เมา..ไม่ขับ คำนี้เราได้ยินกันมานานและได้ยินกันมาต่อเนื่อง เพราะทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส. )ได้รณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุกันมาโดยตลอด ซึ่งปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากการดื่มสุราดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มลดลงบ้างไม่มากก็น้อย บังเอิญได้มีประสบการณ์ที่พบกับตัวเอง(เห็นมากับตาตัวเองเลยค่ะ) ในช่วงสงกรานต์หลังจากที่ได้ไปรดน้ำขอพรผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว กำลังจะเดินทางกลับบ้าน เวลาประมาณ 18 - 1900 น.ได้ขับรถมาติดไฟแดง ณ สี่แยกแห่งหนึ่ง เมื่อมีสัญญาณไฟเขียวก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมรถกระบะคันหน้าเราไม่ไปเสียทีเราจอดอยู่ข้างหลังก็ไม่สามารถไปได้ สักครู่มีคุณลุงคนหนึ่ง(พลเมืองดี) ได้เดินไปเคาะกระจกรถกระบะ แล้วบอกว่าคนขับหลับ ให้เราเปลี่ยนเส้นทาง ต่อมาสักครู่หนึ่งคนขับรถคันนั้นได้ตื่นขึ้นมา แล้วก็ขับรถตรงดิ่งออกไป โดยไม่ได้ดูว่าตอนนี้เป็นไฟแดงแล้ว โชคดีที่ช่วงนั้นเป็นสี่แยกซึ่งมีคนพลุกพล่านพอสมควร ทำให้รถวิ่งไม่เร็วมากนัก รถกระบะคันนั้นก็ขับตรงปรี่ออกไปโดยไม่สนใจว่ารถคันอื่นจะวิ่งออกมา(เพราะเป็นไฟเขียว) ทำให้รถคันอื่นๆ เบรคกันสนั่นหวั่นไหว โชคดีที่ไม่มีคันไหนชนรถเขา แต่ เรื่องไม่จบแค่นั้นเขาขับตรงไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ดูว่าถนนเบื้องหน้า(ใกล้กับป้อมตำรวจ) นั้นไม่ใช่ถนนแต่เป็นโชว์รูมรถยนต์ เขาขับรถมุ่งตรงไปโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดจนเสยฟุตบาทและพยายามจะขึ้นไปวิ่งบนฟุตบาทให้ได้ ตัวเองคิดอยู่ในใจว่าเราจทำอย่างไรดี แต่ก็ไฟเขียวแล้วละ กลับบ้านดีกว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจดีกว่า เฮ่อ... เมาแล้วขับแน่ๆ เลย สงสารครอบครัวเขาจังเลยค่ะ
แย่จังเลย....คนเมาแล้วชอบขับ
แต่ก็มีเหมือนกันนะ ที่กินอิ่มมากแล้วหลับใน ดิฉันเคยประสบกับตัวเอง ......แล้วก็เพิ่งรู้ว่าไอ้หลับในมันเป็นอย่างไร
โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร จากนั้นก็พยายามไม่กินมากถ้าจะต้องขับรถทางไกล