me_off
นาย ชัยนันท์ อ๊อฟ แสงสุระธรรม

เรื่องดีๆ จากจดหมายส่งต่อ 1


"สุข" ทางการเงิน
โจ..มณฑานี ตันติสุข" กับชีวิตใหม่ ผ่าน "ทุกข์" จนพบ "สุข" ทางการเงิน 
      จากคนที่เคยล้มเหลวในชีวิตการเงินอย่าง "รุนแรง" จนถึงขั้นขึ้นศาลเพราะถูกฟ้องร้องและเกือบล้มละลายจากหนี้สินล้นพ้นตัว 
      แต่วันนี้ชีวิตใหม่ของ.."โจ" มณฑานี ตันติสุข ดีเจรายการวิทยุ พิธีกรรายการ นักวิจารณ์ภาพยนตร์ นักเขียนเรื่องสั้นแนวไซไฟ ล่าสุดเป็น ผู้เขียนหนังสือ "เงิน..เรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน" .. ! 
      กำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สู่อนาคตอันสดใส และมั่งคั่งยั่งยืนทางการเงิน เธอเล่าว่า 
      จุดเริ่มต้น ของปัญหาทางการเงินของตัวเอง ปะทุขึ้นหลังจากเจอวิกฤติเศรษฐกิจค่าเงินบาทลอยตัว ผลจากการตั้งบริษัทจัดคอนเสิร์ตครบวงจร ซึ่งได้นำนักร้องเกาหลีเข้ามาแสดงคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก
      แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดหนี้สินรุงรังตามมา จนไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน และไม่มีเงินผ่อนบ้าน บัตรเครดิต จิปาถะ.. 
      "ตอนนั้นมีภาระหนักต้องส่งค่าผ่อนบ้าน 4 หมื่นบาทต่อเดือน แถมเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกเกือบแสน" 
      แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของโจเปลี่ยนแปลง และหันมาสนใจ "แก้ปัญหา" การเงินอย่างเป็นจริงเป็นจัง ครั้งแรก
      เมื่อเกิดไฟไหม้บ้านจนหมดตัว และอีกครั้งเมื่ออยู่ในเหตุการณ์ซึนามิ เฉียดตาย !! 
      "ตอนนั้น ไฟไหม้ หมดตัว แต่ค้นพบว่าเหลือเพียงรองเท้า 200 คู่ที่ซื้อมา นอกนั้นสิ่งอื่นๆ ไหม้หมด ก็คิดว่าจะซื้อมาทำบ้าอะไรไม่รู้ เอาไปขายก็ไม่ได้ เอาไปช่วยตัวเองตอนไฟไหม้ก็ไม่ได้ นั่นทำให้หันมาเริ่มปรับปรุงชีวิตและการเงินตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ 
      จากนั้นสองปีต่อมาก็เกิด ซึนามิ  รู้สึกว่าชีวิตไร้ค่ามาก ใช้ชีวิตไปวันๆ" 
      โจ บอกว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาของเธอเกิดจากการขาดการอบรมความรู้เรื่อง การเงิน โดยเฉพาะที่บ้าน 
      พ่อแม่ และครูที่โรงเรียน ไม่ได้สอนการเงินให้แก่เด็ก "พื้นฐานครอบครัวไม่ได้สอนให้รู้จักการวางแผนการเงินเลย แม้จะเป็นเด็กที่หาเงินตั้งแต่เด็ก รู้จักออมเงินและนำเงินมาช่วยพ่อแม่ยามวิกฤติ แต่โตมาก็บริหารเงินไม่เป็น  ทั้งพ่อและแม่มีนิสัยใช้เงินเกินตัว และ
ซื้อความสบายก่อนนึกถึงอนาคต 
      พ่อมีเงินเดือนหมื่นบาทแต่ใช้สามหมื่นบาท 
      ส่วนแม่เป็นข้าราชการใช้เงินเก่ง มีหนี้บัตรเครดิต มีมือถือสองเครื่อง เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนดเพียงเพราะต้องการเอาบำเหน็จ ได้เงินมา 5 แสน แต่ใช้หนี้ไป 4 แสน" 
       เมื่อรอดจากเหตุการณ์ซึนามิมาได้ โจก็เริ่มเรียนรู้การเงินด้วยตัวเองอย่างจริงจัง ผ่านเวบไซต์การเงินของต่างประเทศ จนถ่องแท้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา    ด้วยการเริ่มจากทำ บันทึกการเงิน ก็ทำให้โจค้นพบปัญหาการเงินของตัวเอง และแนวทางแก้ไข ซึ่งเหมือน
กับ "ไฟส่องทาง" ให้แก่ตัวเธอ เพื่อเป้าหมาย ล้างหนี้บ้านที่มีอยู่ 3.7 ล้านบาท และหนี้บัตรเครดิตอีก 1.2 แสนบาท หลังจากเกิดปัญหาวิกฤติยุคไอเอ็มเอฟ เธอก็ "หยุด" ผ่อนบ้าน จนกระทั่งถูกธนาคารเป็นโจทก์ฟ้องร้องต้องขึ้นศาล พิพากษาคดีบ้าน 
      แนวทางการ "ปฏิวัติ" นิสัยการเงินใหม่ของโจ ที่เธอต้องการเสนอแนะสำหรับผู้ ที่ยังไม่หลุดพ้นจาก "หลุมดำ" การเงิน 6 ข้อ กล่าวคือ.. 
      หนึ่ง.. แยกแยะให้ได้ระหว่าง "อยากได้" กับ"จำเป็น" 
      สอง..  รู้สถานการณ์การเงินของคุณอย่างดี ทั้งตัวเลขในบัญชี ใบแจ้งหนี้ ยอดชำระ เป็นต้น 
      สาม.. ต้องเริ่มทำบันทึกการเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกัน "เงินฉันหายไปไหน?" 
      สี่..     ให้รางวัลตัวเองด้วยการออม 
      ห้า..   ฝึกนิสัย "มีเงินสดค่อยซื้อ" 
      หก..  ทิ้งมนุษย์พิษที่บั่นทอนสุขภาพเงินของเรา แต่ให้สะสมมนุษย์ยอดเยี่ยมเก็บไว้ 
                
       ส่วนการบริหารการเงินส่วนตัวของ โจ-มณฑานี นั้น เธอใช้วิธีออมเงินแยกย่อยออกเป็น "5 ขุมพลัง" 
       พลังแรก..บัญชีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ บัญชีเงินฉุกเฉิน 6เดือน เพื่อใช้ในยามตกงาน โจบอกว่า เพราะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานฟรีแลนซ์ ทำให้มีรายได้ไม่แน่นอน ดังนั้นทุกครั้งที่ได้เงินมาจะหักไว้ 10% เป็นเงินออมส่วนนี้ไว้ก่อนทันที เพื่อจ่ายให้ตัวเองก่อน(Pay yourself first) เง ินก้อนนี้เธอหักเก็บไว้ใน "ธนาคารกรุงเทพ" โดยขณะนี้ ปสำรองไว้ได้แล้ว 6 เดือนของรายได้ (ปัจจุบันโจมีรายได้จากหลายทางราวๆ 6 หมื่นบาทต่อ
เดือน) 
       "ตอนนี้ตัวเองมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 4.4 หมื่นบาท ก็จะนำหักรายได้ไว้ 10% เก็บไว้ในบัญชีนี้ก่อนเลย ซึ่งตรงนี้ก็ยังได้กินดอกเบี้ยช่วงที่เรายังไม่จำเป็นต้องเอาออกมาใช้ แรกๆ ก็เริ่มออมจาก 3 เดือนก่อน พอออมครบ 3 เดือนก็ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 6 เดือน 12 เดือน" 
      พลังสอง..เงินฉุกเฉินสำหรับค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด หลังจากที่เริ่มออม 10% แล้วก็เริ่มออมเพิ่มเป็น 15% โดยนำส่วนที่เพิ่มขึ้น 5% นี้ใส่ไว้ในบัญชีเงินค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน สำหรับค่าซ่อมแซมบ้าน ค่าหมอค่ายาเวลาป่วยกระทันหัน   ค่าภาษีย้อนหลังหากสรรพากร
เรียกเก็บ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเธอมีเงินเก็บส่วนนี้ไว้แล้ว 3 หมื่นบาท ฝากไว้กับ "ธนาคารกรุงศรีอยุธยา" 
       พลังสาม..เงินประกันชีวิต และสุขภาพ โจ บอกว่า บัญชีนี้เธอใช้วิธีกันเงินออมเพิ่มไว้อีก 5%จากบัญชีที่สองที่เก็บไว้แล้ว 15% หากเมื่อใดที่เจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาลจะได้ไม่เดือดร้อนเงินก้อน และต้องมีเงินไว้ให้แม่ โดยปี ๆ หนึ่งจะกันเงินไว ้จ่ายเป็นค่าประกันชีวิต 3 หมื่นบาท ซึ่งจะฝากไว้กับ "ธนาคารทหารไทย" 
       พลังสี่..เงินลงทุนเพื่องอกเงย และสร้างฝัน "บัญชีนี้เป็นการออมเงินเพิ่มขึ้นจากสามบัญชี คือเพิ่มจาก 20% เป็น 30% โดยเอาเงิน 10% ที่เพิ่มขึ้นนี้ไปฝากไว้ในบัญชีเพื่อการลงทุนกับ "ธนาคารไทยพาณิชย์" ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาออมเงินได้แล้ว 4 แสนบาท ก็นำเงิน 3 แสนไปลงทุนทำธุรกิจของตัวเองโดยตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ บริษัท สำนักพิมพ์มณฑานี เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เราตลอด เหมือนกับห่านที่ไข่เป็นทองคำให้ไม่สิ้นสุด"  ปัจจุบันสำนักพิมพ์มณฑานี จะจัดพิมพ์หนังสือแนวเปลี่ยนแปลงชีวิตและให้กำลังใจคน ได้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือของเธอเพียงเล่มเดียวชื่อ "ความรัก" มีรายได้เข้ามาต่อเนื่องและมีกำไรแล้ว 6 หลัก สามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้วหลังจากจัดตั้งได้เพียง 1 ปีเท่านั้น นอกจากนั้นยังวางแผนจัด
พิมพ์ "พอคเก็ตบุ๊ค" เล่มใหม่อีก 5 เล่ม ซึ่งเป็นแนวเปลี่ยนชีวิต ทัศนคติคน ได้แก่ ขั้นเอาชนะ, อยากได้กับจำเป็น, ชีวิตคู่กับการเงิน, การเงินกับเด็ก และ การเงินกับผู้หญิง ไม่เพียงเท่านั้น 
        โจ..ยังแบ่งเงินส่วนที่ได้จากกำไรพิมพ์และจำหน่ายหนังสือ ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 24 เดือน ที่ออกโดย "ธนาคารอาคารสงเคราะห์" ได้รับผลตอบแทนปีละ 6% อีกด้วย 
         พลังห้า..บัญชีค่าใช้จ่ายรายเดือน จะเป็นบัญชีเงินฝากเพื่อหักเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเพื่อทำสเตทเมนท์รายได้ของตัวเองด้วย   ซึ่งจะเปิดในชื่อบัญชีของบริษัท เพื่อลดค่าใช้จ่าย และภาษี นอกจากนั้น หากมีเงินเหลือจากรายเดือนหรือลดค่าใช้จ่ายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะนำเก็บไว้สำหรับการ "ท่องเที่ยว" ซึ่งกำลังจะเปิดอีกบัญชีหนึ่งอีกด้วย 
          ถ้าแยกแยะเป็นสัดส่วนเงินออม และการลงทุนของมณฑานีนั้น เธอจะเก็บออม ในทุกบัญชีรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้ แต่ในอนาคตต้องการจะเพิ่มเป็น 50% โดยส่วนที่เพิ่มอีก 20% จะนำไปลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างอนาคต 
          แต่เป้าหมายเกษียณอายุของโจ วางแผนว่าจะเกษียณเมื่ออายุ 55 ปี (ปัจจุบันอายุ 40 ปี)  และมีชีวิตอยู่ถึง 80 ปี ด้วยแผนการเงินที่วางไว้อย่างดีดังกล่าว อีก 15 ปีเธอจะมีเงินถึง 8 ล้านบาทเมื่อเกษียณ ในระยะเวลาอีก 25 ปีเธอก็จะมีเงินไว้ใช้เมื่อแก่ชราและ
ท่องเที่ยวแบบสบายๆ 
         ผลจากการวางแผนการเงินและเปลี่ยนนิสัยการเงินใหม่ด้วยการเก็บออม ทำให้ปัจจุบันโจ เหลือหนี้ผ่อนบ้านอีกราว 3 ล้านบาท วางแผนไว้ว่าภายใน 5 ปีจะใช้หนี้ให้หมดจากผลตอบแทนเงินลงทุนที่ได้มา และรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนี้บัตรเครดิตคงค้าง
อีกเพียง 2 หมื่นบาทเท่านั้น..!! 
         เป้าหมายของโจ..ไม่ได้อยู่เพียงแค่ต้องการเป็น "อิสระทางการเงิน" เท่านั้น เธอยังมีจุดมุ่งหมายไกลกว่านั้นคือ การเป็น "นักให้กำลังใจอาชีพ" ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตแก่คนทั่วไป
คำสำคัญ (Tags): #การเงิน
หมายเลขบันทึก: 90741เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2007 11:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 เมษายน 2012 22:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

หาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากหนังสือ "เงิน เรื่องสำคัญที่โรงเรียนไม่เคยสอน" (ถ้าจำไม่ผิด)

นอกจากนั้นยังมีหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่น่าสนใจสำหรับผู้หญิงทั้งหลายอีกหลายเล่มค่ะ ไม่ว่าจะเป็น "ผู้หญิงอัศจรรย์" "ผู้หญิงฉลาดรัก"  แต่ละเล่มล้วนให้ข้อคิด แรงจูงใจ และพลังใจเป็นอย่างยิ่ง

คุณโจ เขียนได้ดีมาก ๆ ค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท