~[Nes~Za]~
นาย ทวีสิน อำนวยพันธ์วิไล

หลักการทำงานของผม


หลักการทำงานของผม อาจดูแปลกๆหน่อยนะครับ

          ผมเคยคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคนที่ทำงานแล้ว พบว่าหลักการทำงานของผมแปลกกว่าของคนอื่นอยู่มาก เลยอยากมาเล่าให้ฟังครับว่า ใครมีแนวทางการทำงานเหมือนหรือต่างกับผมอย่างไรครับ ช่วยกันแสดงความคิดเห็นนะครับ จะได้แลกเปลี่ยนหลักการ วิธีการทำงานให้ดีขึ้นครับ

         หลักการทำงานของผม มีดังนี้ครับ

  1. หลักของความมั่ว
    มั่วครับ มั่วลูกเดียว ทำไรไม่เป็นมั่วลูกเดียว  อาจารย์ที่สอนผมเขียนโปรแกรมเคยบอกไว้ว่า เขียนโปรแกรมแบบคนฉลาด หรือเขียนแบบ "ถึก" ถ้าได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน เขียนแบบฉลาดดีกว่า แต่ถ้าไม่ได้จริงๆแบบ "ถึก" ก็ยังดีกว่าเขียนไม่ได้ครับ
         ผมไม่เคยปฏิเสธงานครับ(ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ)ไม่ว่างานนั้นผมจะทำได้หรือทำไม่ได้ก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเคยทำ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ มั่วเอาครับ มองกระบวนการของงานชิ้นนั้นให้ออก ว่าต้องทำกระบวนการอะไรบ้าง ก่อน หลัง ต้องทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ เวลาผมได้รับมอบหมายงายอะไร ผมไม่เคยปฏิเสธครับ ผมจะใช้เวลาซัก 5 นาที ว่างานนั้นทำอย่างไร ถ้าเราทำไม่ได้แล้วใครทำได้ ขอคำปรึกษาใครได้ หาแหล่งเรียนรู้อ้างอิงจากที่ไหน แล้วรับปากไปเลยครับ ว่า "ผมทำได้ครับ"
  2. หลักของการเรียนรู้พร้อมกับงาน
    เนื่องจาก อย่างที่ผมบอกแล้วครับว่าผมน่ะ ส่วนใหญ่ผมน่ะมั่วล้วนๆ แต่พอรับปากรับงานมาแล้ว ทีนี้ต้องหาวิธีครับ ต้องเรียนรู้ครับ ถ้าไม่อยากเสียคำพูด ต้องทำงานนั้นให้ได้ ดังนั้น ต้องเรียนรู้ไปควบคู่กับการทำงานครับ กว่า 80% ของงานที่ผมทำ ผมไม่รู้หรอกครับ และไม่เคยทำด้วย ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้ไปกับงานครับ ให้งานเป็นตัวกดดันให้เราเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อทำงานให้เสร็จ (แต่วิธีนี้มีความเสี่ยงครับ ว่าถ้าเราทำไม่ได้ขึ้นมาจะเสียครับ ถ้าไม่ชัวร์ว่าจะเรียนรู้ได้ ตามระยะเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำงาน พร้อมทำงานไปด้วย อย่ารับครับ)
  3. หลักของความพยายาม
    บางครั้งงานบางอย่างผมต้องใช้ความพยายามมากครับ เช่น ผมต้องการเขียนโปรแกรมนิดหน่อยแต่ผมทำไม่ได้ ผมใช้เวลาศึกษาถึงเช้าครับว่าต้องเขียนให้ได้ ถ้าคนเขียนเป็นใช้เวลาแค่ 10 นาทีครับ ดังนั้นผมจึงอาจใช้เวลาทำงานนานหน่อยแต่ก็แค่ครั้งแรกครับ เพราะต่อๆไป คือผมทำเป็นแล้วครับ ผมจะไม่เอ่ยปากถามใครในเนื้องานนะครับ ผมจะถามแค่ Concept ใช้ความคิดเห็นคนอื่นมารวมกันให้งานสมบูรณ์ขึ้นครับ แต่ตัวเนื้องานจริงๆถึงผมทำไม่เป็นผมก็ชอบที่จะศึกษาเองครับ
  4. ทำงานให้เป็นทุกอย่าง ไม่ใช่รู้อยู่อย่างเดียว
    ต้องเรียนรู้งานของคนอื่นด้วยครับ ไม่ใช่ทำงานของเราอยู่อย่างเดียว ผมมองว่าคนเราควรรู้อะไรกว้างๆหลายๆเรื่องครับ ผมเอาแนวคิดนี้มาจากหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก" ครับ เพราะเราจะไม่มีวันก้าวหน้าไปกว่าที่เราเป็นหากเรารู้แค่งานที่เราทำเรื่องเดียวครับ เช่น โปรแกรเมอร์คนหนึ่งรู้การเขียนโคดเก่งมาก ได้เงินเดือนสูงมาก แต่ก็ได้แค่นั้นครับ เพราะเจ้าของบริษัทที่จ้างโปรแกรมเมอร์คนนั้นย่อมมีรายได้สูงกว่าโปรแกรมเมอร์คนนั้นมากครับ เพราะเขารู้หลักการตลาด การบริหาร เรื่องโปรแกรม เรื่องการติดต่อ การประชาสัมพันธ์ เรื่องภาษี เรื่องบัญชี กฏหมาย เป็นต้น ผู้บริหารอาจไม่รู้ลึกแต่รู้ทุกเรื่องครับ
             ในข้อนี้อาจมีคนบอกว่าก็ไม่ได้เป็นผู้บริหารนี่นา แต่การที่เราเรียนรู้งานด้านอื่นไว้เป็นสิ่งที่ดีมากตามประสบการณ์ของผมเลยครับ ผมรับงานพิเศษเกือบทุกอย่างครับเท่าที่ทำได้ เช่น เขียนโปรแกรม ออกแบบโฆษณา สอนภาษาอังกฤษเด็ก สอนร้องเพลง เล่นดนตรีตามงาน ประกอบคอมขาย วิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัย เป็นต้น มันเป็นการขยายงานของตัวเราเองครับ
  5. อย่ามองว่าเราไม่มีทางเก่งเท่าเขา และชอบทำงานกับคนเก่งๆ
    ผมมักบอกกับตัวเองเสมอเวลาเห็นคนเก่งๆครับ ว่า ซักวันผมต้องเก่งให้ได้อย่างนั้นหรือมากกว่านั้น มันเป็นแรงพลักดันให้เราเรียนรู้ครับ ในการทำงานอาศัยทั้งการเรียนรู้ ความพยายาม ความคิดสร้างสรรค์ และโอกาส ผมมองว่าเราก็มีโอกาสเก่งเท่ากับคนทื่เราประทับใจได้ครับ แต่ต้องอาศัยความพยายาม ถึงสมองคนเราไม่เท่ากันแต่ ความพยายามก็พอทดแทนกันได้ครับ ผมคิดอย่างนี้ครับ
         และผมชอบทำงานกับคนเก่งๆครับ เราจะได้แนวความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการพัฒนาตนเองครับและ ใช้หลักครูพักลักจำ ฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นให้ได้มากกว่านี้ครับ
  6. อิสระของสมองในงาน
    เวลาผมทำงานซักชิ้นนึงผมชอบที่จะใส่ความคิดของผมลงไปในงานครับ ใส่จิตนาการสร้างสรรค์ลงไปในชิ้นงานครับ ผมว่ามันทำให้งานชิ้นนั้นมันถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผมลงไปด้วย แต่บางครั้งก็มีข้อจำกัดเรื่องความต้องการของคนมอบหมายงานให้ทำครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมชอบงานที่ให้อิสระทางความคิด คิดเองสร้างสรรค์เองครับ สนุกกว่าเยอะเลย

          หลักการทำงานคร่าวๆของผมก็ประมาณนี้ครับ ใครมีความเห็นอย่างไรช่วย Comment ได้ครับผมจะได้ไปปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นครับ และหลักการทำงานของคุณเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ขอบคุณครับ

หมายเลขบันทึก: 86932เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2007 22:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
นิติกรอัตราส่วนไขมันสูง
ความคิดดีนะครับนี่ ผมคงทำไม่ได้หรอกแบบนี้ ขี้เกียจ 55
  • หลักการดีครับ....
  • ได้โอกาส...คิดแล้วลงมือทำ...งานนั้นก็จะสอนคนให้ได้เรียนรู้ครับ
  • เข้ามาร่วมชื่นชมด้วยคนค่ะ
  • หลักการทำงานของน้องเนส  เข้าใจง่ายและทำตามได้ไม่ง่ายและไม่ยากจนเกินไป
  • ชอบข้อสุดท้ายมากเป็นพิเศษค่ะ  เพราะการทำงานโดยใส่ความคิดของเราลงไปด้วย  นอกจากจะทำให้เราได้คิดและสร้างสรรค์งานชิ้นใหม่ๆ ขึ้นมาแล้ว  ยังเป็นการไม่เอาเปรียบสมองของตัวเองด้วย  เพราะสมองมีไว้คิด ทุกๆ ครั้งที่เราคิด  นั่นคงเป็นการสนองตอบกับสิ่งที่ธรรมชาติได้ให้มาอย่างตรงประเด็นแล้วล่ะเนอะ เนสว่ามะ ^^"
  • แหม แต่ถ้ามั่วแล้วงานออกไม่มีคุณภาพน่ะ รับผิดชอบยังไงละจ้ะ
  • งานบางงานก็ต้องอาศัยความชำนาญนะ มั่วบ่อยๆ ทำให้งานคนอื่นล่าช้า แล้วก็ไม่มีประสิทธิภาพน่ะ มันก็เสียเครดิตนะ
  • ไม่ได้ไม่สนับสนุน แต่รอบคอบหน่อยก็ดีนะ
  • แล้วก็ทำอะไรด้วยใจรักเราจะประสบความสำเร็จ
  • เชื่อว่าเป็นเก่ง รแล้วก็พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆละกันจ้ะ

- เป็นหลักการทำงานที่น่าทำตาม  เฉพาะบางข้อนะคะ

- พี่ไม่สนับสนุนหลักการทำงานข้อ หลักของความมั่ว  เพราะถ้าเรามามั่วทำ ในบางเรื่อง บางอย่างอาจทำให้เกิดความเสียหายมากมาย บางครั้งอาจถึงแก่ชีวิต ถ้าสอาชีพเราไม่ใช้โปรแกรมเมอร์  พี่ว่าเราต้องมั่นใจว่าทำได้ ถึงรับปากดีกว่านะคะ

-อย่ามองว่าเราไม่เก่งเท่าเขานี่สนับสนุนมาก  เพราะถ้าจะคิดแต่ว่าทำไม่ได้ ๆ ๆ ๆ ก็ไม่ได้ทำกันพอดี  พี่เชื่อว่าคนเราทุกคน มีความสามารถ มีความรู้ แต่จะนำความรู้ความสามารถนั้น ๆ ๆ ออกมาใช้ได้หรือเปล่าเท่านั้นเองจ๊า

- สุดท้ายอยากจะฝากว่า  " คติ ในการทำงานของพี่นะคะ  ไม่มีความสำเร็จใด ได้มาโดยไม่พยายาม  " 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท