ฟังเรื่องยูคาจนมึนตึ๊บมาหลายตอนแล้ว คราวนี้ขอเล่าเรื่องเบาๆเย้าหัวใจหนุ่มสาวบ้างท่าจะดี เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ พ่ออุ่น นิกรรัมย์ สมาชิก KM.ชุมชน เจ้าเก่าของผมนี่แหละ แกเป็นคนมีที่ทางเยอะ ใครว่าอะไรแกทำตามเขาหมด เขาว่าเลี้ยงวัวดี แกก็เลี้ยง เขาว่าปลูกยางพาราดี แกก็ปลูก ใครว่าปลูกยูคาลิปตัสดีแกก็ปลูก จากการที่แกทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทำให้แกมีข้อมูลจากประสบการณ์ตรง อดีตเคยเป็นพัฒนาการมือสะอาด เป็นจระเข้ขวางคลองไม่ยอมให้เจ้านายงาบงบประมาณ นายไม่ชอบขี้หน้าอนาคตทางราชการเลยไม่รุ่ง เป็นพัฒนากรแก่ๆแต่ไฟแรงเป็นบ้า พอเกษียณมาทำงานด้านชุมชนด้าน KM.นอกระบบ ดูแกมีความสุขยิ้มหวาน คุยสนุกมีเรื่องดีๆมากระตุ้นต่อมฮาให้วงแตกอยู่เสมอๆ
วันที่สมาชิกมารับไก่ไข่ไปเลี้ยง แกมาช้ากว่าเพื่อนหมดโคต้าพอดี ต้องรอเอารุ่นถัดไป ทำให้มีเวลาคุยกัน แกเล่าว่าตอนนี้ใกล้จะได้ลูกสะใภ้แล้ว เจ้าลูกชายตัวดีไปมีใจให้กับสาวสวยอำเภอข้างเคียง มันแอบไปสืบเสาะราคาค่าสินสอดเป็นการภายใน ว่าที่คุณแม่ยายรู้ว่าไอ้หมอนี่หลงเสน่ห์ลูกสาวจนโงศีรษะไม่ขึ้น แกตั้งราคาสินสอดไว้ที่ 300,000บาท ขาดตัวแดงเดียวก็ไม่ลด ไอ้หนุ่มแบกโลกกลับมาหารือพ่อตัวเอง ไอ้หนุ่มหัวใจแผ่วเข้ามากอดขาทำตาซึมโศก ตาอุ่นก็เลยถามว่าตอนนี้มีเค้าอยู่เท่าไหร่ที่จะเอาเมีย
คุณลูกบอกว่า ตั้งแต่ทำงานจนอายุจะเข้า 30นี่แล้ว เก็บเงินไว้เป็นทุนไปขอสาวได้ 100,000บาท รู้สึกว่าภูมิใจมาก คิดว่าสาวเจ้าที่รักชอบพอกันน่าจะไปสู่ขอได้ไม่มีปัญหา แต่เมื่อเกมส์หัวใจพลิกผันฝันค้างเติ่งเช่นนี้ ก็มีแต่คร่ำครวญมาขอความเมตตา พ่ออุ่นก็บอกว่า ตอนพ่อเป็นหนุ่มนี่แต่งกับแม่แกพ่อช่วยตัวเองทั้งนั้น อาศัยวิชาเศรษฐกิจพอเพียง มีแค่ไหนก็ให้แค่นั้น ถ้าอยากได้ฉัน ได้ลูกเขยเป็นข้าราชการก็น่าจะหยวนๆกัน อาจจะเป็นเพราะแกคุยโฉ่งฉ่างเสียงดัง เขาก็เลยยกลูกสาวให้
แต่สถานการณ์ของเจ้าตัวดีนี่คนละโจทย์กัน ถ้าไม่ช่วยมันก็เกรงว่าจะตรอมใจตาย ก็เลยช่วยแบบบูรณาการ คือพ่ออุ่นแกจะควักสมทบให้ 100,000บาท ยังขาดอีก 100,000บาท แกให้ช่วยเหลือตัวเอง ดูสิว่าจะทำอย่างไร เจ้าลูกชายเข้ามากราบกอดพ่อว่าไม่เป็นไร ผมจะไปขอแม่อีก 100,000บาท ก็จะครบ300,000บาท ได้แต่งภรรยาเสียที ตาอุ่นร้องเสียงหลง อย่านะเว้ยหนึ่งแสนที่พ่อให้แก พ่อก็กะจะไปเอาที่แม่แกนี่แหละ ดังนั้นแกต้องไปหาจากที่อื่นไม่ใช่มาแคะเอาแถวนี้
หลังจากนั่งปรึกษาหารือกันถึงช่วงสุดท้าย ไอ้หนุ่มหัวใจแฟ๊บก็บอกกับพ่อว่าผมจะเข้าไปทำงานอู่ซ่อมรถที่กรุงเทพ จะพยายามอดออมสะสมเงินให้ได้เร็วที่สุด ตาอุ่นถามว่าเร็วที่สุดของแกนั่นใช้เวลากี่เดือน เจ้าลูกชายตอบว่าประมาณสองปีครึ่ง โอ้โฮกว่าจะได้แต่งแกมิแก่งักรึวะ นี่ก็จวนจะ 30โตเป็นควายแล้วยังหาเมียไม่ได้ เอายังงี้ก็แล้วกัน เอ็งมาเพาะต้นยูคาขาย เห็นไหมที่ข้างบ้านเราเขาเพาะปีหนึ่งๆ 20-30 ล้านต้น ขนกันขึ้นรถทั้งปี ได้เงินเร็วกว่าเอ็งไปกรุงเทพอีก
ไอ้หนุ่มตาแจ้งเกิดแรงใจทะลุปรุโปร่ง ลงมือเพาะยูคางวดแรก 300,000ต้น โดยมีตาอุ่นและแม่คอยเป็นกำลังใจช่วยเหลือทุกอย่างภายใน4เดือน ไอ้หนุ่มที่กินแห้วตอนนี้หัวใจเบิกบานหวานเจี๊ยบเหมือนแช่น้ำผึ้งเดือนห้า ขายกล้ายูคางวดแรกได้เงินมา 400,000บาท ยังเหลือกล้าไม้ติดแปลงและกำลังลงรุ่นใหม่อีก คาดว่าภายในอีก3เดือนข้างหน้า ก็จะมีทุนไปแต่งยอดยาหยีสบายๆ และยังมีเงินไปมัดจำรถปิดอัพไปรับแม่ยายเที่ยวอีกต่างหาก
สรุป ยูคาช่วยแก้ปัญหาหัวใจ ให้ไอ้หนุ่มคนนี้ได้หวานใจมาอิงแอบ ได้อาชีพสุจริตช่วยกันทำมาหากิน ตาอุ่นแกชอบนิสัยสาวเจ้าที่ไม่หยิบโย่ง ช่วยกันเพาะกล้ายูคาขายอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีลูกค้าข้ามจากฝั่งลาวมาซื้อมีเท่าไหร่เหมาหมด แกหน้าบานเป็นจานเชิง ตอนนี้ใจป้ำแล้ว ยกที่ดินให้ลูกชาย 60ไร่ ปลูกไผ่ ปลูกยางพารา และปลูกยูคาลิปตัส หว่านหญ้าระหว่างร่องสวน เลี้ยงวัว 5-6 ตัว กำลังออกลูกขยายพลเมืองวัวไปเรื่อยๆ
ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝา อีกหน่อยมีหลานตาหลานยายออกมาเป็นพรวน แกห่วงส่งไม้ผลัดต่อให้ลูกชายลูกสะใภ้ได้แล้ว ตอนนี้ไปบ้านไหน แกก็จะคุยเสียงดังเรื่องได้ลูกสะใภ้เพราะยูคา ทำหน้าที่การตลาดใครอยากได้ยูคาพันธุ์ดี ให้ตรงไปซื้อที่ลูกสะใภ้แก เรียกว่าทำหน้าที่พ่อสามีไม่ให้ตกหล่นแม้แต่น้อย นี่ละคนที่ชื่ออุ่น นิกรรัมย์ สมาชิก KM.ชุมชน ของครูบาสุทธินันท์ .
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ใน KM ในมหาชีวาลัยอีสาน
กราบสวัสดีครับ ท่านครูที่เคารพรัก