ไม่รู้กับโง่...มันคนละเรื่องกันเลย


อย่างไรก็ตามครูอ้อยก็ชอบว่าตัวเองไว้ก่อน....ก่อนที่คนอื่นจะมาว่าครูอ้อย
ช่วงระยะนี้  ครูอ้อยจะทำความคุ้นเคยกับลุกสาวคนใหม่  ก็คือ.....  น้อง acer 
ค่อยๆรู้จักไปทุกๆวัน  วันละนิดหน่อย   ครูอ้อยเชื่อฟังผู้ที่มีประสบการณ์สูงบอกสอน  ตลอดจนแนะนำ  เรื่องการใช้  notebook  ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับครูอ้อย  จึงเกิดบันทึกแบบคนไม่รู้ว่า .....เพิ่งรู้ว่าตัวเอง...โง่สุดสุด 
และยังมีความเปิ่นของครูอ้อยอยู่หลายตอน 
ทั้งนี้ทั้งนั้น  เพราะเนื่องมาจากความที่ไม่รู้....  แต่อยากรู้  เกรงและกลัว  คนอื่นจะมากล่าวเอาได้  เลยว่าตัวเองก่อน  ว่า...โง่ 
จนมีมิตรรักท่านหนึ่งสงสัยว่า...ทำไมว่าตัวเองว่า...โง่...
ก็ด้วยเหตุดังที่กล่าวมาแล้ว  ก็คือ  กลัวคนอื่นมาว่า  ครูอ้อยโง่  มันเจ็บปวดมากกว่า 
คำพูดว่า..ไม่รู้  เพราะความไม่รู้   และทำให้ตัวเองรู้จากการเพิ่มประสบการณ์  เพิ่มความชำนาญให้ตัวเอง 
เรื่องของความโง่  จะหมดสิ้นไปหรือไม่   อย่างไรที่เรียกว่า....โง่  
ความโง่นั้น  เป็นสติปัญญามาตั้งแต่เกิด  
แต่ความไม่รู้นี้  เพราะไม่ได้เรียน  และไม่มีประสบการณ์เสริมเพิ่มเติม  .....  จึงทำให้ไม่รู้ 
ดังนั้น ไมรู้กับโง่.....  เป็นคนเรื่องกันเลย  
เรื่องที่ไม่รู้คือ  ครูอ้อยไปแอบเห็น  การทำงานหลายหน้าต่าง   เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน   โดยเฉพาะการเขียนบันทึกลงในบล็อกนี้ 
ถ้ามีการทำงานหลายๆหน้าต่าง  ก็จะทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น  วันหนึ่งครูอ้อยก็นั่งทำงานที่ห้องทำงานนั้น  ครูอ้อยกดอะไรพลาดไป  หน้าจอก็เกิดการเปลี่ยนแปลง  ครูอ้อยอดทนทำไปแบบไม่มี ไอคอนเลย  รู้แต่ว่า  คลิกหาในเมนูต่างๆก็ได้  
จนกระทั่งผู้รู้ท่านหนึ่งมาจัดการเปลี่ยนแปลงให้  นี่เป็นตัวอย่างของคนไม่รู้  ไม่ใช่โง่  
แต่ครูอ้อยก็ยืนดูการทำงานของครูคอมพิวเตอร์คนนั้น  และเห็นการทำงานหลายๆหน้าต่าง  จึงลองทำดู  และก็รู้หลายๆอย่างจากการสังเกต  นี่เป็นตัวอย่างของการหาประสบการณ์เพิ่ม   เพื่อป้องกันการโง่ 
มิตรรักใน G2K หลายท่าน  ได้ชี้แจงให้ครูอ้อยได้รู้  จะได้ไม่โง่หลายท่าน 
จึงขอขอบคุณมา  ณ ที่นี้ 
จำไว้  ไม่รู้กับโง่...มันคนละเรื่องกัน
หมายเลขบันทึก: 91684เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2007 18:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
ผมคิดว่า คำว่าโง่ เปนการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาของบุคคลที่คิดว่าตัวเอง เก่ง ฉลาดเหนือกว่าผู้อื่นเท่านั้นเองครับ ซึ่งเปนธรรมดาของพฤติกรรมมนุษย์ที่อยากได้รับการยอมรับจากผู้อื่น คำว่าโง่จึงบังเกิดขึ้นมา ที่จริงแล้ว คนทุกคนไม่รู้ไปซะทุกเรื่อง คนทุกคนจึงต้องเรียนรู้ในเรื่องต่างๆไปตลอดที่ยังคงมีลมหายใจอยู่ครับ ขอบคุณครับ
  • เหมือนกับคำว่า....รักนะเด็กโง่...หมายถึง  ความโง่ที่ผู้หญิงคนนี้มีอยู่นั้น  มันมีความบริสุทธิ์มากจน  ทำให้เกิดความรักได้  
  • ไม่ได้หมายถึง  โง่ดักดาน  อะไรแบบนั้นใช่ไหมคะ
  • งั้นครูอ้อยก็ขอเป็น...เด็กโง่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

  • ไม่รู้ ไม่ได้แปลว่า"โง่"
  • คิดเหมือนคุณเอส_ครับ เลยค่ะว่าเป็นศัพท์บัญญัติของคนที่ฉลาดแล้วคิดว่าตัวเองเก่ง
  • ยังมีอะไรอีกมามายที่เราไม่รู้
  • เราจึงต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
  • งั้น  บันทึกของครูอ้อยก็ตรงกับจุดมุ่งหมายคือ...โง่..กับ...ไม่รู้...เป็นคนละเรื่องกัน
  • มี 2 ท่านมายืนยันแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ น้อง แก่นจัง

  • สวัสดีค่ะครูอ้อย 
  • เมื่อก่อนก็เคยคิดว่าตัวเองโง่ค่ะ....แต่เดียวนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว....คิดเหมือนครูอ้อยแล้วน่ะค่ะ คือ  เราไม่รู้..พยายามเรียนรู้เพิ่มอีกก็รู้แล้ว  ตอนนี้จึงมีคำว่า  รู้ กับไม่รู้  เท่านั้น  
  • ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีค่ะน้องหญ้าบัว

  • เมื่อก่อนคือ...ง
  • แต่ปัจจุบันคือ....ฉ
  • ตัวอักษร  ง...มาก่อน  ฉ...อยู่แล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ

เห็นด้วยค่ะ  โง่กับไม่รู้ มันคนละเรื่องกัน ^___^

สวัสดีน้อง  จินตนา อิ่มรักษา   อีกครั้งหนึ่ง

  • เวลาที่สอนนักเรียน  ไม่ควรที่จะบริภาษนักเรียนถึงคำว่า....โง่
  • เพราะนักเรียนต้องเรียนรู้เพื่อ.....ให้รู้  และนำไปใข้ได้ให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของตนเอง
  • โง่....เป็นคำหนักมาก  และเป็นคำที่ติดลบด้วย

ขอบคุณค่ะ

เพราะฉะนั้น ต้องหาคำที่เป็นคำพูดที่เพราะๆดีๆมาคุยกันให้รื่นหู

เช่น...เอ...วันนี้ทำไมครูอ้อยสวยน้อยจัง...หมายถึงขี้เหร่ใช่ไหมคะ..อิอิ

จะไปหาหมอแล้วค่ะ...บาย...เจอกันตอนบ่ายค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท