เกรงว่าจะตกขบวนครับ ผมขอร่วมวงเรื่อง “แดจังกึม” ด้วยอีกคน ไม่มีรูปสวย ๆ มาฝาก แต่ถ้าอยากดูจริง ๆ ผมขอแนะนำให้ดูจากบันทึกของท่านอาจารย์สมลักษณ์ (Beeman) < Link > หรือจากบันทึกของท่านอาจารย์มาลินี (dhanarun) < Link >
ผมพอที่จะเรียนรู้อะไรได้บางอย่างจากการดู “แดจังกึม” เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 26 พ.ย. 48 คือ
1. แดจังกึมแม้เสียประสาทการลิ้มรสแต่ก็ยังสามารถปรุงอาหารได้อร่อยจากการจินตนาการรสชาติอาหาร คล้าย ๆ กับที่ไอสไตน์เคยบอกว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ (การรู้) แต่โปรดสังเกตด้วยว่าถ้าแดจังกึมไม่เคยรับรู้ เรียนรู้ หรือมีความรู้เกี่ยวกับรสชาติอาหารชนิดต่าง ๆ มาก่อนเลย แดจังกึมก็คงจะจินตนาการรสชาติอาหารไม่ได้เช่นกัน (ไม่แน่ใจเหมือนกัน)
2. พิษจากเหล็กในผึ้งสามารถนำมาใช้เป็นยาได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้แดจังกึมกลับมารับรู้รสชาติอาหารได้ดังเดิม และคงเอาไปใช้อะไรได้อีกหลายอย่าง ตรงนี้ให้ข้อคิดว่าของทุกอย่างมีทั้งประโยชน์และโทษครับ ขึ้นอยู่กับการใช้เป็นสำคัญ ไม่เว้นแม้กระทั้งเรื่องของ วิจัย QAและ KM ก็เช่นเดียวกัน
3. การที่จะบอกว่าอาหารอร่อยหรือไม่นั้นสำคัญอยู่ที่คนกินครับไม่ใช่คนทำ คนที่แสดงเป็น King (ฝ่าบาท) ในเรื่องนั้น เวลาลิ้มรสอาหารท่าทางเป็นมืออาชีพมาก (คล้ายคุณชายถนัดศรี) ทำให้ผมนึกอยากรับประทานเนื้อปลาวาฬไปกับเขาด้วย (พูดเล่น) ประเด็นนี้สามารถเอามาประยุกต์ใช้ได้กับการประเมินต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี (เรื่องเกี่ยวกับความพึงพอใจของลูกค้าไงครับ)
4. แดจังกึมสวยจริงอย่างที่ Beeman พยายามที่บอกพวกเรา แต่ผมรู้สึกว่าอายุจะมากกว่าเพื่อน ๆ ที่อยู่ด้วยกันนะครับ คงเตรียมหน้าไว้ให้พร้อมที่จะเป็น “ซังกุงสูงสุด”
5. เกาหลีเป็นประเทศหนาว แสงแดดน้อย สาว ๆ ส่วนใหญ่จึงดูผิวขาวคล้าย “แดจังกึม” กันเกือบทุกคน แต่พิษณุโลกเป็นจังหวัดร้อน แสงแดดแรงจัดตลอดทั้งปี จึงอาจหาดูอย่าง “แดจังกึม” ได้ค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่ผิวจะคล้ำ จนอาจถึงขั้น “ดำจังแก” กันโดยทั่วไป ตรงนี้ผมไม่ทราบว่าจะดึงมาเกี่ยวข้องกับ “พลังของความแตกต่าง” ได้อย่างไร
6. ........................(ช่วยกันสะกัดออกมาอีกครับ จากตอนอื่น ๆ ด้วยก็ได้)...........
วิบูลย์ วัฒนาธร
26 พ.ย. 48