นิมิตรหมายที่ดี ของการประชุมภาคีภาคราชการครั้งที่ 1


หากขยายการจัดการความรู้เข้าไปในนักโทษด้วยจะทำให้นักโทษเห็นคุณค่าในตัวเองเพิ่มมากขึ้น และช่วยสนองนโยบาย "คืนคนดีสู่สังคม" ด้วย

ในการประชุมภาคีภาคราชการ ครั้งที่ 1

ณ ห้องประชุม สกว.1 ชั้น 14 อาคารเอส เอ็ม ทาวเวอร์ ตรงข้าม ททบ5 (สนามเป้า)

ตั้งแต่เวลา 9.00 น. -13.00 น.

ครั้งนี้มีวาระการประชุมทั้งหมด 3 วาระ

วาระที่1 (เรื่องเพื่อทราบ) รูปแบบและจุดประสงค์การจัดการประชุมภาคีภาคราชการ

(ศ.นพ.วิจารร์ พานิช)

วาระที่ 2 (เรื่องเพื่อพิจารณา)

2.1 การจัดการความรู้เรือนจำพิษณุโลก (นายธวัช พันมา)

2.2 สถาบันบำราศนราดูร (พ.ญ.อัจฉรา เชาวะวิช และคณะ)

2.3 ความก้าวหน้า การจัดการความรู้กรมอนามัย

(คุณศรีวิภา เลี้ยงพันธุ์สกุล และ พ.ญ.สายพิณ คูสมิทธิ)

2.4 ความก้าวหน้า การจัดการความรู้กรมส่งเสริมการเกษตร

(คุณธุวนันท์ พานิชโยทัย และคณะ)

2.5 แนวทางความร่วมมือด้าน KM ของ TRIS (คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์)

และแขกผู้มีเกียรติอีกหลายท่าย หลายหน่วยงาน ที่ผู้เขียนไม่ได้เอ่ยถึง

วาระที่ 3 (เรื่องอื่นๆ) กำนดการประชุมครั้งต่อไป

            ในการประชุมครั้งนี้บรรยากาศในห้องเป็นไปด้วยความเป็นกันเอง เนื่องจากหลายหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมภาคีครั้งนี้ คุ้นเคยกับ สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) กันบ้างแล้ว ทั้งในเรื่องของการนำกระบวนการของ สคส. ไปพัฒนางาน ในหน่วยงานของตนเอง และขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิใน สคส. เป็นครั้งคราว

            ที่ขอตั้งชื่อว่า "นิมิตรหมายที่ดี ของการประชุมภาคีภาคราชการครั้งที่ 1" ก็เพราะว่า ผู้เขียน ในฐานะเป็นหนึ่งในทีมขับเคลื่อนกระแสการจัดการความรู้สู่สังคม เห็นพลังของหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ นำ Km ไปใช้และเกิดผลดีมากมาย และสีหน้าแววตาของความสุข ที่ได้นำ Km ไปใช้ ผ่านการเล่าเรื่องของผู้ปฏิบัติ เล่าเรื่องออกมาได้อย่างเห็นภาพชัดเจน

            ชวนให้บางหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม และยังไม่เคยสัมผัส KM มาก่อน เกิดตาลุกวาวในเรื่องเล่า และเทคนิคต่างของหน่วยงานนั้นๆ ที่สำคัญเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขึ้นในวงประชุม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเล่าแก่ผู้ใช้บล็อกทุกท่าน ได้เห็นพลังของการประชุมครั้งนี้ นับตั้งแต่บรรทัดนี้เป้นต้นไปครับ.....

           เริ่มต้นที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เล่าเรื่องการเริ่มต้น Km โดย คุณธวัช พันมา เริ่มใช้กระบวนการจัดการความรู้เข้าไปทำในเนื่องาน โดยเริ่มมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งแรก และหลังจากเวทีจบลง ทำให้หลายๆคนเกิดความรู้สึกที่ดี เกิดบรรยากาศที่ดีในการทำงาน มีการให้กำลังใจกันตลอดเวลา

           กระทั่งเกิดการตั้งทีมงานของเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกขึ้นมา โดยครั้งแรกๆ มีการชักชวนหน่วยต่างๆในเรือนจำมาร่วมเป็นคณะกรรมการจัดการความรู้ และนำเสนอผู้บริหาร กระทั่งคณะทำงานท่านอื่นๆ บอกว่าน่าจะชวนคนเก่งๆของหน่วยอื่นๆมาร่วมอีก และได้ความหลากหลายในแผนกต่างๆมากขึ้น จึงเริ่มทำเรื่องแรก คือ การทำเอกสารหมุนเวียนในเรือนจำ และต่อมาทำจดหมายข่าวในเรือนจำเพิ่มเติมอีกอีก ซึ่งมีคนในเรือนจำบอกคุณธวัชว่า

"อย่าทำเลย ไม่มีใครอ่านหรอก เดี๋ยวก็เอาไปเช็ด....กันหมด"  แต่คุณธวัชเอง ก็ยังมีความเชื่อมั่น และดำเนินการตามความตั้งใจของตนเอง ซึ่งขณะนี้จดหมายข่าวที่ว่า ออกมาได้เป็นฉบับที่ 7 แล้ว ซึ่งมี Feed back ดีๆตอบกลับมาว่า  "เมื่อไหร่ฉบับที่ 8 จะออกล่ะครับ รออ่านอยู่" คุณธวัชบอกอีกว่า มีคนพูดอย่างนี้เราก็รู้สึกมีกำลังใจ และจะทำอย่างต่อเนื่องต่อไป

          นอกจากนี้ Website ก็เริ่มมีการทำขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตอบกระทู้กันบ้าง คุณธวัชบอกว่า ต้องหาเวลากลางคืน หลังเลิกงานแล้ว พัฒนาเว็บไซต์เพราะงานประจำที่ทำอยู่ทุกวันก็มีมากแล้ว แต่ก็ทำด้วยความสุข เพราะเห็นผลของการปฏิบัติอย่างชัดเจน ที่สำคัญมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์มากขึ้น

          อ.จิรัชฌา วิเชียรปัญญา อาจารย์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.รังสิต กล่าวเสริมว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่เรือนจำมีการจัดการความรู้ในเจ้าหน้าที่ เพื่อพัฒนางานกันบ้างแล้ว ซึ่งมิติต่อไปเมื่อทีมคณะกรรมการเข้มแข็งแล้ว ก็น่าจะมีการขยายการจัดการความรู้เข้าไปในนักโทษด้วย เพื่อให้นักโทษเห็นคุณค่าในตัวเองเพิ่มมากขึ้น และเพื่อเป็นการสนองนโยบาย "คืนคนดีสู่สังคม" ลดอัตราการเข้าออกเรือนจำของนักโทษในครั้งที่ 2, 3 ,4 และครั้งต่อๆไป

ความคิดเห็นของผู้เขียน :เห็นพลังการจัดการความรู้ในภาคราชการมากขึ้น แม้กระทั่งเรือนจำที่เป็นหน่วยงานที่มีความเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบ ในการดูแลนักโทษ และค่อนข้างจะซีเรียสในการที่หน่วยงานอื่นจะเข้ามาติดต่อทำเรื่องต่างๆ

ยังหันมาทำเรื่องการจัดการความรู้กัน ขอชมเชยในความพยายาม และความตั้งใจของคุณธวัช ที่กล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่จะทำ ซึ่งผลนั้นออกมาให้เห็นกันแล้วตามข้างต้น..คุณธวัช ถือว่าเป็นคุณอำนวยที่ดี กล้าคิด กล้าทำ และมีความเป็นผู้นำสูง อยากให้คิดว่าการจัดการความรู้ ไม่ใช่เรื่องใหม่นะครับ เพราะถ้าคิดว่าเป็นเรื่องใหม่ และทำแยกส่วนกับงานประจำ อาจจะออกมาไม่ดีทั้งสองอย่าง

คิดว่าน่าจะไปได้สวยนะครับเรื่อง การจัดการความรู้ของเรือนจำพิษณุโลก และคาดว่าถ้ามีการจัดการความรู้ลงลึกไปถึงนักโทษ ให้เห็นคุณค่าของตัวเอง และช่วยให้สนองนโยบาย

"คืนคนดีสู่สังคม" ถ้าผลงานโดดเด่น ผู้เขียนขอรับประกันว่า สื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมากครับ และในฐานะผู้ขับเคลื่อนกระแสการจัดการความรู้สู่งสังคม ผมจะช่วยเสริมอีกแรงครับ

..ติดตามเรื่องเล่า ของหน่วยงานอื่นๆได้ ในโอกาสต่อไปนะครับ ....

ขอตัวเตรียมงานมหกรรมก่อน แล้วว่างเมื่อไหร่จะมาเขียนเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 7949เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2005 10:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท