เราจะแก้ไขอย่างไรให้…..
§ สามารถเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้
§ สามารถมีใบเสร็จ หรือหลักฐาน
§ มีบทในการลงโทษกัน
§ และทำอย่างไรให้มีคนทำดีกัน มีกำลังใจกัน ความก้าวหน้าในหน้าที่เป็นรางวัลในการทำความดี
§ แก้ไขแบบง่าย ๆ สบาย ๆ
เอาเพียงแค่ 4 ประเด็นนี้ก่อน ถ้ามันมากไปกว่านี้จะ อธิบายกันยาว และสุดท้ายจะเสียเวลากันเปล่าๆ !ก่อนอื่นเราต้องมาดูสาเหตุกันก่อนว่า ทำไมไม่มีใบเสร็จกัน โดยธรรมชาติการบริหารงานในสไตล์ของคนไทยคือการสั่งงานด้วยปาก ( เล่ามาถึงตรงนี้ น่าจะรู้แล้วว่า... ช่องว่างความชั่วมันอยู่ตรงไหน....) และ ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจำเป็นต้องสนอง นโยบาย สนองคำสั่ง ถ้าไม่ปฏิบัติแล้วจะถูกปลด ถูกโยกย้าย ไม่ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีอุปสรรค ต่างๆ นานาที่พวกชั่วทั้งหลายจะกระทำต่อคนดี เราจะแก้ไขอย่างไร ? (...อธิบายกันแบบง่ายๆ ก่อน...) ยกเลิกการปฏิบัติงานที่สั่งงานด้วยปาก และหาวิธีการประเมินผลงานที่มีผลต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ใหม่ ( หรือให้เข้มแข็งจริงจังกว่าเดิม ) สมมุติละคร 4 ตัวที่เป็นอิสระต่อกัน คือ รัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน และหน่วยงานประเมินผลงานแห่งชาติ
รัฐบาล เป็นผู้สั่งงาน กำหนดนโยบาย
ข้าราชการ เป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งและนโยบาย
ประชาชน เป็นผู้ถูกปฏิบัติโดยรัฐ และเป็นผู้สะท้อนผลกลับ ดี-พอใช้-เลวหน่วยงานประเมินผลงานแห่งชาติ เป็นผู้วัดผลการทำงานองค์รวม มีการประเมินผลด้านประสิทธิภาพ ไม่มีประสิทธิภาพต่อนโยบายและการปฏิบัติ
เสนอแนวทางแก้ไขดังนี้
ยกเว้นกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นวิกฤติเท่านั้น จักต้องสั่งการโดย นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกเท่านั้น
.....ทีนี้ล่ะจะได้รู้เสียทีว่า idea ใครเป็นคนสั่งงานมาให้ข้าราชการทำงานและจักได้มีใบเสร็จกันเสียที
ปุจฉา : แล้วระบบนี้จะมีปัญหาอะไรอื่น อีกหรือไม่ ? เรื่องนี้ต้องมาช่วยกันคิด ช่วยกันแนะ ช่วยกันหาทางป้องกัน จะให้อรรถอธิบาย ณ ที่นี้ให้สำเร็จไม่ได้ดอก ทุกคนต้องมีส่วนร่วม เราเป็นเพียงผู้เสนอแนวทาง แต่อย่างไรก็ตามถ้าอยากรู้ปัญหาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้ไปดูระบบการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร ว่ามีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้หรือไม่?
บริษัทใหญ่(ผู้ว่าจ้างบริษัทเล็ก) - => ต้องส่งรายงานภาษีไปยังสรรพากร
บริษัทเล็ก(ผู้รับจ้าง) - => ต้องส่งรายงานภาษีประจำปีไปยังสรรพากร
สรรพากร - => ต้องตรวจสอบภาษี ทั้งบริษัทใหญ่และบริษัทเล็ก
ประชาชน - ผู้รับผลกระทบ และผลประโยชน์
ทำนองเดียวกัน
ผู้บังคับบัญชา(สั่งให้) => ต้องส่งรายงานคำสั่งไปยังหน่วยกลาง
ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกตำแหน่ง(รับงาน) => ต้องส่งรายงานสรุปไปยังหน่วยกลาง
หน่วยงานกลาง => ตรวจสอบรายละเอียด
ผลประโยชน์ กรณีที่บริษัทตกลงกันกับบริษัทเล็กกันเอง ไม่มีรายงาน นี้เป็นจุดรั่วอย่างหนึ่งที่สรรพากรยังไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่บทวิเคราะห์ข้างต้น ได้กล่าวไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งไหน จักต้องรายงานผลการปฏิบัติงานของตนเองให้หน่วยประเมินผลกลางเสมอ ดังนั้นจุดรั่วที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีการโกงกินกันตลอดสายงาน มีการโกงกินตลอดเครือข่าย
ถ้าหากจะจัดตั้งระบบการประเมินผลงานให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างความเจริญทั้งคนและผลงาน จักต้องใช้งบประมาณจัดตั้งหน่วยงานประเมินผลงานแห่งชาติโดยเทียบเท่ากับกรมสรรพากรแล้ว ก็ยังถือว่าคุ้มอยู่
…..เรื่องบางเรื่องถ้าเรารู้จักถอย (มาวิเคราะห์เรียนรู้สาเหตุและปรับปรุง ) เราอาจจะกระโดดได้ไกลกว่าเดิมก็เป็นได้......ไม่ลองไม่รู้ น่าจะไกลกว่าเดิมถ้าไม่มีใครคอยขัดขาระหว่างกระโดดเสียก่อน .......เรื่องบางเรื่องถ้าเราเดินทางผิดตั้งแต่ต้น แต่ยังเอาสิ่งผิดไปแก้ไข โดยไม่ทบทวนปรัชญาเริ่มต้น ยิ่งจะทำให้สับสนและวุ่นวายมากขึ้น ดังนั้นถ้าจะแก้ไขสิ่งที่ผิดในรัฐธรรมนูญจะต้องไปทำความเข้าใจปรัชญาแรกเริ่มด้วยเช่น อาจจะต้องมองถึง การเข้ามาของตัวบุคคลที่มาบริหารประเทศมาเพื่ออะไร ควรมีอำนาจหรือบทบาทแค่ไหน......การเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตนผิดเพี้ยน จากเดิม จากปรัชญาเริ่มต้น ก็จะทำให้กระบวนการทั้งหมดเกิดการบิดเบี้ยวตามไปด้วย การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงแค่ซ่อมกระบวนการให้รัดกุม แค่อุดช่องโหว่ บอกได้เลยว่ารัฐธรรมนูญชุดนี้จักมีปัญหาอีก เพราะปรัชญาการนำมาใช้ไม่ได้ถูกทบทวน ( .....ยังไม่เพียงพอกับการถอยหลังเพื่อกระโดดให้ไกลกว่าเดิมครับ ) ......เรื่องบางเรื่องถ้าเราสร้างหน่วยงานขึ้นมาซ้ำซ้อนเพื่อถ่วงดุล โดยทำงานซ้ำซ้อนกันมากก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ล้มเหลวต่อตัวระบบราชการ ที่ขาดประสิทธิภาพ และไม่เป็นธรรม ข้าราชการไม่สามารถเป็นที่พึ่งแก่ประชาชนได้ ประชาชนจำเป็นต้องพึ่งหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งจักมีผลทำให้เกิดความขัดแย้งกันมากขึ้น เรียกกันง่าย ๆ Double Standard สร้างหน่วยงานขึ้นมาถ่วงดุลเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ประชาชน ดูแล้วเท่ห์ แต่ประจานตัวเอง รึอย่างไร? ถ้าหากจะมองกันลึกๆ แล้ว จะเห็นว่า การสร้างภาวะของการถ่วงดุลเป็นการมองสถานการณ์ในเชิงลบ เพราะกำลังจะคิดว่า หน่วยงานนี้มีอำนาจ หน่วยงานโน้นมีอำนาจ หน่วยงาน 1 , 2 , 3 มีอำนาจ และคิดว่าจะทำอย่างไร สร้างดุลซึ่งกันและกัน (เป็นการกดด้นหน่วยงานข้าราชการด้วยกันเอง ด้วยเหตุผลที่สวยหรูคือ ให้ประชาชนได้รับความเป็น ธรรม .....เหตุผลจอมปลอม เหตุผลของคนที่มีอคติต่อกัน ) หยุดความคิดเชิงลบ คำว่าถ่วงดุล เป็นความคิดที่แสดงถึงอำนาจ เป็นความคิดที่แสดงถึงการแก้ไขปัญหาแบบขอไปที แก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันผิดตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว สมมุติว่าถ่วงดุลอย่างไม่เหมาะสมล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น จะเกิดโมเมนตัมเหวี่ยงกลับเหมือนกันรัฐธรรมนูญที่ได้ฉีกกันไป จะเกิดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานขึ้นมาPlease Back To Basic (วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ)
ภูดิศ เอกทัตร์....
เข้ามาชม มาเยี่ยม....
บันทึกของคุณโยมน่าสนใจ ... แต่รู้สึกว่า คนอ่านยังน้อย....
อาจเป็นเพราะว่า คนทั่วไปคร้านที่จะคิดแก้เรื่องนี้...
เห็นด้วยกับคุณโยมในประเด็นว่า การใช้หน่วยงานคานอำนาจและถ่วงดุลกันเองไม่ค่อยได้ผล...
อาตมาคิดเล่นๆ เรื่องนี้มานานแล้ว ยิ่งมีผู้ตรวจสอบมาก ตัวหารก็ยิ่งมากขึ้น... ประมาณนี้
ตามนัยเกณฑ์ตัดสินจริยธรรมในจริยศาสตร์.. การแก้ปัญหาอาจสรุปได้เพียง ๒ ต้นต่อ กล่าวคือ คน และ ระบบ ซึ่งทั้งสองนี้ อาตมาค่อยมาแลกเปลี่ยนความเห็นด่อไป....
ก็ขออนุโมทนาให้คุณโยมเขียนต่อไปเรื่อยๆ อาตมาจะคอยติดตามอ่าน...
เจริญพร
นมัสการครับพระคุณเจ้า พระคุณเจ้าติดตามตอนที่ 3 ได้เลยครับ
เพิ่งย้อนมาอ่านตอน 2 น่าสนใจมากครับ
จะกลับมาอ่านให้ละเอียดอีกรอบนะครับ ^^