วันนี้อ่านเจอบนความหนึ่งน่าสนใจครับ นักวิจัยที่ university of New South Wales ที่ ซิดนี้ย์ ออสเตรเลียอ้างว้า สมองมนุษย์ ประมวลและเก็บ ข้อมูลได้มากกว่าถ้าเกิดการ เข้าใจ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ระหว่าง จากคำพูด หรือ จากงานเขียน แต่ไม่ใช่ทั้งสองทางในเวลาเดียวกัน
ข้อความ ข้อมูล จะประมวลและเก็บได้ดีกว่าถ้าได้ยิน หรือ อ่าน แยกกันจากกัน
" The use of the PowerPoint presentation has been a disater," Professor Sweller กล่าว
" (PowerPoint) ใช้ได้ผลดีก็ต่อเมื่อเราใช้ในการนำเสนอหรือใช้อธิบาย แผนภูมิ เพราะว่ามันเป็นการนำเสนอข้อมูลในแบบที่ต่างกัน (จากสิ่งที่กำลังพูด) แต่มันจะใช้ไม่ได้ผลเลยถ้าเราใช้แสดงคำพูดที่เราจะพูด เพราะว่ามันจะทำให้เกิดการทำงานหนักขึ้นของกระบวนการคิดและจะลดความสามารถในการทำความเข้าใจ จากสิ่งที่ผู้นำเสนอต้องการนำเสนอ"
สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ครับ http://www.smh.com.au/news/technology/powerpoint-presentations-a-disaster/2007/04/03/1175366240499.html
มีข้อสังเกตจากประสบการณ์ในทำนองเดียวกันมาเล่าครับ
โดยหน้าที่การงาน ผมเป็นคนที่ต้องสื่อสารความคิดกับคนเป็นจำนวนมาก แต่ตัวเองก็ไม่ใช่นักพูด แรกๆ เมื่อหลายปีก่อน ไม่มีความมั่นใจเลย จึงใช้สไลด์เป็นเหมือนเป็นบทพูด แม้ว่าคนจะบอกว่าเข้าใจ แต่ผมรู้สึกว่ามันจืดสนิท
ต่อมาก็เปลี่ยนวิธีการ คือเปลี่ยนเป็นเล่าเรื่อง เล่าประสบการณ์ เรื่องพวกนี้เราผู้พูดไม่ต้องคิดเลย เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น ทำมากับมือ สไลด์ก็เปลี่ยนไปเป็นข้อมูลประกอบ ภาพ แผนภูมิ เป็นเกร็ดของข้อความหลักที่ต้องการจะสื่อกับผู้ฟัง
feedback ที่ได้ กลับพบว่าผู้ฟัง ชอบมากกว่า เข้าใจมากกว่า กล้าถามมากกว่า บรรยายเสร็จแล้วเดินมาคุยเยอะกว่า แล้วการที่มีเกร็ด มีตัวอย่างมากขึ้น ทำให้เรื่องที่เล่าก็ฟังสนุกดี พบว่าผู้ฟังซึมซับประเด็นหลักไปได้ดีกว่า บางเรื่องแม้พูดไปหลายปีแล้ว หลายคนก็ยังจำได้
อันนี้อาจอธิบายได้ว่าเหมือนดูหนัง หากเราเดาเรื่องได้ทั้งหมด มันก็ไม่น่าติดตาม (การแก้ปัญหาโดยการเอา effect ต่างๆ มาใส่เพื่อแง้มทีละประเด็น กลับทำให้ควบคุมเวลาได้ยาก) พอไม่น่าติดตาม ก็ต้องถือว่าเราล้มเหลวในความพยายามที่จะสื่อประเด็นที่อยากจะบอกออกไป
วิธีการนี้ผมเอามาลองปรับใช้ในการเขียนบันทึก พบว่าใช้ได้เช่นเดียวกันครับ Page Visit เกินร้อยทุกบันทึก จำนวนข้อคิดเห็นก็ค่อนข้างมาก และมีคุณภาพดีด้วย
ที่ตลกก็คือเมื่อพูดเสร็จ มีคนมาขอสไลด์ ซึ่งผมก็แจกไฟล์ไป แต่เมื่อนำสไลด์ไปให้ผู้อื่นที่ไม่ได้ฟังอ่าน กลับได้ผลไม่เหมือนกัน เพราะว่านั่นคือความแตกต่างระหว่างการฟังบรรยายกับการอ่านสไลด์ครับ เรื่องที่พูดไม่ได้เขียนในสไลด์ (ยกเว้นประเด็นหลักๆ) ถ้าไม่ได้ฟัง ก็อ่านสไลด์ไม่รู้เรื่อง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลน่าสนใจครับ
แปลว่า BAD powerpoint BAD for brain ใช่ไม๊ค่ะ
แต่ GOOD powerpoint ก็มี เช่น
http://www.presentationzen.com/
มีเรื่องเขียน แบบขำๆ มาเล่าสู่กันฟัง จากบันทึกของผม เรื่อง นักวิชาการ Powerpoint ...จะเป็นอย่างไร เชิญเข้าไปอ่านได้ครับ
ขอบคุณครับ
ไม่มีเวลาเข้ามาใน Blog เลยเกือบสองอาทิตย์ ขอขอบคุณทุกๆความเห็นนะครับ (คุณบางทราย, Conductor,อาจารย์มัทนา น้องวีร์ และ คุณหมอวัลลภ) ที่ช่วยกันต่อยอดนะครับ
อีกนิดหนึ่งครับ
สวัสดีคะ พี่ณรินทร์
วันก่อนได้อ่านบันทึกของอาจารย์แป๋ว เล่าว่าเจอพี่ณรินทร์คะ
หนูก็เพิ่งจะทราบว่าพี่ณรินทร์กลับมาแล้ว แต่เพิ่งจะมีเวลาแวะมาทักทายคะ
หากพอมีเวลาว่าง แวะมาเขียนบล็อกให้ได้อ่านกันอีกนะคะ