เขาพูดกันว่า "ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างคุณภาพของประชากรเพื่อพัฒนาประเทศ"
หลายคนจึงมีความมุ่งมั่นที่จะมาเป็นครู และเมื่อได้ทำหน้าที่นี้.....ครูก็ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทที่ว่าด้วยความตั้งใจเพื่อสร้างคุณภาพของประชากร
ครูที่มีวินัย คุณธรรม จริยธรรมและประพฤติตนอยู่ในจรรยาบรรณวิชาชีพ มีประสบการณ์และคุณภาพการปฏิบัติงานดีเด่นในการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและส่งผลต่อการพัฒนาลูกศิษย์เต็มตามศักยภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการจัดการศึกษา.....ก็น่าจะได้ขวัญและกำลังใจในการทำงาน
ครูหลายคน....ส่งผลงานอาจารย์ 3 เชิงประจักษ์...และคิดว่าผลงานของตนดีเด่น....เชิงประจักษ์จริง ....ก็น่าจะได้รับการพิจารณาให้ผ่านแน่นอน แต่ด้วยตัวแปรหลายอย่าง (ผู้ตรวจผลงานเชิงประจักษ์/ ทักษะในการเขียนผลงานของครู/ เกณฑ์การประเมิน/ อื่นๆ) ทำให้หลายคนขาดขวัญและกำลังใจไปครั้งที่ 1
ต่อมา...ขวัญและกำลังใจของครูเริ่มเห็นลาง ๆ แล้ว เพราะผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินครั้งนั้น มีโอกาสได้เข้าอบรมในหลักสูตร "การพัฒนาข้าราชการครูเพื่อให้มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ"
ความหวังมีอีกครั้ง ครูที่ไม่ผ่านการประเมิน/ ครูที่สละสิทธิ์ไม่ให้กรรมการตรวจผลงาน ได้รับโอกาสเข้าอบรมหลักสูตรนี้เป็นเวลา 9 วัน โดยต้องผ่านเกณฑ์ ในด้านเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 80% ทำกิจกรรมตามใบกิจกรรมแน่ละหน่วยต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 70% ทดลองสอนต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 70% และต้องได้คะแนนการทดสอบความรู้ ไม่น้อยกว่า 70%
เหนื่อยค่ะ...ทุกคนตั้งใจมาก ก็ความหวังใกล้เข้ามาแล้วนี่ อบรมเสร็จก็วาดหวังไว้ว่า คะแนนเฉลี่ย 70% ได้แน่นอน
ผล...มีครูที่สมหวัง 38% ส่วนที่เหลือขวัญและกำลังใจหดหายไป บางห้องไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์แม้แต่คนเดียว เป็นไปได้อย่างไร จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะ Double Standard คณะกรรมการในแต่ละชุด
เหนื่อยแทนจริง....ครูที่ผ่านแล้วต้องนำความรู้ที่ได้จากการอบรม ฯ มาทำแผนการจัดการเรียนรู้และสอนเป็นเวลา 11 สัปดาห์และเขียนรายงานผลการสอนครั้งนี้อีก
เหนื่อยค่ะ...แต่เหนื่อยแบบสมหวังค่ะ ส่วนผู้ไม่สมหวังก็มีโอกาสเหมือนกันกับผู้ที่ผ่านการอบรมนั่นแหละ คือต้องจัดทำนวัตกรรมการเรียนการสอนและทดลองสอนเป็นเวลา 11 สัปดาห์เช่นเดียวกัน แต่เกณฑ์การประเมินเข้มข้นกว่า...เขาว่างั้น
เหนื่อยแทน...ครูที่เขาว่า "ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างคุณภาพของประชากรเพื่อพัฒนาประเทศ" จริง ๆ
สวัสดีครับ
ครู คือ คนของแผ่นดิน (เสมอ) ...แต่ก็ดูเหมือนครูจำนวนไม่น้อยจะประสบปัญหาเกี่ยวกับสถานะทางรายได้และความก้าวหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก...หนี้สินพะรุงพะรัง ยิ่งบางคนก้หมดไฟไปกับระบบเลยก็มีไม่น้อยเช่นกัน
ขอแสดงความยินดีกับครูทุกท่านที่มีโอกาสได้เป็นแม่พิมพ์ของชาติ, ขอแสดงความยินดีต่อครูที่ผ่านการประเมิน และขอเป็นกำลังใจแก่ครูที่ยังต้องก้าวเข้าสู่การประเมินเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตตนเองสืบต่อไป
ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงสักแค่ไหน...ครูก็ยังเป็นคนของแผ่นดินเสมอ...
รักและเคารพครู ....ครับ !
ขอบคุณ..... คุณแผ่นดิน ค่ะที่มาเยี่ยมเยียนคนแก่ มีกำลังใจขึ้นมากนะ
ได้แวะเข้าไปสู่บรรยากาศของครอบครัวคุณ อบอุ่นจังค่ะ
เด็กหากได้สัมผัสกับธรรมชาติและได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบกาย ถือได้ว่า "แดนไท" เรียนรู้ภาษาอย่างธรรมชาติ
สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือการที่เด็กได้เรียนรู้ภาษาท้องถิ่น เป็นสิ่งดีสำหรับเด็ก เพราะเขาว่าเด็กสามารถเรียนรู้ภาษาได้หลายภาษา (แต่จำไม่ได้แล้วว่ากี่ภาษา)
ขอบคุณที่มีสิ่งดี ๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ
ขอบคุณอาจารย์มากครับ...
หลายคนทักว่าทำไมสอนให้ลูกพูดภาษาอีสาน...ผมเป็นงงเลยนะครับ เพราะไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไร...ผมอยากให้เขารู้รักในภาษาถิ่นของตนเอง เพราะยังไงความเป็นไทยก็เต็มล้นในตัวเขาอยู่แล้ว...
ไปโรงเรียนพูดภาษาไทยกับเพื่อนและคุณครู..กลับบ้านและกลับไปหาปู่ย่าก็พูดภาษาอีสาน อบอุ่น - ใกล้ชิดกันดี...ไม่มีช่องว่างทางภาษาระหว่างลูก ๆ กับปู่ย่า...ผมคิดเช่นนั้นนะครับ
สวัสดีค่ะท่าน...วิไล วัชรพิชัย
ขอบคุณค่ะท่าน