สืบเนื่องจากการไปร่วมเสวนากับชมรมผู้สูงอายุอำเภอปากพะยูน เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2548 ที่ผ่านมา มีประเด็นหนึ่งที่สะท้อนจากเวทีขึ้นมา คือ “การใช้ชีวิตในครอบครัวของผู้สูงอายุในปัจจุบัน” ซึ่งรายละเอียดอยู่ในระหว่างการถอดเสียงจากที่ได้บันทึกไว้ ยังไม่เรียบร้อย เสร็จเมื่อไหร่จะได้นำมาบันทึกไว้อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
วันนี้จะขอฝากคุณลูกหมูอ้วน
ได้ช่วยสื่อให้หนังสือชุดการพัฒนาครอบครัว เรื่อง
ครอบครัวกับผู้สูงอายุ ที่เขียนไว้โดยนายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช
และรวบรวมขึ้นโดยสถาบันเด็ก มูลนิธิเด็ก ได้ถึงชมรมฯ ด้วยครับ
โดยขอให้ไปดาวน์โหลดฟรี ได้จาก ห้องสมุด สถาบันมูลนิธิเด็ก ที่
Url: http://www.childthai.org/cic/ebook.htm
ผมได้นำบทที่เป็น “ความนำ” ซึ่งท่านได้บันทึกไว้
ผมชอบวิธีการเรียงร้อยความของท่านมาก ลองอ่านดูก่อนสักบทครับ
ในการกล่าวถึงเรื่อง
"ครอบครัวและผู้สูงอายุ"ย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกันไปได้มากมาย
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับพื้นฐานหรือภูมิหลังของผู้กล่าว
ซึ่งมีมุมมองเฉพาะของตน บุคคลอื่นซึ่งมีภูมิหลังต่างกัน
ย่อมมีมุมมองที่แตกต่างไปก็เป็นไปได้ ดังนั้น
เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน
ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องเล่าภูมิหลังของผู้เขียนให้ฟังพอสังเขปก่อน
เพื่อผู้อ่านจะได้ทราบว่า เพราะภูมิหลังของผู้เขียนเป็นเช่นนี้
มุมมองเรื่องครอบครัวและผู้สูงอายุ จึงเป็นดังจะได้กล่าวต่อไป
ผู้เขียนเป็นคนบ้านนอก เกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ปัจจุบันอายุ 70 ปี
เป็นลูกคนที่ 9 ของครอบครัว ที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจปานกลาง
เมื่อเกิดมามารดาก็ถึงแก่กรรม จึงจำเป็นที่ต้องอาศัยนมจากแม่นมอื่นๆ
เพราะขณะนั้นไม่มีนมกระป๋อง (ถึงมีก็ยังไปไม่ถึงร้อยเอ็ด)
จนพี่สาวคนโตคลอดบุตรออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
จึงได้อาศัยกินนมพี่สาวคนโต กินด้วยกันกับหลานจึงเติบโตขี้นมาได้
พออายุได้ประมาณ 7-8 ปี บิดาก็เสียชีวิต
ครอบครัวจึงได้พี่ชายคนโตดูแลครอบครัวต่อจากบิดา
ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวใหญ่ พี่คนโตดูแลน้องเพราะอายุห่างกันมาก
คนไหนมีครอบครัวก็แยกไปคนไหนไม่แยกไปก็อยู่ด้วยกันไปในบริเวณเดียวกัน
บ้านเรามีพื้นที่มาก เพราะแต่ก่อนคนไม่มากที่ดินราคาถูก
หลังบ้านยังเป็นสวนปลูกผักและผลไม้
ผู้เขียนเข้าโรงเรียนวัดข้างบ้าน
แล้วก็เข้าโรงเรียนหลวงประจำจังหวัดจนจบ พี่ๆ เห็นว่าควรเรียนต่อไป
ก็เดินทางเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯที่กรุงเทพฯ
โดยเช่าบ้านอยู่รวมกันกับญาติลูกพี่ลูกน้อง หลาน
และนักเรียนจากต่างจังหวัดอื่น ๆ (แต่ก่อนนี้หอพักยังมีไม่มาก)
บ้านเช่าอยู่ที่สวนหลวงหลังสนามกีฬาใกล้โรงเรียนเดินไปไม่ต้องขึ้นรถเมล์
เมื่อจบเตรียมอุดม
เตรียมวิทยาศาสตร์การแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว
ก็ข้ามฟากไปเรียนที่ศิริราช อยู่หอพักนักเรียนแพทย์ตลอดจนจบเป็นแพทย์
ได้รับคัดเลือกให้เป็นแพทย์ประจำบ้านสาขาศัลยกรรมอยู่ 1 ปี
ก็เข้ารับราชการกระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นแพทย์ต่างจังหวัด
โดดยเป็นแพทย์คนแรกของโรงพยาบาลมหาสารคาม
แต่งงานที่นี่ต่อมาทางการย้ายไปเป็นแพทย์คนแรกของโรงพยาบาลสระบุรี
อยู่สระบุรีนาน 20 กว่าปี
จึงมีบุตรและเริ่มสถานะครอบครัวใหม่ที่สระบุรี
ปี 2516
ทางราชการย้ายเข้ามาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน ถนนสีลม กรุงเทพฯ
2521 ย้ายไปเป็นรองอธิบดีกรมการแพทย์ และ2526
ย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เกษียณอายุราชการเมื่อปี
2528
ขณะที่เป็นแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลสระบุรี ปี 2500
สอบได้ทุนของรัฐบาลอเมริกาไปศึกษาต่อเพิ่มเติมทางศัลยกรรมที่มหาวิทยาลัยอิสตัน
มลรัฐเพนซิลวาเนียต่ออีก 1 ปี จึงกลับมาทำงานต่อที่สระบุรี
ตลอดเวลารับราชการยังมีโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศอีกหลายแห่งและหลายครั้ง
จนปี 2525
ขณะที่ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้ร่วมเป็นคณะผู้แทนไทย
ซึ่งมี พล.อ.สิทธิ จิรโรจน์ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น)
ไปประชุมสมัชชาโลกว่าด้วยผู้สูงอายุของสหประชาชาติ ที่กรุงเวียงนา
ประเทศออสเตรีย
จากจุดนี้เองที่ทำให้ผู้เขียนเริ่มสนใจเรื่องผู้สูงอายุ
ได้เดินทางไปดูงานเรื่องผู้สูงอายุทั่วโลกโดยทุนขององค์การอนามัยโลกเพิ่มเติมเพื่อนำความรู้มาปรับใช้กับประเทศไทย
และได้ทำงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุตลอดมาจนปัจจุบัน
ทั้งนี้จึงเป็นสังเขปสั้น ๆ ของภูมิหลังของผู้เขียน
ที่มา :
หนังสือชุดการพัฒนาครอบครัว เรื่อง ครอบครัวกับผู้สูงอายุ
โดย :
นายแพทย์บรรลุ ศิรินิช
รวบรวมโดย :
สถาบันเด็ก มูลนิธิเด็ก
หรือผู้ใดสนใจก็ลองเข้าไปอ่านได้นะครับ
ที่ ห้องสมุด สถาบันมูลนิธิเด็ก ที่ Url: http://www.childthai.org/cic/ebook.htm