ไปยังไงมายังไงนักปลูกยูคาฯกิ๊กก๊อก จึงได้ไปเรียนรู้กับปรมาจารย์ระดับโลกได้ สาเหตุเกิดจากผมขายความคิดเรื่องยูคาลิปตัสในไทยกับคณะของลุงเจ๊ฟ และลุงแกไปขายต่อกับสถาบัน CSIRO ซึ่งทำการวิจัยเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ที่ประเทศออสเตรเลีย เขาแจ้งว่าได้รับการติดต่อจากลุงเจ็ฟ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางวิชาการของมหาชีวาลัยอีสาน ตกลงปลงใจที่จะชวนผมไปเที่ยวดูงานยูคาลิปตัสในประเทศออสเตรเลีย มานั่งทบทวนดูแล้ว คิดว่าลุงแกคงชอบใจคำที่ผมถาม
1. ทำไมคนออสเตรเลียไม่โค่นไม้ยูคาทิ้ง แล้วเปลี่ยนไปปลูกไม้หรือพืชอย่างอื่นถ้ามัน เป็นพืชมหันตภัยอย่างที่คนไทยเข้าใจ
2. ถ้าไม่เห็นกับตาก็ไม่ควรเขียนหนังสือออกมาอ้างอิงหรือทำการพิมพ์ ลุงแกแกล้งชมว่าผมไม่ดูถูกความรู้ น่าจะทำวิจัยเรื่องพันธุ์ยูคาลิปตัสได้ เอ๊ะทำไมเขาถึงมองเห็นสุวรรณอยู่ชั้นในละนี่ เขินเหมือนกันนะที่ยกก้นตัวเอง ทำไมคนไทยด้วยกันไม่มองอย่างนี้บ้างโดยเฉพาะถ้าเป็นชาวบ้าน จะขอทุนวิจัยยากเย็นกระปริดกระปรอยยิ่งกว่าคนเป็นโรคนิ่วในท่อปัสสาวะ
สรุปว่าผมจะเล่าประสบการณ์ ที่ผมไปบุกดินแดนแห่งต้นตอเจ้ายูคาลิปตัสเป็นเวลา 12วัน เมื่อทราบข่าว ผมจะรอช้าทำไมละครับ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ลาแล้วหนอแฟนเก่า..นั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลหลายชั่วโมงจนแอ่นแต้ ไปถึงแดนจิงโจ้เอาตอนพลบค่ำ ลุงน้าป้าอามารับกันครบหน้า พาไปเลี้ยงข้าวมื้อเย็นที่ภัตตาคารชื่อดังเรื่องเป็ดย่าง เจ้าภาพเล่าว่าต้องโทรสั่งจองโต๊ะล่วงหน้าหลายวัน ไปถึงฝรั่งแน่นร้านต้องเดินตัวลีบเข้าไปนั่งโต๊ะที่จองไว้ อาหารที่ขึ้นชื่อก็ยังงั้นๆแหละพอไปวัดไปวาได้ สู้ร้านจิ๊บกี่บ้านเราไม่ได้หรอก
วันรุ่งขึ้นเขาชวนไปชิมร้านอาหารไทย ผัดอะไรๆคิดเป็นเงินไทยจานละ 500บาท หมายความว่าจะสั่งผัดผักอะไรก็ได้แกเปลี่ยนเฉพาะชนิดผัก เครื่องปรุงมีอยู่ชุดเดียวเป็นซอสไปจากเมืองไทยนี่แหละ สั่งผัดเผ็ดแกใส่ใบกระเพาแทบจะนับใบได้ อาหารแต่ละจานใบโตมาก กุ๊กเป็นหนุ่มใหญ่ แถมคุยว่าเป็นพวก16ตุลา เผ่นมาหางานทำตั้งแต่คราวนั้น ตอนนี้ทำหน้าที่หัวหน้ากุ๊ก แกยิ่งคุยยิ่งยืด
เรื่องอาหารไทยในออสซี่นี่ขึ้นชื่อจริงๆ ไปเมืองไหนๆก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เข้าร้านไหนคนแน่นร้านนั้น เขาจึงแนะนำว่าให้อ่านเมนูให้ดีสั่งครั้งเดียวจบ จะมาสั่งตามหลังอย่างโน่นอย่างนี้ไม่ควร เพราะเขามีระเบียบทางสังคมสูงมาก ครอบคลุมไปเสียทุกอย่าง จะข้ามถนนก็จะมีเสียงเตือน การใช้น้ำล้างรถควรประหยัดอย่างไร เอาแค่น้ำมาลูบๆเอาฝุ่นออก การสร้างบ้านแบบแปลนบ้านต้องสอดคล้องกับส่วนรวมที่ดูแลภูมิทัศน์ การดูแลความสะอาดร่วมกันรับผิดชอบ มีวินัยที่ทุกคนเต็มใจปฏิบัติ ตรงนี้ละที่เรียกว่าความเจริญ ผมว่าวัดกันที่แม่น้ำลำคลองหรือระบบน้ำเสีย นี่ก็เห็นชัดเจนว่าบ้านไหนเมืองไหนเจริญหรือป่าเถื่อน
ทางออสเตรเลียเขาจัดรายการทัวร์ยูคาฯให้อย่างดีเลยละครับ ไปตรงกับเทศกาลไม้ดอกไม้ประดับ เป็นช่วงปลายหนาวของประเทศเขาอากาศสบายพอๆกับบ้านเรา น้าจอห์นพานั่งเครื่องบินเล็กโฉบไปเมืองโน้นเมืองนี้ แม้แต่ชายหาดที่ชมรมเปลือยกายแกก็พาเลี้ยวไปแว๊บๆ กติกามีอย่างเดียว ถ้าอยากไปดูใกล้ชิดต้องเปลือยกายเดินโท่งๆเข้าไป แบบเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไม่งั้นพวกชีเปลือยในนั้นไล่เตะเอา ผมมันประเภทชอบดูข้างเดียว ก็เลยเหมงกลับมาดูของเก่า คือดูของเราเองสะดวกและไม่เสี่ยงอะไร จริงไหมครับข้อนี้ อย่าลืมสำรวจดูของตัวเองนะครับว่าอะไรบ้างที่มันยุบหนอพองหนอ
คำว่าเจ้าพ่อยูคาฯโลกนี่ ผมก็เรียกตามๆเขาไปอย่างนั่นแหละ จนกระทั่งไปเห็นกับตา ปัดทิโท้ๆๆ ..แกยิ่งกว่าเจ้าพ่ออีก ไม่รู้จะเรียกอะไร เรียกว่าโคตรเจ้าพ่อยูคาลิปตัสก็แล้วกัน ผมนะทึ่งลุงเจ๊ฟจนนะจังงัง แกมาบุกเบิกพื้นที่ฟาร์มแห่งนี้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ขี่ม้าลุยมาแบบคาวบอย เครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ มันบ่งบอกความเป็นนักสู้ชีวิตแบบคนหัวเด็ด รถแทรกเตอร์สมัยที่ยังเป็นล้อเหล็กและเครื่องมือต่างในยุคแรกกองเป็นกลุ่มใหญ่ รถลากไม้ที่ล้อทำด้วยไม้ก็ยังเก็บไว้ ลุงแกชี้ให้ดูพื้นที่ปลูกที่มองไปลิบๆสุดสายตา ประมาณว่าแต่ละแปลงเป็นพันเอเคอร์ ผมรู้แต่ว่ามันเป็นอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ลุงเจ๊ฟพานั่งรถจี๊บไปกลางไร่ ไปดูแปลงที่ปลูกใหม่ ไร่ยูคาฯที่นี่แห้งแล้งกว่าบ้านเราต้องรดน้ำช่วย เขามีรถต่อแขนยื่นออกไปแต่ละข้างประมาณ15เมตรเดินน้ำใต้ดินมาเข้าเครื่องปัม รถที่ว่านี้จะพ่นน้ำออกทั้ง2ปีกให้น้ำต้นไม้ได้หน้ากว้าง30เมตร เดินหน้าไปเองโดยอัตโนมัติ เดินไป เดินไปเป็นเวลา15วัน จะไปถึงขอบแปลงด้านหนึ่ง จะไปชนกับหลักที่เตรียมไว้ เจ้าเครื่องรดน้ำปีกยักษ์ก็จะเลี้ยวกลับมาเอง เห็นแล้วทึ่งๆๆจนต้องไปลูบๆคลำๆเจ้าเครื่องนี้
ที่ไร่ลุงเจ็ฟมีบ้านสวนที่เราเห็นในหนังฝรั่งนั่นแหละ คงบรรทุกบ้านสำเร็จรูปจากที่อื่นมาตั้งบนตอหม้อที่เตรียมไว้ เป็นบ้านชั้นเดียวที่เอา 2หลังมาต่อกัน มีเครื่องอำนวยความสะสะดวกครบครัน วันที่เราไปคุณป้าแฟนลุงมาเตรียมอาหารอร่อยไว้รับแขก ช่วงที่ตระเวนไปดูงานในฟาร์มต่างๆ เราจะได้รับการต้อนรับแบบกันเองของครอบครัวผู้อารี ขนมอร่อยๆ น้ำผลไม้ ชากาแฟ ใต้ร่มไม้ในบรรยากาศที่สบายๆ รู้ได้เลยว่าชีวิตเกษตรกรของชาวออสซี่นั้นตรงกันข้ามกับเกษตรกรบ้านเรา ของเขาอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่อย่างน่าอิจฉา รายได้ก็ดี ความเป็นอยู่อบอุ่นท่ามกลางธรรมชาติที่สุขสดใสจริงๆ ลุงเจ๊ฟประกอบธุรกิจปลูกยูคาฯพันธุ์ที่ให้น้ำมัน ธุรกิจจะแยกกันอยู่คนละเมือง ปลูกไม้เมืองหนึ่ง ไปมีโรงกลั่นน้ำมันที่เมืองหนึ่ง ไปทำโรงงานผลิตภัณฑ์จากยูคาฯอีกเมืองหนึ่ง ระยะทางขนาดใกล้ๆของเขาก็คือ 100 กม.ขึ้นไป ทำให้เราได้นั่งรถยนต์ไปเจอนกอีมู เจอฝูงจิงโจ้ และเจ้าตัวอะไรก็ไม่รู้ตัวเท่าหมาขนาดย่อม ถูกรถชนตายบนถนนตลอดทาง ทั้งๆที่เขาทำรั้วป้องกันสัตว์ไว้ที่2ข้างทาง เอาไว้เล่ารายละเอียดอีกทีดีไหมครับ วันนี้มีงานมาจ่ออยู่ยิกๆ
เกษตรกรออสซี่ฝ่าฟันแก้ปัญหาอย่างทรหด บางปีปลูกพืชน้ำมันเป็นหมื่นๆไร่ ฝนไม่ตกก็เจ๊งคราวละหลายล้านเหมือนกัน แต่ระดับนี้สายป่านยาว ได้บ้างเจ๊งบ้างก็พอประทังกันไป ไม่เหมือนพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างบ้านเรา ทำเล่นๆ ไม่เรียนรู้ เจอภัยธรรมชาติเข้าหน่อยก็ร้องแรกแหกกระเชอขอค่าชดเชยน้ำท่วม ค่าชดเชยภัยแล้ง รณรงค์ให้ช่วยกันปลูกต้นไม้ ดูแลรักษาป่าไม้ ฉันไม่ทำ .. ถ้ายังส่งเสริมและพัฒนาแบบลิงหลอกเจ้าอยู่อย่างนี้ ในระดับนโยบายควรตั้งธนาคารบริการเฉพาะ แบ่งเงินกู้ออกหลายประเภท เช่น
· ประเภทชะลอหลังยาว
· ประเภทกระต่ายตื่นตูม
· ประเภทหมูไม่กลัวน้ำร้อน
· ประเภทดื้อตาใส
· ประเภทเต่าพิการใจ
· ประเภทอีแอบ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ใน KM ในมหาชีวาลัยอีสาน
สวัสดีครับ ท่านครูที่เคารพรัก