สติ คือองครักษ์พิทักษ์เรา(2)


ต่อจากตอนที่แล้ว

ข้อ3.การแก้โทสะ มีวิธีและขั้นตอนอย่างไรบ้าง

ตอบ มี 2 แบบ แบบแรก เอาหินทับหญ้าไว้ก่อนเพราะจะหาปัญญาตอนนั้น มันไม่ทัน พอเกิดโทสะ หายใจเข้าออกลึกๆทำใจให้เป็นสมาธิ จนกระทั่งลมหายใจกลับมาเป็นปกติ โทสะจะเบาบางลง แล้วค่อยยกโทสะนั้นขึ้นมาพิจารณาหาเหตุผล สติจะหล่อเลี้ยงให้มีกำลังต่อไปถ้าเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกเราก็อาจจะไม่โกรธอีก  ฝึกแผ่เมตตาจนเป็นนิสัย แล้วโทสะแต่ละครั้งก็จะเบาบางลง

 

ข้อ 4.ต้องการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ แต่ในการทำงาน เห็นการให้ลาภ และปัจจัยที่ไม่ถูกต้อง ไม่อยากเกี่ยวข้อง เคยคิดอยากลาออก ควรทำอย่างไร กราบเรียนช่วยให้ธรรมะด้วย

ตอบ  ศีลคือความเป็นปกติของกายและใจ ตราบใดก็ตามที่เราดำรงกาย วาจา ใจ ได้ปกติเสมอต้นเสมอปลายได้ตลอดนำสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นมาสอนใจเรา สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราเป็นเหมือนใบบัว อยู่ในน้ำ ทำอย่างไรเราจะไม่ติดขี้โคลนนั้นได้ ถึงเราจะแช่อยู่ในน้ำขี้โคลนนั้น เราแก้ไขตกแต่งโลกไม่ได้ แต่ทำอย่างเราจะเอามาเป็นธรรมะสอนใจเราไม่เป็นกระดาษซับที่พอยกจากขี้โคลนก็เปื่อยเป็นขี้โคลนไปด้วย ธรรมชาติน้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำ เราพยายามประคองตัวเราไว้ไม่ไหลตาม การอยากลาออกแล้วโทษสิ่งแวดล้อมไม่ถูกต้อง เพราะใจของเราเองต่างหากที่หงุดหงิดเพ่งโทษคนอื่นถูกโทสะบั่นทอน โทษเขาแล้วลืมดูตัวเราการได้ลาภ และปัจจัยที่ไม่ถูกต้องซึ่งระบาดไปทั่วทุกแห่งหนเพราะยุคนี้เป็นยุควัตถุนิยม แล้วกิเลสในใจคนก็มีเชื้อกันอยู่แล้ว เมื่อผู้ใหญ่ไม่ได้กำหราบให้เรียบร้อย จึงเหมือนเห็ดหน้าฝนที่ผุดขึ้นมามากมายจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา การที่เรา อยากลาออกนั้น โทสะในใจเราเกิดเพราะหงุดหงิด รังเกียจ เมื่อปล่อยให้มันงอกงามขึ้นเราก็ไม่ต่างจากเขาเลย ถ้ามองอย่างนี้เราก็ต้องกลับมามองที่ตัวเรา แก้ไขตัวเองให้ดีก่อนแล้วจึงจะไปช่วยคนอื่น เหมือนเห็นคนตกน้ำเราเองยังว่ายน้ำไม่แข็งจะไปช่วยก็จะจมไปด้วยกันตายทั้งคู่  เราช่วยตัวเราก่อนเมื่อทำคุณงามความดีขึ้นมาก็แผ่เมตตาให้เขาไป ขอให้เทพผู้มีฤทธิ์ช่วยนำความนี้ไปบอก ไปกระตุ้นให้เขาฉุกคิดได้ จะได้เปลี่ยนพฤติกรรม

ข้อ5.ในยุคที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์มีการละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมในเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะราคาของโปรแกรมแพงมาก ถ้าเรามีส่วนเกี่ยวข้องถือว่าผิดศีลข้อ2  ใช่ไหม

ตอบ ถ้าเรามีหน้าที่ใช้ ก็ใช้ไป บางครั้งการรู้มากก็ยากนานรู้แล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้  จะเป็นการเบียดเบียนตนเองอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ถ้าเราเข้าไปเข้าเกี่ยวด้านการซื้อหาอยากจ่ายเองเพื่อให้ตัวเองสบายใจก็ได้ มองมันให้เป็นธรรมะเพื่อให้เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ค่อยมีอะไรที่น่าพิศมัย ตราบที่ต้องอยู่ก็ต้องเมตตาตัวเองเอาไว้ อย่าไปทุบถองใจตัวเองด้วยการเท่าไม่ถึงการณ์

ข้อ6.บางครั้งการเป็นคนกตัญญูกดดันให้ต้องรับผิดชอบกับปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่ออยู่หลาย ๆ ครั้ง จะใช้ธรรมะเพื่อให้มีสติคุ้มครองใจอย่างไรดี

ตอบ  ตัวเองไม่อยากทำความดีจึงไม่อยากไปยุ่งกับปัญหาที่ตัวเองไม่เกี่ยวข้อง ทำไมไม่คิดบ้างว่าถ้าเราไม่เกี่ยวข้องยังไงก็จะมาเกี่ยวข้องไม่ได้ แต่เมื่อมันมาเกี่ยวกับเราได้มันต้องเป็นหนี้สินของเราแต่เราจำไม่ได้ว่าตั้งแต่ปางไหน ดังนั้นต้องการทำความดี กตัญญูโดยที่ใจไม่รั่วไม่ร้าวแล้วก็จะได้เพิ่มบุญกุศล แต่ถ้าคิดไม่ได้ว่าเป็นกรรมที่เคยก่อ ก็คิดเสียว่าเราจะได้ทำบุญกุศลเพิ่มขึ้นไปอีกนอกจากความกตัญญูในเรื่องที่เราไม่ได้ก่อ เป็นหินลับสติปัญญาให้เกิดปัญญาเห็นชอบเพิ่มขึ้น เทวดารักษาตัวเราก็ดีจังคิดจะให้ได้บุญเร็วข้ามชั้น ทั้งที่เราเองไม่คิดจะเอาบุญมากมาย แต่ได้บุญมากมายมหาศาล ถ้าคิดได้อย่างนี้ใจเราก็เบิกบาน 

 ข้อ7.เราจะใช้สติตั้งรับกับสถานการณ์ที่เราชอบและไม่ชอบให้ทันเวลาได้อย่างไร เพราะเผลอทุกที กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปหลายวัน หรือหลายชั่วโมงแล้ว

ตอบ สติต้องอยู่กับใจของเรา เวลามีอะไรมากระทบ สติก็จะเคลื่อนไปเป็นอัตโนมัติเหมือนมือที่จับกันเหนียวไม่ปล่อยกันเลย  การใช้สติตั้งรับกับสถานการณ์จะไม่ทัน ถ้ารู้ตัวโดยให้ตัวกับใจอยู่ด้วยกัน  เพื่อให้สติอยู่กับใจ เช่น สติอยู่กับลมหายใจ  ทำไปเรื่อยๆต่อไปสติจะมารักษาเรา

ข้อ8.ปีนี้มีคำทำนายที่ไม่ค่อยดีหลายเรื่อง เช่น น้ำจะท่วมประเทศไทย  กรุงเทพฯ และหลายๆจังหวัดจมน้ำ เป็นต้น เราจะตั้งสติหรือทำใจรับกับคำทำนายหรือสถานการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่รู้สึกกังวลมากนี้อย่างไร

ตอบ  ไม่ควรกังวลจนเกินไป เหตุการณ์ใดๆเมื่อมีเหตุปัจจัยจะเกิดก็ต้องเกิด  ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ใช้สติอยู่กับปัจจุบัน  พลังแห่งกุศลจิตเมื่อรวมกันมากๆจะช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายที่จะเกิดขึ้นบรรเทาลงได้ หรืออาจไม่เกิดก็ได้ 

                            "ปัจจุบันคือนาทีทอง"

ช่วงท้ายอาจารย์พาพวกเรา ทำสมาธิกันประมาณ 10 นาที และฝากให้พวกเราทำสมาธิก่อนนอนประมาณวันละ 15 นาที อย่างน้อยใจที่เป็นสัมมาสมาธิจะมีพลังเป็นเหมือนสนามแม่เหล็กเมื่อมารวมกันจะได้ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆที่ไม่ดี  ดีขึ้นได้ค่ะ 

อิ่มบุญจากการฟังธรรม ดิฉันว่าจะให้ดีอย่าเอาแต่ฟังควรน้อมนำไปปฏิบัติด้วยเพื่อประโยชน์ต่อตนเอง และประเทศชาติด้วยนะคะ (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)

หมายเลขบันทึก: 91348เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2007 09:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อ่านธรรมะอาจารย์คุณหมออมรา แล้วได้แนวทางฝึกสติกับชีวิตประจำวัน สัญญากับอจ.ว่าจะพยายามฝึกสติให้ได้ทุกวันค่ะ

มีข้อคิดเห็นในคำถามข้อที่5 เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ผิดศีลข้อ2(ลักทรัพย์ไหม) ขออนุญาตอจ. ให้ข้อคิดเพิ่มเติม หากผิดพลาดประการใด รบกวนอจ.หรือผู้รู้ช่วยกรุณาเสริมให้ด้วยนะคะ

การละเมิดลิขสิทธิ์ ก็เหมือนการเอาของ/ทรัพย์ ที่เจ้าของเขาหวง เขาไม่ให้ ผิดศีลข้อ2แน่ค่ะ แต่จะเบาหรือหนักก็ขึ้นกับเจตนาเป็นกุศล (เช่นเอาไปใช้เพื่อชาติ/ประชาชน) หรือเป็นอกุศล (เช่นก็อปปี้เพื่อขายต่อ เพื่อประหยัดสตางค์) หรือไม่ได้เจตนา (เช่นไม่รู้ว่ามีลิขสิทธิ์ เห็นเขาขาย อยากได้ก็ซื้อมา) ผลของกรรมที่จะได้รับก็แตกต่างกันไปตามเจตนาค่ะ

โดยปกติถ้าเราเป็นหน่วยงาน อาจติดต่อตัวแทนจำหน่าย ขอต่อรองราคาได้ค่ะ เพราะเขาก็อยากขายเราเหมือนกัน

คุณ  สิ

เท่าที่ฟังมา "ศีล" คือความเป็นปกติของกายและใจ  เราไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมหรือใครได้(เปลี่ยนตัวเองยังยากเลยค่ะ)ดังนั้นการมีสติรักษาใจอยู่เป็นเนืองๆก็จะช่วยให้ศีลไม่พร่องค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท