โรงเรียนข้างถนน : การทำแท้ง


แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่งที่มองยาวไปถึงอนาคตที่ว่าจะมีประโยชน์ไหมที่จะปล่อยให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปโดยที่มารดาไม่มีความพร้อม เพราะในที่สุดเด็กคนนี้ก็อาจถูกทอดทิ้งภายหลังคลอดให้เป็นปัญหาของสังคมตามมาและปัญหาที่นักคือเด็กที่เกิดมาจะมีปมด้อย มีปัญหาในสังคมได้ ถึงแม้จะมีการแก้ไขกฎหมายให้ทำแท้งเสรีได้ และเชื่อว่าคงไม่มีแม่คนไหนอยากทำนอกจากจำเป็นจริงๆ เนื่องจากตามความเชื่อของศาสนาพุทธ ก็ยังเป็นความผิดบาป ซึ่งการทำบุญถวายสังฆทาน การบวชพระ หรือบวชชีก็ไม่อาจลบล้างความผิดบาปนี้ได้ มันคงอยู่ในใจของผู้เป็นแม่ตลอดไป แต่ถ้าการทำแท้งยังคงเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่รัฐบาลควรมีหน่วยงานที่จะช่วยเหลือแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ ไม่ควรปล่อยให้แก้ปัญหาเองตามลำพัง หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาการทำแท้ง คือไม่ปล่อยให้การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
การทำแท้ง 

ปัจจุบันในสังคมนั้น มีความจริงอยู่ว่ามีกลุ่มหลากหลาย ประกอบด้วยกันจนก่อให้เกิดความหลากหลายทางความคิด ความประพฤติและท่าทีต่อเหตุการณ์ต่างๆจนดูเหมือนจะเกิดทัศนะความคิดเห็นที่ต่างกันจะมีมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสภาพสังคมในหลายๆด้าน ทั้งในด้านลบและด้านบวก ผู้คนมีการติดต่อสื่อสารกันอย่างสะดวกใช้ Internet กันเกือบทุกบ้าน มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่หลากหลาย ความเจริญเหล่านี้ได้แพร่เข้ามายังสถานศึกษา และผู้ที่อยู่ในสถานศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่พร้อมจะเรียนรู้ เมื่ออยู่ในโลกแห่งความทันสมัยนี้ก็มีโอกาสได้พบปะรู้จักกับเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น ทั้งทางสื่อต่างๆและInternet หลังจากนั้นก็มีการนัดพบกัน เพียงจุดเริ่มต้นนี้ก็สามารถพัฒนาต่อไปเป็นแฟน และมีความสัมพันธ์ทางเพศกันในที่สุด มีตัวอย่างที่ปรากฏทางสื่อหลายคู่ที่พบรักกันทาง Internet บางคู่พัฒนาต่อไปเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน แต่บางคู่ก็จบลงด้วยการเลิกลา การล่อลวงทรัพย์ และการล่อลวงทางเพศ เนื่องจากการรู้จักกันทาง Internet นั้นไม่เห็นหน้า ไม่เห็นตัว การคุยกันโดยใช้ตัวหนังสือก็ไม่ใช่เรื่องจริง เมื่อนัดพบกันแล้วก็ไม่ประทับใจ ถ้าเลิกรากันไปแต่โดยดีก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้ามีการล่อลวงทรัพย์ ล่อลวงทางเพศ นับเป็นเรื่องที่โชคร้ายที่สุด

 

ในสภาพสังคมปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากสื่อต่างๆมากขึ้น เช่น VCD DVD และสื่อลามกอนาจารย์ต่างๆ ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามควบคุม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งควบคุมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ถ้าไม่ออกกฎหมายเข้มงวดจริงๆ หรือปราบปรามอย่างจริงจังคงไม่มีทางควบคุมได้และสื่อเหล่านี้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่นในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง

 

 หรือเมื่ออยู่ในสถาบันการศึกษาเห็นเพื่อนใช้ของแบรนเนม ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ ก็อยากมีอย่างเพื่อนบ้าง เมื่อผู้ปกครองหามาให้ไม่ได้ก็ต้องดิ้นรนหามาเอง การขายบริการทางเพศของนักเรียน นักศึกษาจึงมีมากขึ้น เพื่อเอาเงินไปซื้อของต่างๆ ให้มีเหมือนเพื่อน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่มักนิยมจับกลุ่มมั่วสุมทางเพศและยาเสพติด มีการแลกเปลี่ยนคู่นอนกัน หลายคู่อยู่ด้วยกันและมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนโดยผู้ปกครองไม่ทราบ เมื่อวัยรุ่นมีพฤติกรรมเหล่านี้แต่ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์จึงเกิดตามมา เราจึงพบเห็นข่าวที่ว่าเด็กวัยรุ่นเฉลี่ยวันละ 1- 2 รายเข้าทำการรักษาตัว เนื่องจากตกเลือดต้องขูดมดลูก อ่อนเพลีย อวัยวะฉีกขาด เป็นแผลเน่าอักเสบ จากการทำแท้งทั้งสิ้นและเด็กที่มารับการรักษาแต่ละรายล้วนเป็นเด็กสาวอายุระหว่าง 15-23 ปี

 

การทำแท้ง หมายถึง การทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ หรือ การทำแท้งที่มีปัญหาทางจริยธรรมคือ การทำแท้งอย่างตั้งใจว่าจะถือเป็นการฆาตกรรมได้หรือไม่สำหรับประเทศไทยการทำแท้งยังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะกระทำโดยแพทย์ปริญญาหรือหมอเถื่อนก็ตาม กฎหมายอนุญาตให้ทำแท้งได้ 2 กรณีคือ กรณีถูกข่มขืน และกรณีการตั้งครรภ์นั้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์ เท่านั้น

 

การทำแท้งมี 2 แบบคือ

 1.การทำแท้งโดยใช้ยายาที่ใช้ในการทำแท้งมีหลายชนิดได้แก่ Methotrexate ร่วมกับMisoprostol, Ru-486(Mifepristone)ร่วมกับMisoprostol แต่ยาทั้ง 3 ชนิดนี้ไม่มีวางจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปเนื่องจากเป็นยาควบคุมพิเศษ นอกจากนี้ในปัจจุบันมีการค้นพบว่ายาZytotec ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาโรคกระเพาะนั้นเมื่อสอดเข้าไปในช่องคลอดจะทำให้มดลูกบีบตัวและทำให้เด็กหลุดออกมา จึงเป็นยาที่วัยรุ่นนิยมใช้ในการทำแท้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการตกเลือดภายหลังแท้งได้มากจนถึงขั้นเสียชีวิต

2.การทำแท้งโดยใช้เครื่องมือ

 2.1 การปรับประจำเดือน

ใช้ในกรณีที่รอบประจำเดือนขาดไม่เกิน 8 สัปดาห์ โดยไม่สนใจว่าการขาดเลือดนั้นเกิดจากการตั้งครรภ์หรือไม่ เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยเครื่องดูดสูญญากาศ หรือกระบอกดูดสูญญากาศกับหลอดดูดซึ่งมีขนาดเท่าหลอดกาแฟ ถ้าผู้ทำเป็นสูติ-นรีแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เวลาทำประมาณ 2 นาที ทำเสร็จกลับบ้านได้เลย อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ มดลูกทะลุ การอักเสบติดเชื้อ เป็นต้น

 2.2 การขูดมดลูก 

สามารถกระทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์4-12 สัปดาห์ ใช้เวลาทำ 3-10 นาที ทำเสร็จกลับบ้านได้เลย อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ มดลูกทะลุ มดลูกอักเสบ ถ้าคนทำไม่ชำนาญอาจขูดลึกถึงกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้มีเลือดออกกระปริบกระปรอยเรื้อรัง เมื่อตั้งครรภ์ครั้งต่อไปมีโอกาสแท้งได้ง่าย

 2.3 การเร่งคลอดใช้ในกรณีตั้งครรภ์ 16-27 สัปดาห์ กรณีนี้ต้องนอนโรงพยาบาล จะทำโดยฉีดน้ำเกลือเข้มข้น 20% เข้ามดลูกโดยผ่านทางหน้าท้อง หลังจากนั้นก็ใส่ยาเร่งคลอดในน้ำเกลือ ค่อยๆหยดทางสายน้ำเกลือเข้าเส้นเลือด บางคนอาจใช้ยาขยายปากมดลูกสอดเข้าทางช่องคลอด ช่วยให้การคลอดง่ายขึ้นด้วย เมื่อปวดท้องคลอดก็ต้องเบ่งเหมือนคนคลอดทั่วไป ได้ผลในเวลา 24 – 48 ชั่วโมง อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ มดลูกทะลุ การอักเสบติดเชื้อ และเด็กที่คลอดแล้วก็จะเสียชีวิต

จะเห็นได้ว่าการทำแท้งนั้นแม้จะกระทำโดยถูกต้องตามหลักวิชาการ และกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็อาจมีอันตรายถึงชีวิตเกิดขึ้นได้ นอกจากผิดกฎหมายและมีอันตรายถึงชีวิต

 

การทำแท้งตามหลักศาสนาพุทธยังถือว่าเป็นบาป เนื่องจากเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการฆ่า ทำลาย ชีวิตมนุษย์ ซึ่งจะเป็นบาปที่ติดตัวไปตลอดชาตินี้และชาติหน้าในทางศาสนาพุทธ ถือว่าการทำแท้ง เท่ากับเป็นการฆ่าคนหนึ่งอย่างไม่ต้องตีความหรืออย่างสงสัยทีเดียว  เพราะการกำเนิดของมนุษย์โดยทั่วไปนั้นมีเหตุ 3 ประการ คือ มารดา บิดา ร่วมกัน หรือมีวิญญานมาเกิด หรือความเป็นคนเกิดขึ้นแล้ว ใครฆ่าก็บาปทั้งนั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆทั้งสิ้น  ไม่ว่าเด็กนั้นรู้ด้วยทางการแพทย์ว่าพิการก็ตาม  ยิงการถูกข่มขืนก็ตาม ก็บาปทั้งสิ้น เพราะเหตุผลเหล่านี้ไม่สามารถขอลดหย่อนผ่อนโทษของกรรมได้เลย  การที่เด็กเกิดมาในเวลาไม่เหมาะสมและพิการนั้นเป็นกรรมของทั้งแม่และเด็กเอง  เมื่อทั้งสองกำลังรับกรรมอยู่ คนเหล่านี้เลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการฆ่าเท่ากับว่าแก้กรรมชั่วด้วยกรรมชั่วมันก็หนักเข้าไปใหญ่ในที่สุดแล้วจะดึงผู้เป็นนายแพทย์ติดร่างแหไปด้วยอีกต่างหากในกรณีดังกล่าว การทำแท้งคือการฆ่าคนตาย เป็นบาปกรรม จะทำด้วยเหตุผลอะไรก็ตามก็เป็นบาปทั้งนั้น

 เมื่อถึงคราวต้องรับกรรมอยู่ที่ไหนก็หลบไม่พ้นทั้งสิ้น สร้างความทรมาน แต่เมื่อทำแล้วมีทางแก้อยู่คือ ต้องเลิกทำ และ ทำกรรมดีมากๆๆ ต้องมากจริงจึงจะพอทำให้ความทรมานนั้นจืดจางด้วยอำนาจกรรมดี แต่ไม่ได้ทำให้กรรมชั่วที่ทำนั้นลดลงก็ไปได้ แต่ความดีก็ทำให้เป็นสุข เปรียบเหมือนเอายาพิษซึ่งมีขนาดหนึ่งขันใส่ในโอ่งแล้วเราตักน้ำกินเราตายแน่ แต่เอายาพิษ 1 ขันใส่ลงในน้ำทั้งทะเลเราตักน้ำทะเลกินไม่ตาย ทั้งที่ใส่ยาพิษ 1 ขันเท่ากันมิได้ลดลงเลย (น้ำทะเลคือความดี กรรมดี ยาพิษคือ กรรมชั่ว)  การทำบุญครั้งใดก็ต้องอุทิศให้เขาเสมอ เพราะอาจจะทำให้ความอาฆาตแค้นลดลงบ้างไม่มากก็น้อย แต่มิใช่ใส่ให้ 1-2 วันก็นึกว่าจบกัน ลองใช้สามัญสำนึกดูว่าคนที่ มาตัดแขนตัดขา คุณ นิสิต แพทย์ แล้วตอนหลังสำนึกได้เอาข้าวปลาอาหารมาให้ 2-3 มื้อคุณจะหายโกรธใหม่ ? ไม่มีทาง แต่ให้ความช่วยเหลือทั้งชีวิตนานๆยังอาจจะใจอ่อนได้ นี้ฆ่าคนเดียวนะแล้วอีกตั้งหลายคนจะเป็นหนี้ชีวิตคนอื่นอีกสักเท่าไร ตามลำดับการรับกรรม   ที่ฆ่าสัตว์  คือ กรรมยังหนักก็ไปนรกก่อนเลย หมดจากนรกแล้วมาที่เป็นสัตว์เดรัชฉาน มาเป็นมนุษย์อายุสั้น พิการ ถ้าทำความดีมากอาจลัดวงจรเลวนี้ได้ แต่ความจริงคือ เป็นไปไม่ได้ในโลก จะมีบางคนที่ยอมแลกความรู้ ความมีอาชีพที่ดี เพื่อความรู้วิทยาศาสตร์ ด้วยการประกอบอาชีพนี้ โดยเส้นทางบางอย่างต้องได้มาด้วยความหวาดเสียว น้ำตา และ ความเจ็บปวด ชีวิต ผู้อื่น แต่สวนที่ช่วยคน ก็ได้บุญเช่นเดียวกันมันก็ยุติธรรมดีแบบนี้แหละกฏแห่งกรรมถ้าพูดถึงฝ่ายที่สนับสนุนการทำแท้ พวกเขาก็จะคิดว่า ชีวิตเริ่มต้นเมื่อมีความรู้สึกและเคลื่อนไหวได้ซึ่งต้องเป็นที่อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน หญิงผู้ตั้งครรภ์ ย่อมมีสิทธิ์ในร่างกายของตนเองมากกว่า ตัวอ่อนที่พึ่งถือกำเนิด และเป็นผู้อาศัยร่างกาย หรือ การทำแท้งเป็นกิจกรรมส่วนตัวที่รัฐไม่พึงก้าวก่าย สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ เปลี่ยนกฎหมายให้ยอมรับการทำแท้งในกรณีต่างๆ ได้มากขึ้น จนถึงยอมรับการทำแท้งเสรี มีเสรีภาพทางเพศมากขึ้น ศีลธรรมเสื่อมลง และมนุษยชาติอาจสูญพันธุ์ แต่ในทางกลับกันฝ่ายที่ต่อต้านการทำแท้ง พวกเขาคิดว่า ชีวิตเริ่มต้นทันที่ที่ไข่ผสมกับเชื้อชีวิต หากหลักการคือ เราไม่ควรฆ่าใคร เราก็ไม่ควรฆ่าทารกซึ่งอาศัยครรภ์อยู่เช่นเดียวกัน หรือหากบางครั้งเราต้องมีโทษประหาร แต่ทารกไม่ได้ทำความผิดใด ดังนั้น ก็ไม่มีเหตุผลต้องประหารทารก สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ รักษามาตรฐานศีลธรรมเรื่อง ไม่ฆ่าไว้ได้ มีการลักลอบทำแท้งอย่างผิดกฎหมายต่อไป  และการดำเนินชีวิตอยู่ อย่างมีคุณภาพในสังคมปัจจุบันมีความยากลำบากมากขึ้น                ในทางสังคมสงเคราะห์ข้าพเจ้าคิดว่า ปัญหาการทำแท้งยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ หาข้อยุติไม่ได้ว่าควรเป็นอย่างไร ใครเป็นคนผิด รัฐควรจัดการกับปัญหานี้อย่างไร บางความคิดเห็นบอกว่าควรจัดการแก้ไขกฎหมายให้สามารถทำแท้งเสรีได้ บางความคิดเห็นบอกว่าควรหาทางแก้ไขวิธีอื่นที่ไม่ใช่การทำแท้ง สำหรับข้าพเจ้าคิดว่าการทำแท้งเป็นบาปมหัน ที่ลบล้างยังไงก็ไม่มีทางหมดไปได้ ข้าพเจ้าคิดว่าชีวิตทุกชีวิตเกิดมาย่อมมีคุณค่า และเขาก็ย่อมมีสิทธิที่เขาจะลืมตามาดูโลกตั้งแต่มาอยู่ในครรภ์แม่ เพราะมนุษย์ทุกมีสิทธิของความเป็นมนุษย์ติดตัวมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์  แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่งที่มองยาวไปถึงอนาคตที่ว่าจะมีประโยชน์ไหมที่จะปล่อยให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปโดยที่มารดาไม่มีความพร้อม เพราะในที่สุดเด็กคนนี้ก็อาจถูกทอดทิ้งภายหลังคลอดให้เป็นปัญหาของสังคมตามมาและปัญหาที่นักคือเด็กที่เกิดมาจะมีปมด้อย มีปัญหาในสังคมได้ ถึงแม้จะมีการแก้ไขกฎหมายให้ทำแท้งเสรีได้ และเชื่อว่าคงไม่มีแม่คนไหนอยากทำนอกจากจำเป็นจริงๆ เนื่องจากตามความเชื่อของศาสนาพุทธ ก็ยังเป็นความผิดบาป ซึ่งการทำบุญถวายสังฆทาน การบวชพระ หรือบวชชีก็ไม่อาจลบล้างความผิดบาปนี้ได้ มันคงอยู่ในใจของผู้เป็นแม่ตลอดไป แต่ถ้าการทำแท้งยังคงเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่รัฐบาลควรมีหน่วยงานที่จะช่วยเหลือแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ ไม่ควรปล่อยให้แก้ปัญหาเองตามลำพัง หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาการทำแท้ง คือไม่ปล่อยให้การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ดังนั้นในฐานะของนักสังคมสงเคราะห์เราอาจใช้หลักการของการให้คำปรึกษา มาเป็นแนวทางในการให้คำปรึกษา ให้ข้อมูล ให้ความรู้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเขาเมื่อเขาไม่มีทางออก เช่น ความจริงบางคนไม่อยากทำแท้งแต่ก็เก็บเด็กไว้ไม่ได้ ผู้รับบริการท่านนั้นอาจอยู่ในช่างที่สับสน เราอาจเข้าไปปช่วยแนะนำให้เขาคิด ให้เขามีทางเลือก เช่น พาเขาไปสถานสงเคราะห์ที่ให้คนมาอาศัยอยู่จนคลอดแล้วกลับไปดำรงชีวิตตามเดิม เป็นต้น นอกจากนี้เราอาจนำหลัการไม่ตำหนิติเตียนมาใช้ คือ สังคมเป็นผู้ตัดสินว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ นักสังคมสงเคราะห์ไม่กล่าวตำหนิติเตียนผู้ใช้บริการ แต่ต้องพยายามรับฟังเหตุผลจากผู้ใช้บริการเสียก่อน ละควรใช้คำพูดที่ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถคิดได้ว่า สิ่งนั้นไม่ควรกระทำ เราต้องคำนึงถึงว่า ไม่มีใครอยากตำหนิติเตียน นอกจากนี้เราในฐานะนักสังคมสงเคราะห์อาจจะต้องกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการสามารถเรียนรู้ได้เองว่าสิ่งที่เขาจะเลือกนั้นเหมาะสมกับบทบาท สถานภาพ และความสามารถของตัวเขาเองหรือไม่ และปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจเลือกด้วยตัวขอเขาเอง เรามีหน้าที่เพียงให้คำแนะนำ ชี้แนะแนวทางเท่านั้น ช่วยเหลือเขาให้เขาสามารถช่วยตนเองได้ นอกจากนี้แนวทางการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เราควรสอนความรู้เรื่องเพศ เพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิดแก่เด็กที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นพร้อมทั้งชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม โดยเน้นย้ำให้เห็นผลเสีย  และแนะนำวัยรุ่นชายให้มีความรับผิดชอบและให้เกียรติผู้หญิง เพราะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม แต่ในสังคมไทยยังคงยกย่องเพศชายว่าเป็นเพศที่แข็งแรงกว่า เราจึงควรสอนให้ผู้ชายมีความคิดที่จะปกป้อง ช่วยเหลือเพศหญิงมากกว่าจะรังแกกัน และจะต้องให้เกียรติผู้หญิ มีความรับผิดชอบในการกระทำของตนเอง ปัญหาการทำแท้งส่วนใหญ่พบว่าฝ่ายชายไม่ยอมรับการตั้งครรภ์ และปลูกฝังค่านิยมในการรักนวลสงวนตัวตั้งแต่วัยเด็ก และเน้นย้ำมากขึ้นในวัยรุ่น เพราะปัจจุบันอารยธรรมตะวันตกได้แทรกซึมเขามาในสังคมไทยมากขึ้นทุกวัน เด็กไทยส่วนมากรับเอาอารยธรรมของตะวันตกมาใช้แต่รับเอามาแบบผิด ๆ จนเกิดเป็นปัญหาสังคมในปัจจุบัน ไม่ว่าการอยู่ก่อนแต่ง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยที่เหมาะสม เราจึงต้องช่วยกันส่งเสริมให้เด็กไทยรู้จักรักนวลสงวนตัวไวบ้าง ได้แก่ การแต่งกายที่สุภาพ ไม่แต่งกายล่อแหลม ยั่วยุอารมณ์เพศตรงข้ามซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการข่มขืนกระทำชำเรา และแนะนำให้รู้จักการปฏิเสธในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ปฏิเสธที่จะไปเที่ยวต่อหลังเลิกเรียน ปฏิเสธที่จะไปไหนๆกับเพื่อนชายตามลำพัง ไม่เปิดโอกาสให้เพศตรงข้ามถูกเนื้อต้องตัว เป็นต้น แนวทางการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์นี้คงต้องเริ่มจากการปลูกฝังนิสัยตั้งแต่วัยเด็กให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ เชื่อว่าปัญหาการทำแท้งผิดกฎหมายอาจเบาบางลงไป     
หมายเลขบันทึก: 86936เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2007 22:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท