เด็กไทย.....ใครผิด


เด็กที่จะรู้นอกจากหนังสือที่เค้าใช้เรื่องเป็นเรื่องของปัจเจก

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 48 มีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรม ที่ทาง TK Park ร่วมมือกับ สกว. จัดกิจกรรมให้เด็ก ซึ่งกิจกรรมในวันนั้นเป็นกิจกรรมนอกสถานที่ ไปกันที่หาดบางแสน ชื่อกิจกรรม "ตามรอยหอยเสียบ....เลียบหาดบางแสน" พวกที่เค้าเป็น staff จากสกว. เค้าช่วยไป เราก็ไปกับเค้าอย่างนอกก็เป็นประสบการณ์ กิจกรรมเริ่มจากเด็ก ซึ่งมีประมาณ 70-80 คน จาก 8 โรงเรียน เป็นเด็กจากโรงเรียนมัธยมในกรุงเทพเป็นส่วนใหญ่ เริ่มออกเดินทางประมาณ 7.30 น. แบ่งเป็นรถ 2 คัน แต่ละคันมีคนดูแลประมาณ 4-5 คน ถึงบางแสนประมาณ 9.00 น. คนเยอะมาก อาจจะเพราะรุ่งขึ้นมีงานรับปริญญาของ ม.บรูพา และก็เป็นวันหยุดยาวด้วย แต่กิจกรรมที่จัดไว้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพราะน้ำขึ้นสูงมากทำให้ไม่มีหน้าหาดเหลือเยอะพอที่จะทำกิจกรรมได้อย่างสะดวก แต่ก็จะมีคนเก็นตัวอย่างไว้ให้อยู่แล้ว เด็กก็ลงมือทำบ้างในส่วนที่เหลือ แต่ก็ไม่เต็มที่ เพราะสถานที่ไม่อำนวย และมีอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นผู้อธิบาย ซึ่งเราว่าบางเรื่องก็ยากไปนะ ยากเพราะเด็กไม่มีพื้นฐานมาก่อน บางทีก็น่าสงสารเด็ก พอทำกิจกรรมตรงนี้เสร็จ ก็รับเด็กไปที่ม.บรูพา เพื่อไปทำ lab ต่อในห้องทดลอง และเมื่อเสร็จก็จะให้เด็กเอาผลมารวมกัน เพราะเค้าแบ่งเด็กเป็น 4 กลุ่ม ในรถแต่ละคัน เมื่อเอาผลมารวมกันแล้วก็จะให้เด็กแต่ละกลุ่มออกมาแสดงผลการทดลองหน้าชั้น และแล้วปรากฏการณ์เดิมๆของเด็กไทยก็เกิดขึ้น เด็กไม่กล้าที่จะออกไปแสดงผลงานของตนหน้าชั้น หลบตา ปิดป้ายชื่อ จนเราท้อที่จะไปกระตุ้นให้เด็กออกมา แต่ที่ติดใจก็คือเพราะสาเหตุใดที่เด็กเป็นแบบนี้ เด็กไม่รู้เรื่อง เด็กไม่มีความรู้ในสิ่งที่ทำ เด็กอายที่จะออกไปพูดหน้าชุมชน หรืออะไรกันแน่ จนเราเริ่มรู้สึกว่าถ้าเด็กมีข้อมูล และเข้าใจในสิ่งที่เค้าทำ เค้าจะกล้ามั้ย ก็ต้องลองไปอีกครั้งแม้ว่ามันจะเหนื่อยไปหน่อย แต่เราก็อาจจะได้คำตอบว่าสาเหตุใดกันแน่ หรือว่าเราป้อนในสิ่งที่ยากเกินไปที่จะรับใน 1 วัน เพราะเค้าไม่มีพื้นฐาน เด็กไทยไม่ใข่เด็กที่ใฝ่รู้อยู่แล้ว (เราด้วย) เพราะฉะนั้นเด็กที่จะรู้นอกจากหนังสือที่เค้าใช้เรื่องเป็นเรื่องของปัจเจกมากทีเดียวนะ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 8996เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2005 18:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 23:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ผมคิดว่าเด็กไทยขาดการปลูกฝังเรื่องแรงจูงใจในการใช้ชีวิต และเรื่อง ความทะเยอทะยานที่จะพัฒนาตัวเอง คิดว่าส่วนนึงเป็นเพราะลักษณะของสังคมไทย ที่มีการแข็งขันกันต่ำ (ไทยนี้รักสงบ) มีการวางกรอบและเส้นทางที่แน่นอน (ว่าคุณต้องเข้าอนุบาล แล้วมาเรียนประถม จบมาเข้ามัธยมแล้วเรียนมหาลัย แล้วไปทำงาน) ทำให้ pattern ของเด็กไทย ค่อนข้างจะตายตัว  เพราะมีเส้นที่ขีดไว้แล้ว ทำให้ลักษณะการเลี้ยงดูของคนไทย ไม่ได้ปลูกฝังให้ เด็ก รู้จัก "คิด" หรือ "ทำ" ในสิ่งที่นอกกรอบ (เพราะมันขัดกับความรู้สึกของคนในสังคม) เช่น การ express หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของเด็กมักจะถูกมองว่า ไร้สาระ (ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะมีสาระ ถ้าถูกมองในมุมมองที่แตกต่างกัน) เมื่อสังคมส่วนมากเห็นว่า ไม่  คำว่า ไม่ หรือ ขอบเขตข้อจำกัดในพฤติกรรมของเด็กไทย จึงถูกปลูกฝังไปแบบไม่รุ้ตัว ผมเชื่อว่า ถ้าลักษณะของสังคมไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นกว่านี้ (แต่ไม่ได้ว่าว่าลักษณะที่เป้นอยู่มันห่วยแตกนะ) เด็กไทยก็จะมีการปลูกฝังที่ดีกว่านี้ ก็หวังว่าในอนาคตคงจะได้เห็นกัน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท