พี่ทำ มันน่าภูมิใจมากเลยนะค่ะที่มีคนคิดแบบนี้อยู่ในสังคมที่มีแต่ความสกปรก นู๋มั่วแต่พูดเลอะเทอะอีกแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ
  • นานๆจะมีคนมาเยี่ยม คิดว่าจะไม่มีใครมาอ่านแล้ว ก็ขอทักทายน้องเปิ้ล
  • ขอบคุณสำหรับคำชม แต่พี่คิดว่าทุกงานทุกอาชีพถ้าสุจริตซะอย่าง ล้วนมีคุณค่า มีศักดิ์ศรีทัดเทียมกันทั้งนั้นล่ะครับ
  • จะเป็นหมอ เป็นพ่อค้า เป็นนักศึกษา เป็นแม่บ้าน หรือเป็นคนเก็บขยะ ทุกอาชีพล้วนยิ่งใหญ่ในแบบฉบับของตัวเอง
  • เราไม่อาจเปรียบเทียบว่าระหว่างดอกกุหลาบกับดอกลิลลี่ ดอกไหนสวยกว่ากัน เพราะมันก็สวยในแบบของมัน
  • อย่าให้การเปรียบเทียบกับคนอื่นมาทำให้น้องไขว้เขว เพราะคนเราอาจเปรียบเทียบได้ เฉพาะกับตัวเราเองเท่านั้น ว่าวานนี้กับวันนี้ เราต่างกันอย่างไร
  • ไม่ว่าตอนนี้น้องจะเป็นอะไร ก็ขอให้เป็นให้ทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุดนะครับ แล้วสิ่งดีๆจะตามมาเอง
  • สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย

น่าจาเอามาทามหนังสือเลยนะคะเนี่ย  แจ๋ว จริงๆ เลยล่ะค่ะ  แอดไปเมลนู๋ด้วยนะคะ

 

สวัสดีครับยอดดอย

ผียังมีบทบาทในสังคมอยู่เสมอครับ ไม่ว่าจะเป็นประเพณีผิดผีของทางเหนือที่เป็นกรอบควบคุมความประพฤติของหนุ่มสาว หรือการที่ชุมชนผู้ไทดงหลวงต้องไปซื้อเจ้าปู่มาจากคำชะอีเพื่อมาปกปักรักษา หรือกรณีปอบกับการคว่ำบาตรทางสังคม

อย่างไรก็เอาใจช่วยกับงานที่ทำอยู่นะครับ

Sawaddee Krub

Glad to see your job about massage for kids and family and thank you for helping others in our land.Hope to see you in this field as long as you can.Ghost can see everything you've done at least haha.Count me one of your supporter.

SS

ขอบคุณคุณ “SS” ที่มาให้กำลังใจนะครับ ช่วงนี้งานผมชุกมาก การโพสต์ของคุณช่วยกระตุกต่อมอยากเขียนบล็อกของผมให้เริ่มทำงานอีกครั้งหลังจากร้างลาไปหลายเดือนครับ

ขอบคุณเช่นกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท