ระยะหลังผมกลับบ้านบ่อยครั้งและถี่ครั้งขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ใช่เพราะลูก ๆ อยู่ที่นั่น แต่ก่อนหน้านี้ผมก็พาลูก ๆ กลับไปเล่นที่บ้านอยู่เสมอ อย่างน้อยก็ไปค้างคืนสักคืน แล้วค่อยจรลีกลับมาพักตัวเตรียมเข้าสู่การงานในรุ่งเช้าของวันจันทร์ ...
บ้าน - ไม่เคยเคลื่อนกายหนีห่างออกไปจากชีวิตผม แต่เป็นผมต่างหากที่เคยทำตัวเหินห่างไปจากบ้านอย่างไม่น่าให้อภัย !
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">บ้าน - ไม่เคยเปลี่ยนแปลงผู้รอคอย … ทั้งพ่อ แม่ ญาติพี่น้องยังคงรอคอยการกลับไปเยือนของผมเสมอ และยิ่งวันนี้ลูก ๆ ได้ไปใช้ชีวิตท่องเล่นอยู่ที่บ้านเกิดอันไกลโพ้นจากตัวเมืองเช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำให้ผมตระหนักถึง “บ้าน” และ “การรอคอย” อย่างที่สุด</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p>วันนี้ เป็นอีกวันหนึ่งที่เราเริ่มต้นเช้าใหม่เป็น “เช้าชื่นแห่งความรัก” ของคนในครอบครัว… เพื่อนชีวิตของผมเข้าครัวตอนไหนผมไม่อาจรู้ได้ มารู้อีกทีก็ตอนที่เธอมาปลุกให้ตื่นไปล้างหน้าแปรงฟัน และเตรียมตักบาตรร่วมกันที่หน้าบ้านของเรา</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เดิมทีผมงอแง อิดออดอยู่ไม่น้อย จากนั้นเธอเปลี่ยนแผนไปชวนเจ้าน้องแดน หรือเจ้าจุกแสนซนคนดื้อที่กำลังนอนดูดขวดนมอยู่อย่างรื่นรมย์ แต่เจ้าตัวก็ดูจะอิดออดในทำนองเดียวกับผม</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เธอ.. ยังไม่เปลี่ยนใจเอาง่าย ๆ แต่พลิกแผนไปเปรยปลุกเจ้าแผ่นดินที่หลับอยู่ข้าง ๆ กายของผมแทน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จดังใจหมาย เจ้าตัวขานรับและลุกขึ้นอย่างฉับไว พร้อมหันกลับมากระตุ้นผมกับเจ้าจุกให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของการตักบาตรร่วมกัน !</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เราทั้ง 4 คนพ่วงด้วยน้องหินกลิ้ง (ลูกชายตัวเล็กของหลานสาว) ร่วมตักบาตรอย่างสบายใจในเช้าใสๆ ที่ลมร้อนพัดผ่านหมู่บ้านอย่างเป็นกันเอง ขณะที่ “พ่อ” ยังคงปฏิบัติกิจวัตรอันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของท่านอย่างไม่ขาดเขิน ด้วยการไปถวายภัตตาหารเช้าที่วัดเหมือนทุกครั้งและทุกวันอย่างไม่ยอมว่างเว้น</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หลังการตักบาตรผ่านพ้นไป ผมก็ไม่ได้กลับเข้านอนตามที่ตั้งใจไว้ แต่ภารกิจสำคัญคือการเล่นกับลูก ๆ รวมถึงการเตรียมตัวเป็นผู้ร่วมชมละครจักร ๆ วงศ์ ๆ เป็นเพื่อนกับน้องดิน </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p>หลังละครจักร ๆ วงศ์ ๆ จบลง ผมก็ไม่ได้มีส่วนต่อการเข้าไปร่วมเล่นกับลูก ๆ อีกต่อไป เพราะ “น้องอาย” ลูกสาวของญาติที่อยู่ข้างบ้านได้มาร่วมวงไพบูลย์เล่นกับลูกชายแสนรักแทนที่ของผมอย่างลงตัว</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมสังเกตอยู่เป็นนานว่าพวกเขาจะคัดเลือกเกมส์ หรือการละเล่นใดมาเป็นเวทีของการสร้างความสุขในเช้าของวันนี้ – </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมแอบมองอยู่อย่างเงียบ ๆ และเงี่ยหูฟังอยู่ทุกระยะ จนท้ายที่สุดน้องแผ่นดินก็เป็นผู้สรุปเองว่า “เล่นเป็นพระ เป็นเณร เป็นแม่ออก คือเก่าเน๊าะ”</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">น้องแดนขานรับอย่างรวดเร็ว ส่วนน้องอายเปรยขึ้นมาเช่นกันว่า “เอาอีกแล้วเหรอ … เล่นแต่เรื่องพระ ๆ เณร ๆ อีกแล้ว..”</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">น้องอายถูกสอนให้พูดด้วยภาษาไทยกลาง และชอบที่จะแวะมาเล่นที่บ้านผมแทบทุกวัน ซึ่งก็น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อยกับความเป็นผู้หญิงที่ต้องทนเล่นกับกิจกรรมของเด็กผู้ชายอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งถ้าไม่มาเล่นที่บ้านของผม น้องอายก็จะต้องติดตามพ่อกับแม่ไปตามทุ่งนาป่าไร่ ซึ่งบางครั้งก็พ่วงเอาเจ้าดินติดท้ายไปด้วยเหมือนกัน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ระหว่างเจ้าดินและน้องอายเติบโตมาด้วยกัน วิ่งเล่นและเติบโตมาด้วยกันเสมอ มีห่างกันแต่เฉพาะเมื่อเปิดเทอมเท่านั้น เพราะน้องแผ่นดินมาเข้าโรงเรียนที่มหาสารคาม ส่วนน้องอายก็เข้าเรียนที่ตัวเมืองกาฬสินธุ์…</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมนึกขำอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ..ขำพฤติกรรมการเล่นของลูกชายที่วนเวียนเล่นแต่เฉพาะเรื่องพระเรื่องเจ้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ ไม่รู้จักเซ็ง ! </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เดี๋ยวก็ห่มผ้าเป็นพระบิณฑบาต , นั่งฉันข้าว, สวดมนต์เสียงดังใส, ให้พรและสวดบทกรวดน้ำ หรือไม่ก็ปะพรมน้ำมนต์แก่ผู้คนอย่างมีความสุข</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p>นี่คือพฤติกรรมและสถานการณ์ชีวิตของลูกชายที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง … ผมไม่จำเป็นต้องเปลืองเงินซื้อของเล่นที่ทันสมัยให้กับลูก ๆ เท่าใดนัก เพราะส่วนใหญ่วัตถุดิบรอบตัวที่เกลื่อนบ้านอยู่นั้นก็ล้วนนำมาประยุกต์เป็นจีวร, บาตร , ตาลปัตร, ฯลฯ ได้อย่างง่ายดาย</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมมีความสุขกับภาพชีวิตของลูก ๆ ที่ถูกผลิตซ้ำอยู่อย่างไม่รู้จบ ไม่รู้สึกเบื่อต่อภาพชีวิตเหล่านั้น พอ ๆ กับที่ลูก ๆ ไม่ไม่รู้สึกเบื่อ หรือเซ็งกับการละเล่นของพวกเขา !</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">และถ้าวันหนึ่งใครสักคนจะเลือกเส้นทางชีวิตด้วยการครองผ้าเหลือง ผมก็จะไม่รู้สึกเสียดายและเสียใจ … </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">และวันนี้ผมก็ยังมีความสุขกับภาพชีวิตของลูก ๆ ที่เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างซ้ำ ๆ เดิม ๆ และคาดว่าสัปดาห์หน้าพวกเขาก็ยังจะเล่นในกิจกรรมนี้เหมือนเคย</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณแผ่นดิน มองเห็นลูกชายในอนาคตเลยนะครับเนี่ย
ผมมีลูกเมื่อไหร่ คงต้องกลับมาศึกษาวิธีการ ของคุณแผ่นดินอย่างจริงจังอีกหน เพราะผมสงสัยว่าทำไมน้องๆ ทั้งสามถึงเล่นไม่เบื่อ ทั้งที่สมัยนี้ของเล่นล่อใจมีมากมาย สังคมกำลังขยายช่องว่างของคนรวยคนจน จนคนชั้นกลางกระจุกเล็กๆ อย่างผมรู้สึกอึดอัด การมีครอบครัวเป็นที่พักพิงสุดท้ายนั้นสำคัญที่สุดครับ
อีกอย่างนะครับ ผมว่าการทำตัวเหินห่างจากบ้านใน วัยหนุ่มสาวเป็นเรื่องจำเป็นเสียด้วยซ้ำ ในวัยของการค้นหานั้น การออกไปเห็นโลกกว้างเป็นสิ่งสำคัญ แม้สุดท้ายแล้วจะพบว่าจุดหมายสุดท้ายอยู่ที่บ้าน แต่ก็เป็นบ้านที่เราเห็นคุณค่า และรักมันมากกว่าเดิมจริงไหมครับ
(เขียนข้อคิดเห็นนี้ ตอนกำลังจะกลับบ้านพอดีเลยครับ เลยขออินด้วยคน)
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
ก่อนอื่นขอถามว่า "แม่ออก" แปลว่าอะไรเหรอค่ะ
เห็นบรรยากาศการเล่นของเด็ก ๆ แล้ว นึกภาพตามออกเลยค่ะ ว่าคนเป็นพ่อ เป็นแม่ ขณะนั่งดูลูก ๆ เล่น จะรู้สึกอย่างไร บางครั้งการเล่นของเด็ก ก็จะสะท้อนความคิด ความอ่าน ของเขา ณ ขณะนั้น
ลูกสาว 2 คน ของพี่ ชอบเล่นละครบทบาทสมมุติ มากค่ะ จะเล่นกันก่อนนอนทุกคืนเลย แต่ส่วนใหญ่ จะออกแนว เจ้าหญิง กับพี่เลี้ยงเจ้าหญิงนะคะ
ผมมีวิธีการเลี้ยงลูกอยู่สองอย่างใหญ่ ๆ คือ อยู่ให้ใกล้คนแก่คนเฒ่า และปล่อยเขาไปตามจินตนาการของเขาโดยมีเราดูอยู่อย่างใกล้ชิด
แต่สำคัญของบันทึกนี้ผมประทับใจวาทกรรมของคุณแว้บมาก การทำตัวเหินห่างจากบ้านใน วัยหนุ่มสาวเป็นเรื่องจำเป็นเสียด้วยซ้ำ ในวัยของการค้นหานั้น การออกไปเห็นโลกกว้างเป็นสิ่งสำคัญ แม้สุดท้ายแล้วจะพบว่าจุดหมายสุดท้ายอยู่ที่บ้าน
เป็นบทสรุปที่สะท้อนให้เห็นถึงคนที่ผ่านโลกและมองโลกอย่างเข้าใจ
ขอบคุณครับ...รักษาสุขภาพและมีแรงพลังอย่างเหลือเฟือต่อชีวิตและสังคม - นะครับ
"แม่ออก" หมายถึง "สีกา" นะครับ...วันนี้ที่พวกเขาเล่นกันนั้น ผมนั่งดูอยู่ใกล้ ๆ เสียงสวดมนต์ดังชัดแจ๋วเลยก็ว่าได้ ... สงสารก็แต่หลานสาว มาบ้านผมเมื่อไหร่ไม่ค่อยได้เล่นในแบบที่ผู้หญิงควรจะได้ตั้งวงเล่นกันนัก...
เจ้าหญิง...เป็นจินตนาการของเด็กผู้หญิงเสมอ.. ผมเองก็ชอบดูจากวีดีโอหลายเรื่อง...และชอบมากเลยครับ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
เบิร์ดชอบนักกับคำนี้ " ไม่จำเป็นต้องเปลืองเงินซื้อของเล่นที่ทันสมัยให้กับลูก ๆ เท่าใดนัก เพราะส่วนใหญ่วัตถุดิบรอบตัวที่เกลื่อนบ้านอยู่นั้นก็ล้วนนำมาประยุกต์เป็นจีวร, บาตร , ตาลปัตร, ฯลฯ ได้อย่างง่ายดาย "
การเล่นของเด็กไม่ต้องมีของสำเร็จรูปให้หรอกค่ะ ...ถ้าเราจะเสริมจินตนาการ
เบิร์ด " เต็ม "..เต็มทีกับคนที่ซื้อของเล่นแบบแพงๆให้ลูก โดยเอามาตรฐานของตนเองเป็นตัวตั้งและบอกว่าลูกอยากได้..ของเล่นมีได้ทุกที่แหละค่ะ..ถ้าเขารู้จักเอามาเล่นนั่นก็คือของเล่นที่เค้าชอบ ที่เราควรสังเกตและจดจำ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับบันทึกที่ทำให้เบิร์ดลิงโลดในใจยิ่งนัก
ด้วยความสัตย์จริงผมไม่ค่อยได้ซื้อของเล่นราคาแพงให้ลูก ๆ เท่าใดเลย แพงสุดที่เคยซื้อก็คือ "แคน" ในราคา 250 บาท ซึ่งแกชอบเรื่องดนตรีพื้นบ้านมาตั้งแต่ยังเด็กจนถึงบัดนี้เลยก็ว่าได้...
แม้แต่กระดาษใช้วาดรูปทุกวันนี้ก็ใช้กระดาษเหลือใช้จากสำนักงานที่โละทิ้ง และทุกเย็นกลับจากโรงเรียนก็จะมานั่ง ๆ เขียน ๆ อยู่ที่ทำงานของผม ซึ่งก็ไม่รู้สึกขาดเขินงอแงจะเอากระดาษสมุดวาดเขียนเหมือนเพื่อน ๆ ...
ล่าสุดน้องดินก็ยังบอกเลยว่าอาทิตย์หน้าเอากระดาษมาให้วาดรูปหน่อย...และระบุด้วยว่าต้องเป็นกระดาษเหลือใช้จากที่ทำงานพ่อเท่านั้นนะครับ
ส่วนตาลปัตรต่าง ๆ ก็พระที่บ้านนั่นแหละครับเป็นผู้มอบให้ แต่ตอนนี้เล่นจนชำรุดหมดแล้ว ส่วนคุณแม่ของเขาก็จะไปซื้อบาตรขนาดเล็ก ๆ มาไว้ 4 ลูก ตอนนี้ก็แตกละเอียดไปแล้ว 3 ลูก...
ขอบคุณนะครับ...
5555555555
สงสัยลูกชายพี่พนัสจะได้บวชเรียนแน่ๆเลย
ขนาดตอนนี้ยังใช้ไม้กวาดแทนตาละปัต
อนาคตของเจ้าต้องยิ่งใหญ่แน่นอน อาจจะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดที่ใดสักแห่ง่ในประเทศไทย แน่ๆเลย อิอิอิ
5555.....
จะเป็นวัดไหนที่ใดก็แล้วแต่ อย่าลืมนะครับที่จะร่วมไปตักบาตรทำบุญร่วมกัน...
ก็แปลกไม่น้อยนะนุ้ย...แกชอบเล่นอย่างนี้มาตั้งแต่ 2 ขวบเศษแล้วนะครับ
ว่าด้วยเรื่องเปลือยความสุขนั้นผมยังตั้งใจที่จะเขียนต่อไปเรื่อย ๆ (ตราบยังมีคนอ่าน) เพราะเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าความสุขจะมาเยือนผมอยู่เป็นระยะ
รบกวนอาจารย์เป็นกำลังใจติดตามด้วยนะครับ...
555555 อ่านไป ขำไป ไม่เคยเห็นเด็กๆ เล่นเป็นพระ หรือพี่ไม่มีหลานชาย ลูกชายแวดล้อมก็ไม่ทราบ ... น่ารักดี ขอให้เขามีภาพพจน์ที่ดีในทางศาสนานะค่ะ แม้ทุกวันนี้ภาพที่เกี่ยวกับสงฆ์ (บางรูป) บางครั้งจะดูแปลกๆๆๆ
ช่วงหลังๆ ยุ่งๆ เลยมาช้าไปนิด แต่เมื่อมาเก็บเกี่ยวก็ได้อรรถรส เต็มๆ เช่นเคยค่ะ
ช่วงนี้ผมเองก็ยุ่ง ๆ อยู่กับงานเหมือนกัน...กลับบ้านดึกทุกวัน และไม่มีแรงเข้ามาท่องบล็อกนานนัก ...ถ้าลูกยังอยู่ใกล้ ๆ คงช่วยให้หายเหนื่อยได้เร็วกว่านี้เป็นแน่ครับ
ได้อ่านเรื่องราวของสองมุมสองมุมนี้บ่อย ๆ และได้ดูภาพประกอบ เห็นได้ถึงความแตกต่างของสองหนุ่มนี้ชัดเจนครับ...
น้องสองคนโชคดีครับที่เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่ให้อิสระในการคิด ไม่ขีดอนาคตไว้ให้ลูก ปล่อยให้พวกเขาได้เลือกทางเดินของตัวเอง...
อ่านแล้วประทับใจกับทุก ๆ ตอนครับ...
ขอบคุณครับ...
ผมเองก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่เด็กทั้งสองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และทั้งสองก็มีลักษณะแง่มุมชีวิตที่ต่างกันอย่างชัดเจน ...
เมื่อเขาเลือกมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ในการเลือกที่จะเป็นเขาอย่างเต็มที่...แต่นั่นต้องไม่ใช่การเป็นปัญหาของสังคม...ซึ่งผมก็ได้แต่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดและสวดภาวนาอยู่อย่างไม่ว่างเว้น
ขอบคุณมากครับ