มูลเหตุที่มาของสภากาแฟ "KM"
สืบเนื่องมาจากสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม
(สคส.)ได้มีการเผยแพร่หลักการแนวคิดในเรื่องการจัดการความรู้
ก่อให้เกิดกระแสการตื่นตัวของคนในสังคมทุกวงการอย่างกว้างขวางกลายเป็นเครือข่ายการจัดการความรู้ในลักษณะ
"บูรณาการ"
ไม่ใช่แยกส่วนต่างคนต่างทำเหมือนในอดีต
บ้างก็เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในลักษณะ B to B (blog to blog)
หรือ C to C(Community to community) หรือ F to F(face to face)
ฯลฯ
กลายเป็นพลังเสริมสร้างขุมความรู้ที่ยิ่งใหญ่และเป็นไปในลักษณะสหวิทยาการ
(Interdisciplinary)
ดังนั้นในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกชาว KM จึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะเห็นคนไทยเป็น "บุคคลแห่งการเรียนรู้" และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ขึ้นในทุกหนทุกแห่งในสังคมไทยไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือในชนบทห่างไกล สามารถเรียนรู้ได้ทุกวัน เวลา และทุกสถานที่
วิถีทางการดำเนินกิจกรรมสภากาแฟ
KM
หากถามถึงแนวทางหรือวิถีทางในการดำเนินการจัดกิจกรรมสภากาแฟ
KM คงไม่มีคำตอบสุดท้ายที่ถูกต้อง
นั่นหมายความว่าขึ้นอยู่กับสภาพบริบทของแต่ละหน่วยงาน องค์การ
หรือชุมชนต่างๆจะร่วมกันพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ใคร่ขอเสนอแนวทางการดำเนินกิจกรรมสภากาแฟ KM ดังต่อไปนี้
1) จัดสภากาแฟ KM
ให้เป็นศูนย์รวมนักจัดการความรู้ที่จะเข้ามาพบปะกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ หรือแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (best
practices)
2) จัดสภากาแฟ KM ให้เป็นแหล่งเรียนรู้
ของผู้คนในสังคมไทยหรือสังคมนานาชาติ
3) จัดสภากาแฟ KM ให้เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญา
(Knowledge Assets)ของชุมชน/สังคม
ผู้เขียนมีความเชื่อมั่นว่า "กิจกรรมสภากาแฟ KM"
เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยที่ชอบตั้งวง
จิบกาแฟยามเช้า และมีเรื่องเล่าที่หลากหลายในสภากาแฟ
เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะมีน้อยคนที่สนใจนำเอาวิธีการจัดการความรู้มาประยุกต์ใช้ในสภากาแฟ
และเชื่อแน่ว่ากระบวนการ KM ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดหัวปลา KV (Knowledge
Vision) และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ KS(Knowledge Sharing)
นำไปสู่การสกัดขุมทรัพย์แห่งปัญญา KA (Knowledge Assets)
ในที่สุด
ขอบคุณค่ะอาจารย์ ดิฉันก็กำลังคิด พอดีอาจารย์มาจุดประกายอีก ขอบคุณมากนะคะ
กิจกรรมสภากาแฟ จะขอเปลี่ยนเป็น สภาน้ำสำรองค่ะ
ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ