ณ เวลานี้ การไม่ค่อยส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้สาธารณะของสังคม ก็ปรากฏผลสืบเนื่องขึ้นมาเป็นความเคลื่อนไหวของสังคมไทยอีกเรื่องหนึ่ง ที่น่าจะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง คือ.....เรื่องหนึ่งคือความตื่นตัวต่อกระแสจตุคามรามเทพ กับอีกเรื่องหนึ่ง คือความเคลื่อนไหวของสังคม ซึ่งมิใช่ต่อกระแสสังคมที่มีต่อเรื่องเหรียญจตุคามรามเทพ ทว่า ต่อรัฐธรรมนูญ...ไม่ใช่เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องรอปฏิเสธรัฐธรมนูญ
สองแง่มุมนี้น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน เราจะส่งสัญญาณ สื่อสาร และจัดการการเรียนรู้ของสังคมผ่านการสื่อถึงกันและกันอย่างไรกันดีว่า ความเคลื่อนไหวและกระแสสังคมแบบนี้น่าให้ความสนใจและมีนัยต่ออนาคตของสังคมมากทีเดียว
กระแสสังคมจตุคามรามเทพนั้น ถึงแม้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการจัดการทางธุรกิจการค้าอย่างหนึ่งบนความศรัทธาของผู้คน กับการเกาะกระแสของสื่อ ทว่า อีกด้านหนึ่ง ย่อมเป็นเรื่องของศรัทธาและสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ จะดูกันเหมือนเรื่องทางวัตถุอย่างเดียวไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เป็นความย้อนแย้ง (Paradox) เป็นอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาร่วมกับสิ่งที่ประชาชนและสังคม ก็กำลังกล่าวถึงพร้อมๆกับกระแสของจตุคามรามเทพ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องส่งเสริมและทำนุบำรุงพุทธศาสนา เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญและการเรียกร้องทางการเมืองต่อรัฐบาล ซึ่งเมื่อมองลงไปในสาระสำคัญแล้ว ก็จะเห็นว่ามีหลายอย่างที่น่านำมาพิจารณาดู
ในทางการสาธารณสุขมูลฐาน ซึ่งเน้นการพึ่งตนเองเพื่อมีส่วนร่วมกับเรื่องสาธารณะให้เหมาะสม หรือเรื่องวิถีประชาสังคมศึกษา ซึ่งเน้นความตื่นรู้และตื่นตัวของประชาชนในการร่วมสร้างส่วนรวมอย่างมิใช่รอรับสิ่งดีๆจากที่คนอื่นต้องทำให้อยู่เสมอ หรือในทางทฤษฎีทางสังคมที่ว่าด้วยความสัมพันธ์และการจัดความสัมพันธ์เชิงอำนาจ...เหล่านี้ จะทำให้มองเห็นถึงประเด็นที่น่าคิดหลายเรื่อง คือ........
กระแสจตุคามรามเทพนั้น เป็นการฝากความหวังและอนาคตทั้งของปัจเจกและสังคม ไว้กับพลังอำนาจภายนอก อันได้แก่ของเทพเจ้า ซึ่งสังคมได้สร้างขึ้นมาด้วยความเชื่อชุดหนึ่ง เรียกว่าการพึ่งและขึ้นต่ออำนาจภายนอกตนของปัจเจก
วิธีคิดและความเชื่อความศรัทธาชุดนี้ แม้จะกล่าวถึงความเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนา อีกทั้งเกิดขึ้นในบรรยากาศที่สังคมมักพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็เป็นวิธีคิดและมีฐานความเชื่อซึ่งน่าจะเป็นคนละเรื่องกับพุทธศาสนาและวิธีคิดในเศรษฐกิจพอเพียง อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นตรงกันข้ามเลยทีเดียว
ทางด้านพุทธศาสนานั้น มีหลักการพื้นฐานอย่างหนึ่งที่สำคัญมากคือ การเน้นความเชื่อเกี่ยวกับความเป็นพุทธของปัจเจกและชุมชน หรือเชื่อมั่นในอำนาจทางสติปัญญา ความตื่นรู้ ความรู้แจ้งด้วยตนเอง ให้ความสำคัญต่อความสามารถของมนุษย์ ที่จะจัดการสิ่งจำเป็นต่างๆ อย่างเท่าทันและทัดเทียมกับเหตุปัจจัย ซึ่งถือว่าเป็น อำนาจภายในตน เป็นอีกด้านหนึ่งที่ต่างจากความเชื่อเกี่ยวกับพลังอำนาจภายนอกตน
การพึ่งและขึ้นต่ออำนาจภายนอกตนของปัจเจก ชุมชน และสังคมนั้น ต้องกระทำผ่านการกราบวิงวอน การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือตน อีกทั้งมีมิติของความเป็นประชาธิปไตยน้อย เพราะมิใช่จะทำได้เสมอกันทุกคน แต่ต้องกระทำผ่านบางคนและผ่านสิ่งที่ต้องให้ความเคารพบางสิ่ง เท่านั้น ซึ่งลดทอนการพัฒนาภาวะความเป็นมนุษย์ในวิถีพุทธศาสนา เพราะการจัดการความทุกข์และการบรรลุซึ่งสิ่งที่พึงประสงค์ของมนุษย์ในคติของพุทธศาสนานั้น เน้นให้รู้แจ้งและจัดการด้วยสติปัญญาให้เหมาะสมแก่เหตุปัจจัย อีกทั้งถือว่าสิ่งดังกล่าวเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีแนวทางไปกันคนละด้าน ไม่ใช่เรื่องเดียวกันเลยทีเดียว
กระแสความเชื่อและความศรัทธาแบบนี้กำลังน่ากลัวมาก เช่น เพียงแค่ส่งสัยว่าจะมีคนมาขโมยเหรียญจตุคามฯ และเจ้าของก็ยิงทิ้งผู้ต้องสงสัยไปสองคน ทั้งหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องและสาธารณชนกลับบอกว่าเป็นความชอบธรรมในการป้องกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์
หรือย้อนไปเมื่อปีที่ผ่านมาก็คล้ายกัน แต่ว่านั่นเป็นเรื่องเทวรูป ซึ่งมีคนเสียสติไปทำให้เสียหาย เป็นเหตุให้กลุ่มชนเข้าไปรุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิตในนามของการทำเพื่อศรัทธา
ทั้งสองกรณีนี้ อย่าว่าแต่ไม่มีในแนวปฏิบัติของพุทธศาสนาแน่ๆ เลย การทำลายชีวิตอื่น ไม่ควรเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ทั้งในทางศาสนธรรมและทางค่านิยมที่เป็นสากลของมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ ความเชื่อและความศรัทธาของสังคมกำลังเคลื่อนไปในทางที่น่ากลัว เหมือนคลื่นทะเลแรงที่พร้อมจะโถมทำลายทุกสิ่งที่เข้ามากางกั้น
ดังนั้น หากระดมทุนผ่านกระแสจตุคามรามเทพ แม้เราจะสามารถรวบรวมทุนมาสร้างถาวรวัตถุได้สักหนึ่งอย่าง แต่เมื่อเทียบกับการได้สร้างความหลงงมงายของประชาชนและมวลชน นับหมื่นนับแสนคนไปด้วยแล้ว ก็น่าคิดว่ามันจะเหมาะสมกันหรือไม่ เป็นการส่งเสริมหรือว่าบั่นทอนมาจากภายในตนเอง ในสิ่งที่สังคมต้องการทำนุบำรุง
ในด้านเศรษฐกิจพอเพียง หลักคิดสำคัญก็คล้ายกัน คือ การพึ่งตนเองให้ได้พร้อมทั้งมีการจัดการทั้งโดยสติและปัญญา กรณีตัวอย่างเช่น ในชาดกพระมหาชนก ก็เน้นค่านิยมและแนวดำเนินชีวิตแบบพึ่งความพากเพียร ความบากบั่น และความมุมานะ อย่างไม่มีขีดจำกัด ซึ่งก็เป็นหลักคิดของการพึ่งพลังอำนาจภายในตนเป็นก่อนอื่นเช่นกัน
ดังนั้น กระแสการพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงของประชาชนและสังคมไทย ก็เห็นจะเป็นความศรัทธาที่ขาดความสมดุลทางสติปัญญา และการใช้ความรู้ที่จะสามารถระดมพลังการปฏิบัติขึ้นมาได้อย่างจริงๆจังๆ เช่นกันกระมัง
ทางด้านการพัฒนาสังคมและการเมืองนั้น อันที่จริงแล้ว แทนการเน้นการไหว้วอนเทพเจ้า และการตื่นกระแสจตุคามฯ ณ เวลานี้สังคมพึงหันมาพึ่งการจัดการที่จะคาดหวังได้จริงๆในอนาคตคือควรตื่นตัวต่อการร่างรัฐธรรมนูญและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้สังคม เพื่อเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญแล้ว การแสดงประชามติและการเลือกตั้ง ก็จะสะท้อนถึงการมีความรู้ ความเข้าใจ ใช้วิจารณญาณในการมีส่วนร่วม และตัดสินใจต่อเรื่องต่างๆได้อย่างเหมาะสม เป็นการร่วมสร้างสังคมแห่งการพึ่งพลังความรู้และการจัดการด้วยการพึ่งตนเองเป็นเบื้องต้น พอเพียงแก่สภาวการณ์และความจำเป็นของปัจจุบัน
สังคมหลังการร่างรัฐธรรมนูญ และสังคมไทยหลังกระแสจตุคามรามเทพ จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ควรช่วยกันคุย ช่วยกันจัดการความรู้และสื่อสารเรียนรู้ ให้สติ ส่งเสริมการใช้ปัญญา ความปรึกษาหารือกัน และการใช้ความรู้ความเข้าใจ ที่สมดุลกับความศรัทธาแบบกำลังจะสุดโต่ง.
ขอบคุณมากครับ ที่อาจารย์
ช่วยเขียนเตือนสติ
ช่วยให้คนที่ หลง งมงาย คืนสติ
ช่วยให้คน ทำนาบนหลังคน (บางคน) มีสติ
ช่วยให้คน ขาดสติ วนเวียนและลุ่มหลง กับอำนาจภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ได้คืนสติมาใช้อำนาจภายใน คือตัวตนของตนเองในการกำหนด กระทำ ดี-ชั่ว ได้ด้วยตนเอง และ
ท้ายที่สุด
ช่วยให้ผมมีสติ
ขอให้ช่วยกันเผยแพร่ให้กับคนทั่วไปด้วยนะครับเพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมของ ผู้รู้เท่าทันอย่างน้อยก็ตนเอง ผู้ตื่นที่สามรถคิดใคร่ครวญอย่างมีสติระลึกได้ ต่อไป ขอบคุณครับ
โจ้น้อย
ขอบคุณครับอาจารย์ที่มาเยี่ยมเยือนและร่วมสะท้อนความคิดเห็น อย่างอาจารย์อย่าเรียกว่าเรื่องนี้ช่วยให้อาจารย์มีสติเลย อาจารย์เป็นนักปฏิบัติและมีความสุจริตใจมาก เป็นพื้นอุปนิสัยที่บ่งบอกถึงการเป็นผู้หมั่นดูแลภายในตนเองมาดี ผมมีความยินดีมากที่อาจารย์ให้ความสนใจเรื่องนี้ เพราะอาจารย์เป็นนักวิทยาศาสตร์ มีกำลังที่จะเข้าใจและสามารถร่วมพูดคุยเรื่องแบบนี้กับชุมชนและผู้คนต่างๆ ได้ดี
ผมมีอีกบันทึกมาแบ่งปันด้วยครับ เป็นเรื่องวิธีอ่านงานวิจัย เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นไอเดียในการทำวิจัยครับ ตรงนี้ครับ........
http://gotoknow.org/blog/Healthy-Inter/92260
ขอให้อาจารย์มีความสุข สุขภาพดี มีพลังใจ และรักษาความดีงามที่มีอยู่มากมาย อย่างยั่งยืน
วิรัตน์